16 ก.ค. 2021 เวลา 08:11 • นิยาย เรื่องสั้น
นิวยอร์ก ห อกหัก
08 อาหารมื้อแรก
หิมะกำลังโปรยปรายลงมา นี่คือครั้งแรกในชีวิตที่ผมได้เห็นหิมะแบบจะจะ ที่ปัดน้ำฝนหน้ารถ กำลังปัดหิมะอย่างขยันขันแข็ง เสียงเพลงจากวิทยุในรถ ดังสวนกับบรรยากาศอันอึมครึมที่อบอวนอยู่รอบๆ
ตอนนี้ผมนั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับ โดยที่วิวนั่งทางด้านหลังทแยงมุมกับผม ผมพยายามเหลือบมองเธอเป็นระยะ เพียงหวังว่าจะได้เห็นรอยยิ้ม แต่ทุกครั้งก็เป็นภาพเดิม เธอยังคงได้แต่ทอดสายตามองหิมะที่อยู่นอกตัวรถอยู่อย่างนั้น ไม่มีใครพูดอะไรบรรยากาศอึมครึมอย่างนี้มันเป็นตั้งแต่ที่ผมได้เจอกกับวิวที่สนามบิน JFK เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว
...
“นี่! เธออยู่ไหน เรามารอตั้งนานแล้วนะ” เสียงที่คุ้นเคยยิงคำถามใส่ผม
“อยู่สนามบิน JFK” ผมตอบกลับไป
“รู้แล้ว แล้วตอนนี้อยู่ตรงไหน ทำไมไม่โทรมา” น้ำเสียงกระชากขึ้นเกือบจะคล้ายการคำราม
บอกตามตรงนะครับ ผมก็ไม่ชอบให้ใครมาขึ้นเสียงใส่ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่กำลังเครียดอย่างนี้ มันกลายเป็นเชื้อ ที่ฉุดอารมณ์ให้ขึ้นได้ทันตาเห็น
“ก็โทรแล้วไง แต่มันโทรไม่ติด ทำไมไม่รับสายเล่า” ระดับความเข้มของเสียงที่ใกล้เคียงกับที่เธอส่งมา ถูกผมส่งกลับไปบ้าง
“ไม่มี ไม่เห็นมีใครโทรมาเลย นี่เธอโทรไปเบอร์ไหนเนี่ย” อารมณ์ของวิวก็ถูกฉุดขึ้นไปอีก
“ก็เบอร์ที่เธอให้มาไงเล่า” ....
ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมาหาว่าใครถูกหรือผิดในเวลานี้ เอาเป็นว่าในที่สุดเราก็พิกัดนัดเจอ แล้วก็ได้เจอกันในที่สุด
แต่ช่วงเวลาที่เจอกันไม่ใช่อย่างที่ผมคาดหวัง คนที่ไม่ได้เจอกันมาหกเดือนกว่า มันน่าจะเป็นการพุ่งทะยานเข้าหากัน แล้วสวมกอดกันอย่างแนบแน่น หลังจากนั้นก็มองตากัน แล้วเธอก็พูดว่า 'คิดถึงคุณจังค่ะ ที่รัก'
แต่ที่ผมต้องเจอ มันไม่ใช่อย่างที่คิด
มันคือความนิ่งเฉย และสงบนิ่ง ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นความสงบก่อนที่พายุใหญ่จะโหมกระหน่ำ และมันยังคงเป็นอย่างนั้นมาร่วมชั่วโมงแล้ว
“พี่มาเที่ยวกี่วันครับ” น้องคนขับหันมาถามผม
...
อ้อ เกือบลืมไป
ผมลืมแนะนำ น้องคนขับที่หันมาถามผมนั้นชื่อ โจ้...
1
โจ้เป็นคนไทยที่มาเรียนอยู่ที่นิวยอร์กหลายปีแล้ว ดูเป็นคนที่มีความเป็นมิตร และเป็นกันเองอย่างน่าเหลือเชื่อ ซึ่งในจุดนี้เองทำโจ้รู้จักกับนักเรียนไทยที่นี่หลายคน
โจ้จะคอยช่วยเหลือนักเรียนไทยหน้าใหม่ที่มาที่นี่
ช่วงที่วิวมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ ก็มีโจ้ที่คอยช่วยดูแล และวันนี้วิวก็รบกวนให้โจ้ขับรถมารับผมที่สนามบิน
นอกจากโจ้แล้ว ทางด้านหลังก็มี เอ๋ กับเปิ้ล ทั้งสองคนเป็นเพื่อนของวิว ที่มารู้จักกันที่นี่ ทั้งสองคนดูเป็นผู้หญิงร่าเริงปกติทั่วไป ผมยังไม่ได้พูดคุยอะไรกับทั้งคู่มากนัก แต่ก็แอบได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ของพวกเธอดังมาจากหลังเบาะมาเป็นระยะ ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอกำลังคุยเรื่องอะไร จะเป็นเรื่องของผมรึเปล่า
แล้วถัดจากทั้งคู่นั่นแหละตัวปัญหาในตอนนี้
“กลับหลังปีใหม่ครับ” นับดูแล้วก็ประมาณสิบวันพอดี “หนาวเนอะ” ผมโยนบทสนทนากลับไปที่โจ้บ้าง
“ครับ อุณหภูมิตอนนี้ก็น่าจะประมาณลบแปดองศา... หนาวเหรอพี่”
“อืม แต่หนาวใจมากกว่า” ผมพูดติดตลก หวังให้ไปกระทบถึงใครบางคน คนที่นั่งเหม่อไปนอกหน้าต่างตลอดเวลา ไม่สนใจคนที่เดินทางไกลตั้งครึ่งโลกคนนี้เลย
“หนาวใจ ฮาอ่ะพี่ แต่เดี๋ยวลงจากรถพี่จะได้รู้ว่าหนาวกายเป็นยังไง” โจ้เอื้อมมือไปเร่งฮีตเตอร์ “ผมเร่งฮีตเตอร์ให้พี่แล้วนะ จะได้อุ่นใจ”
พูดเสร็จทั้งโจ้ และสองสาวที่อยู่ทางด้านหลังก็หัวเราะ ยกเว้นคนๆ เดียว ที่เหมือนอยู่คนละโลก ซึ่งคงไม่ต้องบอกว่าใคร
“นี่รถของโจ้เหรอ” ผมถาม
“เปล่าครับ รถของพี่อีกคน ผมยืมเขามา”
“ใจดีจัง”
“คนไทยที่นี่เราสนิทกันครับ มีอะไรก็ช่วยๆ กัน พี่มานิวยอร์กครั้งแรกเหรอครับ”
ผมพยักหน้า
“ดีเลย เดี๋ยวผมจะพาพี่ไปเลี้ยงต้อนรับการมานิวยอร์กรั้งแรก ร้านนี้เค้าดัง มานิวยอร์กทั้งทีต้องกินที่นี่”
“ได้เลย แต่ตอนนี้พี่เหนื่อยแล้ว เดี๋ยวขอนอนพักแปร๊บนะ เดี๋ยวถึงก็ปลุกพี่ด้วยละกัน” ก่อนหลับตาผมแอบมองกระจก เหลือบไปทางด้านหลัง เธอคนนั้นยังคงไม่แยแสผมเช่นเดิม
“ได้ครับ” โจ้ตอบกลับมา
ผมค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ...
“ถึงแล้วครับพี่”
รถจอดสนิท ทำไมมันถึงเร็วอย่างนี้ นี่ผมได้หลับรึยัง หรือว่าหลับลึกจนไม่รู้สึกถึงเวลาที่เปลี่ยน
ที่นี่คือถนน St.Mark บรรยากาศโดยรอบมีตึกแถวที่ทอดตัวยาวตามแนวถนน ฟุตบาทที่กว้างขวางเดินสบาย ต้นไม้ปกคลุมรายเรียงไปตลอดเส้น และเบื้องหน้าของผมตอนนี้คือร้าน KENKA เป็นร้านอาหารญี่ปุ่น
“ร้านนี้เค้าดังนะพี่ ร้านขึ้นชื่อของที่นี่เลย”
...
ทุกคนทยอยลงจากรถ ผมก้าวลงตามมาติดๆ ที่หน้าร้านนี้มีรูปปั้นตุ๊กตาทานุกิตัวใหญ่ตั้งอยู่ให้ลูกค้าได้เข้าไปถ่ายรูป และที่ข้างๆ ตุ๊กตาทานุกินั้นก็มีเครื่องทำสายไหม
“ความเจ๋งของที่นี่มันอยู่ตรงนี้แหละ” โจ้เสนอหน้าเข้ามาเล่าให้ผมฟังว่า เวลาคนมากินที่ร้านนี้ หลังจากที่เช็คบิลแล้ว เค้าจะให้น้ำตาลก้อนเล็กๆ ให้เรามาทำขนมสายไหมกินเล่นได้ที่หน้าร้าน
บรรยากาศดูคึกคัก มีหลายคนที่สนุกสนานกับการทำสายไหม และอีกหลายคนที่กำลังรอรอคิวเข้าไปทานอาหาร มีทั้งคนเอเชีย และฝรั่งหัวทองเต็มไปหมด ทั้งภาพ กลิ่น และเสียง ที่รายล้อมรอบตัวผมตอนนี้ เป็นเครื่องยืนยันว่า
ในที่สุดผมก็ได้มาถึงอเมริกาแล้วจริงๆ
และอาหารมื้อแรกของผมในอเมริกา นั่นก็คืออาหารญี่ปุ่น
...
(โปรดติดตามตอนต่อไป)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา