Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ท่านโอ๊ตฮิ
•
ติดตาม
15 ก.ค. 2021 เวลา 14:48 • นิยาย เรื่องสั้น
นิวยอร์ก ห อกหัก
05 แค่ครึ่งโลก
หลังจากคืนวันลอยกระทง ความสัมพันธ์ของผมกับวิวก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานเราก็ตกลงว่าจะเป็นแฟนกัน
เราเข้ากันได้ดีมาก จนหลายๆ คนอิจฉา
ความโศกเศร้าที่เคยมีต่อแก้วหายไปหมด
ลึกๆ ผมก็รู้สึกขอบใจแก้ว เพราะถ้าแก้วไม่ทิ้งผมไปในวันนั้น ผมก็คงไม่ได้เปิดโอกาสให้ตัวเองมาเจอกับวิว ทุกครั้งที่อยู่กับวิวผมบอกได้เลยว่า ผมโคตรมีความสุข เพราะเธอเข้าใจ และยอมรับในความเป็นตัวผม
“อาร์ม เธอไม่คิดจะกลับไปทำงานแสดงอีกเหรอ” จู่ๆ วิวก็ถามคำถามนี้กับผม
“ไม่ดีกว่า เราว่ามันเสียเวลาเปล่า”
“เฮ้ย ไม่ลองพยายามก่อนล่ะ” เธอยังพยายามให้กำลังใจ
ประโยคคำพูดแบบนี้จะไม่มีทางหลุดมาจากปากของแก้วแน่ๆ เพราะแก้วไม่เคยสนับสนุนงานด้านการแสดงของผมเลย และมีบ่อยครั้งที่ทำให้ผมต้องท้อ
แต่สำหรับวิว เธอแตกต่าง เธอรู้ว่าใจของผมรักการแสดงมากแค่ไหน และพยายามเชียร์ให้ผมกลับไปทำงานด้านการแสดงอีก
จริงๆ แล้วผมก็ยังอยากลองอีกซักครั้ง แต่ผมกลัวว่าทุกอย่างมันจะเป็นเหมือนเดิม และสุดท้ายผมอาจจะต้องเสียวิวไป
“เราพยายามจนไม่รู้พยายามยังไงแล้ว จะบอกให้นะ หากโชคชะตากำหนดมาแล้วว่ามันไม่ใช่ พยายามต่อไปก็เหนื่อยเปล่า อย่าฝืนเลย เราว่าเราตั้งใจทำงานตอนนี้ มันอาจจะเป็นทางที่เหมาะกับเรามากกว่า”
แม้เธอจึงพยายามให้กำลังใจ แต่คราวนี้กลับกลายเป็นผมที่ท้อเสียเอง
“อืม เราเข้าใจ อยากทำอะไรก็ทำเหอะ ยังไงเราก็รักเธออยู่แล้ว”
“หา อะไรนะ”
...
“หา! อะไรนะพี่” ดุ่ยสะดุ้ง หันมาถามผม “แฟนพี่พูดว่าอะไรนะ”
“เขาบอกว่าเขารักพี่”
“โหย แฟนพี่แม่งโคตรหวานเลยอ่ะ นี่ผมอิจฉาพี่แล้วอ่ะ แฟนผมมันยังไม่เคยบอกรักผมเลย”
“เป็นแฟนกัน แต่ไม่เคยบอกรักกัน นี่เป็นแฟนกันจริงรึเปล่า”
“เออ คือผมกับแฟนพูดไม่ค่อยเก่งอ่ะ เราเน้นการแสดงออกมากกว่า” ดุ่ยพูดพร้อมทำท่านิ้วสวมแหวนให้ดูอีกครั้ง แล้วก็ยิ้มอย่างกรุ้มกริ่ม “เออน่า เรื่องผมไม่น่าสนใจหรอก เอาเรื่องของพี่ดีกว่า แล้วยังไงต่อ”
“ก็ไม่แล้วไง ก็เป็นแฟนกัน แล้วก็รักกัน แล้วจะเอาอะไรอีก”
“แหม มันก็ต้องมีบ้างสิพี่ พี่เล่ามาเหอะน่า ผมชอบฟังเรื่องชาวบ้าน”
“เออ ชอบเสือก?” ผมแซวดุ่ย
“แหม พี่อ่ะ หยาบคาย” ดุ่ยหัวเราะ
“อืม หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไร เราก็คบกัน จนกระทั่งวันนึง วิวก็มาบอกว่าเธอจะไปเรียนต่อที่นิวยอร์ก...”
เสียงเจ้าหน้าที่ของสนามบินประกาศให้ผู้โดยสารให้ขึ้นเครื่องดังขึ้น ช่วงเวลาสำหรับการจอดพักที่คูเวตจบลง ได้เวลาที่เราต้องเดินทางกันต่อ
“พี่ เดี๋ยวไปเล่าต่อบนเครื่องดีกว่า” ดุ่ยหันมาบอกผม
...
มันคือช่วงเวลาเมื่อหกเดือนก่อนหน้าที่ผมจะอยู่บนเครื่องบินกับดุ่ย
ตอนนั้นผมกำลังยืนอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิเพื่อส่งวิวไปนิวยอร์ก
มีเพื่อนฝูงหลายคนที่ยกขบวกกันมาส่ง บรรยากาศคึกคักมีการพูดคุย หยอกล้อ และเสียงหัวเราะผสมกันอยู่ แต่ในบรรยากาศตรงนั้นมีคนสองคนที่แอบซ่อนความรู้สึกอะไรบางอย่าง ทั้งสองมองหน้ากันแต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร
“วิว ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวพี่ดูแลไอ้อาร์มเอง รับรองไม่ให้เกเร ไม่ให้เถลไถล สบายใจได้” เป็นพี่แอนที่เข้าขัดจังหวะการมองหน้าของคนสองคน
“พี่แอน วิวไม่กลัวหรอก หมอนี่ไปไหนไม่รอดหรอก” วิวหันไปพูดกับพี่แอน
“เหรอ คิดว่าเราไม่กล้าเหรอไง” ผมพูดกับวิว
“เหรอ แล้วกล้ามั้ยล่ะ” วิวทำตาขวางใส่
“โธ่ ระดับนี้แล้ว มีหรือ...จะกล้า” ผมอ้อนใส่ ทำเอาทุกคนหัวเราะชอบใจ
วิวก็เป็นอย่างนี้มาตลอด ตั้งแต่วันที่เธอมาบอกผมว่าเธอจะไปนิวยอร์ก เธอก็ไม่เคยแสดงอาการเลยว่า หากเราต้องห่างไกลแล้วมันจะเป็นอย่างไร เป็นผมเสียอีกที่อดวิตกไม่ได้
แม้วิทยาการในยุคนี้จะเอื้ออำนวยความสะดวกในการติดต่อสื่อสาร แต่ในใจมันก็ยังรับรู้ได้ถึงความไกลห่าง
ช่วงเวลาที่ผ่านมา ผมเก็บอาการความรู้สึกเหล่านั้นไว้ เพราะไม่อยากให้วิวต้องเป็นกังวล และไม่อยากให้ตัวเองดูเป็นคนอ่อนแอ เราทั้งคู่พยายามใช้เวลาร่วมกันให้คุ้มค่ามากที่สุด ไปเที่ยว ไปดูหนัง ไปกินข้าว ไปทำแทบทุกอย่างที่คู่รักพึงกระทำด้วยกัน...
เสียงเจ้าหน้าที่ของสนามบินประกาศให้ผู้โดยสารให้ขึ้นเครื่องดังขึ้น...และแล้วเวลานี้ก็มาถึง
...
ผมมองแสงไฟกระพริบของเครื่องบินที่หายเข้าไปในความมืดของหลืบเมฆ เครื่องบินลำนั้นบินขึ้นไปแล้ว และกำลังจะพาวิวเดินทางไปสู่นิวยอร์ก
“ครึ่งโลก...มันไกลมากมั้ยพี่” ผมถามพี่แอนระหว่างที่นั่งรถกลับบ้าน
“เฮ้ย กูว่าครึ่งโลกไม่ไกลหรอก แต่จ้าวโลกกูนี่ยาวว่ะ” ไอ้หนึ่ง เพื่อนของผมแย่งตอบ แล้วเพื่อนๆ คนอื่นก็พากันหัวเราะชอบใจ
“ไอ้ห่าหนึ่ง มึงก็กวนตีน ไอ้อาร์มมันเครียดอยู่” พี่แอนหันไปปราม แล้วหันมาพูดกับผม “อาร์ม มึงอย่าเครียด เขาไปเรียน ไม่ได้ไปตาย เดี๋ยวสามปีก็กลับแล้ว ไม่นานหรอก เชื่อกู ชิวๆ”
ผมก็พยายามจะชิวอย่างที่พี่แอนว่า
แต่พอนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ที่สนามบิน
“อาร์ม เรามีอะไรจะให้เธอ” วิวพาผมหลบมาคุยตรงมุมที่ไม่มีคน แล้วเธอก็หยิบปี๊บขึ้นมา
“นี่ เราเตรียมนี่มาให้เธอนะ”
“เธอเอาปี๊บมาให้เราทำไม จะให้เรามาซ้อมเตะเหรอไง ไปอยู่นิวยอร์กนาน กลัวเราจะเตะปี๊บไม่ดังใช่ม้า”
“ตาบ๊อง เอามาคลุมหัวเธอน่ะสิ” วิวเอามือเคาะหัวผมเบาๆ แล้วเปิดปี๊บหยิบเอาของข้างในออกมา
“นี่คือของที่เราเก็บไว้ ระหว่างที่เราไปอยู่ที่นิวยอร์ก เราจะฝากเธอไว้นะ... เธอจำได้มั้ย ตุ๊กตาตัวนี้ ที่เราได้ตอนไปปาลูกโป่งที่งานลอยกระทงไง... ส่วนอันนี้ตั๋วหนังเรื่องฮอบบิท เรื่องแรกที่เราไปดูด้วยกัน... ตั๋วที่เราเข้าไปดูปลาด้วยกัน... ใบเซียมซีที่เสี่ยงได้ตอนไปอยุธยา... อันนี้ลอตเตอรี่ที่เธอซื้อให้เราตอนไปกินข้าวที่เยาวราช... อันนี้คูปองสะสมแต้มร้านเนื้อย่างที่เราไปกินด้วยกันบ่อยๆ...”
ของทุกชิ้นที่วิวหยิบขึ้นมานี้ ล้วนเป็นเรื่องราว และความทรงจำระหว่างเราสองคน ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา
“นี่ เธอเก็บไว้ทั้งหมดเลยเหรอ”
“อืม ยังไม่หมดนะ นี่...” วิวหยิบช้อนพลาสติกเล็กๆ ขึ้นมาหนึ่งคัน “จำได้มั้ยตอนนั้นที่เธอซื้อไอศครีมกิน แล้วเราขอกินด้วย ช้อนคันนี้ที่เรากินไอศครีมด้วยกันไง”
ผมรู้สึกหน้าชา คล้ายๆ น้ำตาจะไหล คิดในใจว่าทำไมคนรักของผม เธอถึงน่ารักขนาดนี้ และตอนนี้เธอกำลังจะเดินทางไปไกลจากผม ผมไม่อยากให้เธอไปเลย ทำยังไงดี ผมจะพูดยังไง ไม่ให้เธอไป ผมอยากให้เธออยู่กับผมที่นี่ เธอไม่ต้องไปนิวยอร์กได้มั้ย...
“อาร์ม” วิวเรียกผม เสียงของเธอสั่นเครือ “เรากลัว”
“กลัว กลัวอะไร”
“ไปถึงที่นั่นเราจะทำยังไง เพื่อนเราก็ไม่มี จะไปไหนก็ไม่รู้จักทาง ภาษาอังกฤษเราก็ไม่ค่อยเก่ง เรากลัวไปหมดทุกอย่างเลย”
ทุกอย่างที่เธอกลัวล้วนเป็นทุกเรื่องที่ผมเป็นห่วง หากเธอไปอยู่ไกลๆ แล้วใครจะดูแลเธอ มาถึงตอนนี้ ผมคงต้องพูดความรู้สึกของตัวเองออกไป
“วิว...จะกลัวทำไม เธอเป็นคนเก่งนะเธอเชื่อเรา เธอเอาตัวรอดได้ ไม่ต้องกลัวหรอก” แม้จะไม่อยากให้เธอไป แต่สำหรับตอนนี้สิ่งที่ผมควรทำที่สุด นั่นก็คือการให้กำลังใจเธอ
“อาร์ม แต่ว่า...ที่เรากลัวที่สุด เรากลัวว่าเธอ...เรากลัวเธอจะมีคนอื่น” คำพูดของวิวที่พูดออกมา ทำเอาผมยิ้มด้วยความดีใจ เพราะคำพูดนี้ ก็คล้ายๆ กับเป็นการยืนยันว่าเธอรักผม “ยิ้มอะไร อย่าบอกนะว่าคิดจะมีคนอื่นจริงๆ” ผมยังคงยิ้มไม่หุบ
“ไม่หรอก เธอก็รู้ อย่างเราจะมีใครเอา นานๆ จะมีหลงมาซักคน” ผมมองหน้าวิว “ไม่ต้องกลัว ชั้นไม่ปล่อยเธอง่ายๆ หรอก” คำปลอบของผม ทำให้วิวยิ้มออกมาได้บ้าง
“แต่นี่เราไปไกลตั้งครึ่งโลกเลยนะ”
“ก็แค่ครึ่งโลกเอง ไม่ไกลเท่าไหร่หรอก จ้าวโลกชั้นยาวกว่าตั้งเยอะ” ไม่อยากเล่าตอนนี้เลยครับ แค่อยากบอกให้ทุกคนรู้ว่าจริงๆ แล้วมุกนี้ผมเล่นมาก่อนไอ้หนึ่ง และอย่างน้อยก็ช่วยให้วิวยิ้มออกมาได้
“ตาบ๊อง ทะลึ่ง” วิวทำหน้างอนใส่ และวินาทีนั้น ผมดึงวิวเข้ามากอด
“วิว ไปเรียนให้จบ แล้วรีบกลับมานะ แค่สามปีเรารอได้”
“อืม” วิวรับคำ ผมค่อยๆ ก้มลงไปแล้วกระซิบไปที่ข้างหูเธอ
“ไม่ต้องกลัวอะไรนะ ยังไงเราก็รักเธออยู่แล้ว”
...
“หา! อะไรนะพี่” ดุ่ยสะดุ้ง หันมาถามผม
“เฮ้ย ก็คนบอกรักกัน จะตกใจอะไรนักหนาวะ” ผมตะคอกกลับ
ดุ่ยมองหน้าผม หน้ามันเหมือนคนกำลังจะร้องไห้
“...โหย อิจฉาอ่ะ”
1
และนั่นเป็นครั้งล่าสุดที่ผมได้ใกล้ชิดกับวิว จากวันนั้นถึงวันนี้ก็เป็นเวลาหกเดือนเต็มแล้วที่ผมไม่ได้มองหน้าเธอใกล้ๆ ไม่ได้กอดเธอไว้ข้างๆ แต่ก็คงอีกไม่นานแล้ว เครื่องบินทะยานขึ้นอีกครั้ง และมุ่งหน้าตรงสู่มหานครนิวยอร์ก ดินแดนแห่งความหอกหักที่สุดในโลก
...
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
นิวยอร์ก ห อกหัก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย