18 ก.ค. 2021 เวลา 14:03 • นิยาย เรื่องสั้น
นิวยอร์ก ห อกหัก
20 ดูปลา
“อาร์ม มานี่เร็ว มายืนตรงนี้”
“ไม่เอาอ่ะ ไม่ไป”
“อะไรกัน ป๊อดเหรอ ป๊อดเหรอ”
วิวกำลังยืนอยู่บนพื้นกระจกใส เบื้องล่างนั้น คือฝูงปลามากมายหลายชนิด และหนึ่งในนั้นคือ...ปลาฉลาม ซึ่งมีความยาวร่วมสามเมตร ที่สำคัญมันไม่ได้มีแค่ตัวเดียว แต่มันอยู่กันเป็นครอบครัว
“เปล่า ไม่ได้ป๊อด” ผมปากแข็ง
“ไม่ป๊อดก็มาดิ เร็วๆ อุ๊ยๆๆ ฉลามเธอ ฉลาม​ มาดูเร็ว”
เสียงเรียกของวิว ทำเอาเด็กที่อยู่รอบๆ วิ่งเข้าไปยืนบนพื้นกระจกแผ่นนั้นกับเธอ เพื่อดูปลาฉลามที่ว่ายอยู่เบื้องล่าง
ส่วนผมที่ยืนตัวเกร็งอยู่ด้านนอก ได้แต่ภาวนาให้แผ่นกระจกนั้นอย่าแตก แล้วทำให้เธอกับเด็กกลุ่มนั้นตกลงไป
...
ในที่สุดทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปด้วยดี กระจกไม่แตก ไม่มีใครต้องตกลงไปเป็นอาหารของครอบครัวปลาฉลามข้างล่างนั้น
เป็นครั้งแรกของผมที่ได้มาดูปลาที่ สยาม โอเชี่ยน เวิลด์
ที่มา​นี่ก็เพราะเป็นความต้องการของวิว เธอชักชวนแกมบังคับให้ผมต้องมา
“เราชอบปลา ดูสิ น่ารักจะตาย มันไม่พูดมาก ไม่น่ารำคาญ” เธอเปิดบทสนทนา หลังจากที่เราเดินเข้ามาสู่โซนป่าอเมซอน
“เราก็พูดไม่มากนะ”...ผมก็มีอะไรที่คล้ายปลานะ
“เหรอ...เชอะ แต่เธอก็น่ารำคาญ”...
“อ้าว ทำไมอ่ะ”
“แหม ออกมานี่ อย่าไปยืนตรงนั้น ออกมา” เธอกำลังล้อเลียนผม จากเหตุการณ์เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้...“ป๊อด!”
“เฮ้ย เดี๋ยวก่อนนะ เราไม่ได้ป๊อดนะ ที่เราเรียกให้เธอออกมา เพราะเราไม่อยากให้เธอเสียหายนะ”
“อะไร เสียหายอะไร”
“ก็ดูสิ วันนี้เธอใส่กระโปรงมา แล้วไปยืนบนพื้นกระจกใสอย่างนั้น ไอ้พวกปลาที่อยู่ข้างล่างมันก็แอบมองกางเกงในเธอน่ะสิ”
“เหรอจ๊ะ น่ารักจังเลย เป็นห่วงกันด้วย” เธอลากเสียงยาว ประมาณว่าประชดผมแน่ๆ
“อ้าว เด็กๆ ปลาไหลมีชื่อภาษาอังกฤษว่าอะไรคะ” เสียงของวิทยากรนำขบวนเด็กๆ มาข้างๆ
“อีล !!!!” เสียงเด็กแย่งกันตอบอย่างสนุกสนาน
“เราว่าปลามันไม่น่ารำคาญหรอก แต่ไอ้เด็กพวกนี้นี่แหละ โคตรน่ารำคาญเลย” ผมหันไปบ่นกับวิว
“อะไรกัน เราว่าน้องๆ​ เค้าน่ารักดีออก”
“น่ารักตรงไหน ชอบโวยวาย ปวดกะบาล นี่วิว หากเรามีลูกกัน เธอต้องสอนลูกเราไม่ให้เป็นเด็กชอบโวยวายนะ เรารำคาญ”
“ตาบ๊อง ! ใครบอกว่าเราจะมีลูกกับเธอ”
ได้ผลครับ เธอเขินหน้าแดงเลย
...
“เธอ มาดูห้องนี้ดิ มีแมงกะพรุนด้วย” วิวฉุดผมเข้าไปในห้องแสดงแมงกะพรุน
มันเป็นห้องมืดๆ ที่มีตู้กระจกขนาดใหญ่ ข้างในมีแมงกะพรุนมากมายหลายไซส์
ในตู้เปิดแสงแบล็คไลท์ ช่วยสะท้อนสีขาวของแมงกะพรุนออกมาอย่างสวยงาม
ตรงกลางห้องมีโซฟาตัวใหญ่ ที่สามารถนั่งได้รอบด้าน มันกว้างพอที่จะเอนหลังนอนได้สบายๆ
1
“เออ ห้องนี้ค่อยดีหน่อย” ผมทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาตัวนั้น “เดี๋ยวเรานอนรอตรงนี้นะ เธอไปดูปลาต่อตามสบาย เสร็จแล้วมาเรียกละกัน”
“อะไรกัน ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยนะ อุตส่าห์เสียตังค์เข้ามา” เธอพยายามฉุดผมให้ลุกขึ้น แต่ยากหน่อยนะ แรงหญิงหรือจะสู้แรงชาย ในที่สุดเธอก็หมดแรง แล้วลงมานั่งข้างๆผม
“ไปดูเหอะ เราง่วงจริงๆ เมื่อคืนเราทำงานถึงตีสี่เลยนะ” เมื่อคืนผมทำงานจริงๆ นะครับ ไม่ได้เที่ยวดึก
“แล้วมาทำไม” วิวถาม
“ก็เพราะเป็นเธอไง ถ้าเป็นคนอื่นเราไม่มาหรอก” นั่น...ผมยิงไปอีกดอก
“ทีหลังถ้าง่วงไม่ต้องมาเป็นเพื่อนก็ได้นะ” น้ำเสียงเธอเหมือนมีอารมณ์งอนซ่อนอยู่นิดหน่อย
“ได้ ถ้าไม่ให้เรามาเป็นเพื่อน...เราจะมาเป็นแฟนแทนละกัน” โอ้ว มุกนี้คมจริงๆ ไม่น่าเชื่อ ยิ่งอดนอน ลีลาของผมยิ่งแพราวพราว นี่ถ้าห้องไม่มืดขนาดนี้ผมต้องเห็นว่าเธอกำลังเขินหน้าแดงอยู่แน่ๆ ผมแอบยิ้มในความมืดนั้น
แล้วทันใดนั้น
ผมสัมผัสถึงริมฝีปากของใครบางคน มาสัมผัสกับริมฝีปากของผม มันเหมือนเป็นช่วงเวลาที่หยุดนิ่ง เหมือนลมหายใจไม่เคลื่อนไหว...
ในห้องนี้มีแค่ผมกับเธอ แล้วริมฝีปากนั้นจะเป็นของใครได้อีก
“ธะ เธอ...เธอ ทำอะไรอ่ะ” ผมตะกุกตะกักถามออกไป
“ก็จูบไง”
และนั่นคือจูบแรกของเรา ไม่ทันได้จะพูดคุยอะไรกันต่อ กลุ่มเด็กนรกก็ตามเข้ามาถึงในห้องนี้
“อ้าวเด็กๆ แมงกะพรุนมีชื่อภาษาอังกฤษว่าอะไรคะ” วิทยากรคนเดิมตามมาพร้อมกัน
“เจลลี่ฟิช” เด็กๆ ตะโกนตอบพร้อมเพรียง
ในความมืดนั้น มีผมกับวิวนั่งปะปนอยู่กับกลุ่มเด็กๆ
และในความมืดนั้น
ผมรู้ตัวเองเลยว่า ตอนนี้หน้าผมแดงมากๆ
...
ปวดหัว ปวดหัวมาก...
แสงแดดชอนไชเข้ามาในทุกอณูรูม่านตา พร้อมกับสติสัมปชัญญะที่กลับมาช้าๆ ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้น นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับผม
ความทรงจำสุดท้ายที่มีคือผมเดินไปหยิบไมโครโฟน หลังจากนั้นเรื่องราวมันเป็นยังไงต่อ แล้วผมกลับมาถึงที่นี่ได้อย่างไง ทำไมผมรู้สึกคอแห้งและเจ็บคอขนาดนี้
“ตื่นแล้วเหรอ” วิวนั่งเล่นคอมอยู่ที่โต๊ะ
“เมื่อคืน เรากลับบ้านมาได้ยังไง”
วิวไม่ตอบ แต่ลุกไปเทน้ำใส่แก้ว
“ขอโทษนะ เมื่อคืนเราคงทำให้เธอต้องเดือดร้อนแย่”
จริงๆ แล้ว คงไม่ใช่แค่เธอคนเดียวหรอกที่เดือดร้อน เพื่อนๆ ของเธอก็น่าจะต้องช่วยแบกผมกลับมาที่นี่ด้วยเหมือนกัน
“ดื่มน้ำก่อนเหอะ แล้วเดี๋ยวมากินข้าวนะ” วิวยื่นแก้วน้ำให้ผม แล้วเดินไปที่เครื่องไมโครเวฟเพื่อเตรียมอาหารให้ผม
ผมยกน้ำขึ้นมาดื่ม มันช่วยบรรเทาอาการปวดหัวที่มีให้ทุเลาลงได้ วิวเดินกลับมานั่งเล่นคอมที่โต๊ะ ปล่อยให้เครื่องไมโครเวฟทำหน้าที่ของมันไป ผมพยายามพยุงตัวเองลุกขึ้นจากเตียง แต่ร่างกายทุกส่วนมันดูหนักไปหมด
“อาร์ม” วิวเรียกชื่อผม แต่ตาของเธอยังมองไปที่หน้าจอคอม “นี่อะไร”
ที่อยู่ที่ในมือของเธอตอนนี้
1
นั่นคือ หมวกไหมพรมที่ผมเตรียมมาให้เธอ
จำได้ว่าเมื่อคืนคริสต์มาสอีฟที่ผ่านมา ตอนช่วงที่กำลังเซ็งสุดๆ ผมปามันทิ้งไป แล้วก็ลืมมันไปเลย จนในที่สุด ตอนนี้มันก็ได้ไปอยู่ในมือของเจ้าของตัวจริงซะที
“Happy Anniversary” ผมตอบ
วิวละสายตาจากหน้าคอมและหันมามองหน้าผม “ก็เมื่อวานเป็นวันวันคริสต์มาสไง” ผมช่วยขยายความให้เธอนึกออก
“...”
เธอนิ่งไป เหมือนกำลังค่อยๆ ไล่เรียงความคิด “ซื้อจากไหนมาเนี่ย” เธอถาม
ในที่สุดก็มาถึง นี่แหละคำถามที่ผมอยากให้เธอถามที่สุด
“เราทำเองแหล่ะ” ผมตอบอย่างภูมิใจ “นี่ บนหมวกเราปักตัวอักษร เอ กับ วี ไว้ด้วยนะ”
ที่หมวกไหมพรมใบนี้ ผมถักตัวอักษร เอ กับ วี ไว้ เหมือนกับสร้อยที่เคยให้เธอเมื่อวันคริสต์มาสปีก่อน วันที่เราตกลงว่าจะเป็นแฟนกัน
“...ขอบใจนะ” วิวมองหมวก แล้วมีรอยยิ้มเล็กแอบหลุดออกมาให้ผมได้เห็น
“แต่คราวนี้ เอ วี เราไม่ได้หมายถึงชื่อเธอกับชื่อเรานะ แต่เราหมายถึงหนังโป๊น่ะ คิดว่าเธอน่าจะชอบมากกว่า” ผมแซวเธอเล่น
เธอก้มมองหมวกไหมพรมที่ผมทำให้ “ตาบ๊อง”
เธอพูดออกมาเบาๆ...
น้ำตาของผมแทบไหล เมื่อก่อนวิวชอบด่าผมอย่างนี้ แต่นานแล้วที่เธอไม่ได้ยินคำด่านี้จากปากเธอผม
ตอนนี้ผมมีความสุขจริงๆ ที่โดนเธอด่า มันเหมือนเป็นสัญญาณบอกว่า วิวของผมกำลังค่อยๆ กลับมาเป็นวิวคนเดิมแล้ว
“อาร์ม เรามีอะไ...”
ปิ๊ง !
เสียงร้องเตือนจากเครื่องไมโครเวฟดังขัดจังหวะ เธอลุกจากที่นั่งเดินไปหยิบชามออกมา ไอความร้อนพวยพุ่งขึ้นมา ผสมกับกลิ่นที่ลอยมาเตะจมูก ช่วยปลุกความหิวของผมให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
“เธอลุกไหวมั้ย มานั่งกินตรงนี้ดีกว่า เดี๋ยวมันหกบนเตียง”
วิวเอาชามไปวางบนโต๊ะญี่ปุ่นกลางห้อง ผมค่อยๆ ขยับลงจากเตียงช้าๆ ในหัวตอนนี้ยังมึนๆ เมื่อวานไม่น่ากินเบียร์เยอะขนาดนั้นเลย
“ข้าวต้มนะ กินได้มั้ย”
“ได้สิ อะไรที่เธอทำให้เรากินได้หมดแหล่ะ” ผมพยายามอ้อน แต่ดูเธอยังสงวนทีท่า ไม่มีการตอบสนอง “นี่เธอไปซื้อมาให้เราเลยเหรอ” ผมถาม
“เปล่าหรอก อันนี้มันเป็นของเหลือมาจากเมื่อคืนน่ะ”
เอานะ แม้จะเป็นของเหลือ แต่เธอก็ยังอุตส่าห์มีกะใจเก็บให้เรา...
การได้ซดอะไรร้อนๆ ช่วยไล่อาการมึนได้เป็นอย่างดี
วิวลงนั่งที่ฝั่งตรงข้ามของผม
“วิว กินด้วยกันมั้ย” ผมถามเธอ
“ไม่เป็นไร กินเหอะ เรากินแล้ว” เธอตอบ
ผมตักข้าวต้มเข้าปาก “อืม...อร่อยจัง นี่ข้าวต้มอะไรเหรอ”
“ข้าวต้มปลา”
“อ้าว ไหนเธอเคยบอกเราว่าปลาน่ารักไง แล้วทำไมเอามันมากินซะล่ะ” ผมนึกถึงที่เธอเคยบอก​ ตอนที่เราไปดูปลาด้วยกัน
“เราเคยบอกตอนไหน"...เธอจำไม่ได้...
“ก็ตอนนั้นไง ที่เราไปดูปลา...”
...ผมพยายามรื้อฟื้นความทรงจำ แล้วกะจะลากเข้าเรื่องจูบแรกของเรา เพื่อรำลึกถึงความหวานชื่นที่เราเคยมี
“...แล้วเราก็หนีเด็กไปนอนในห้องแมงกะพรุน แล้ว...”
“พอเถอะ รีบกินเถอะ เดี๋ยวข้าวต้มจะเย็น” วิวขัดขึ้นเสียก่อน กำลังจะถึงจังหวะสำคัญอยู่แล้วเชียว
“อืม ได้”
“อาร์ม” วิวเรียกผม “เดี๋ยวเรามีอะไรอยากคุยกับเธอหน่อย...”
...
วิวมีอะไรอยากคุย​ มันคืออะไร
หรือว่า...จะเป็นเรื่องที่เราสงสัยมาตั้งแต่เมื่อวาน
มันคือสาเหตุที่ทำให้เธอเปลี่ยนไป เธออาจจะพยายามบอกเราเรื่องนั้น
“เรื่อง อะไรเหรอ...“
“เอาไว้กินเสร็จแล้วค่อยคุยกัน” วิวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วกลับไปนั่งเล่นคอมต่อ ทิ้งให้ผมกินข้าวต้มปลาคนเดียว
อะไรกัน ทำไมต้องคุยหลังกินข้าวเสร็จ
แล้วเรื่องที่เธอจะคุยนั้น มันจะดีหรือร้าย
ทุกอย่างในห้องตอนนี้ยังอยู่ในความสงบ แต่สีหน้าและแววตาของเธอ มันเหมือนมีพายุร้ายที่แอบซ่อนอยู่
ถึงตอนนี้​ ข้าวต้มปลาข้างหน้ากลับกลายเป็นอาหารที่กลืนยากทันตาเห็น
...
(โปรดติดตามตอนต่อไป)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา