20 ก.ค. 2021 เวลา 07:32 • นิยาย เรื่องสั้น
นิวยอร์ก ห อกหัก
24 โชคดีนะ
“อ๋อ สงสัยต้องเป็นเพราะเรื่องนี้แน่ๆ เลย ที่ทำให้พี่เมาเมื่อคืนก่อนน่ะ” ภาพเหตุการณ์คืนนั้นกลับเข้ามาในหัวเหมียวอีกครั้ง
“น่าอายจัง นี่ก็อีกเรื่องนะที่เธอห้ามบอกใคร” ผมกำชับเธอ
“แหม ไม่ทันแล้วมั้งพี่ คืนนั้นคนตั้งเยอะ” ช่างเป็นคำพูดที่ให้กำลังใจได้เป็นอย่างดี
“แต่เหมียวว่า เสียงพี่ดีนะ” เหมียวพยายามยิ้มอย่างจริงใจที่สุด... “น่าจะไปประกวดเดอะ ว๊อยส์”
“นี่เหมียวยังไม่ได้กินข้าวเหรอ”
“กินแล้ว ทำไมเหรอคะ”
“ก็เห็นแดกพี่จัง เลยคิดว่าหิว” ผมประชดเธอกลับบ้าง เหมียวหัวเราะชอบใจ
“ใช่ๆ หิวๆ ถึงกินแล้ว แต่ก็ยังหิว พี่อาร์มเลี้ยงข้าวเหมียวเลย” นั่นไง เข้าทางเหมียว ผมไม่น่าพลาดเลย
...
ร้าน Shell Cove กลายเป็นเป้าหมายต่อไปของเหมียว เธอพาผมมาหลังจากที่ผมเผลอเอ่ยปากว่าจะยอมเลี้ยงข้าวเธอ ซึ่งร้านนี้ก็อยู่เยื้องจากร้านเจ๊มานิดหน่อยเท่านั้น โดยเมนูเด็ดของที่นี่ก็คือชาบู
...
“พี่อาร์มอ่ะ เหมียวบอกแล้วใช่มั้ยว่าเหมียวกำลังลดความอ้วนอยู่” เหมียวบ่น
...ใครบังคับ ผมสงสัย
“แล้วดูซิ พามากินชาบูอีก อย่างนี้ไม่ให้อ้วนได้ไง” เหมียวตัดพ้อ
...ใครพามา เธอพาตัวเองมาเองแท้ๆ ผมจำได้
“คอยดูนะ ถ้าเหมียวน้ำหนักขึ้นนะ พี่ต้องรับผิดชอบเลย” เหมียวโวยวาย
...เอ่อ เหรอ เกี่ยวไร???
ว่าแล้ว เนื้อชุดใหญ่ที่เหมียวสั่งไว้ก็มาเสิร์ฟถึงโต๊ะ เราสองคนพร้อมใจกันนั่งหน้าหม้อ จุ่มเนื้อวัวแดงๆ ลงไปในน้ำร้อนๆ อย่างพร้อมเพรียง
รสชาติเนื้อร้านนี้ก็อร่อยดี แต่ให้เทียบกับเนื้อที่ผมเคยกิน ผมยังรู้สึกว่าที่กรุงเทพฯ อร่อยกว่า อาจจะเป็นเพราะในส่วนของน้ำจิ้มที่เขาสู้ของเราไม่ได้
ผมบอกเหมียวว่าที่กรุงเทพฯ มีร้านเนื้อย่างเจ้านึงอร่อยมากๆ ผมกับวิวชอบไปกินด้วยกันบ่อยๆ
“เนื้อย่างเหรอ เหมียวไม่ค่อยชอบกินปิ้งย่าง กลัวมะเร็ง” ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนที่ดูซุกซนอย่างเหมียว จะเป็นคนรักสุขภาพกับเขา
“เหรอ แต่พี่โคตรชอบเลย เธอต้องไปโดนซักครั้ง รับรองพี่ว่าเธอต้องยอมเป็นมะเร็งแน่ๆ”
“อืม” สีหน้าของเหมียวดูจริงจังขึ้นมาทันที “ตอนนี้เหมียวเป็นอยู่”
บรรยากาศดูตึงเครียดขึ้นมาทันที ไม่น่าเชื่อที่ผมพูดเล่นๆ จะกลายเป็นเรื่องจริง
“เหมียว ถ้าเธอเป็นมะเร็ง งั้นพี่...ก็เป็นมะโรงละโว้ย” คราวนี้ผมไม่ยอมให้เธอหลอกง่ายๆ อีกแล้ว ยังจำกันได้ใช่มั้ยตอนอยู่ที่ Times Square เธอเคยหลอกผมมาทีนึงแล้ว บทเรียนครั้งนั้นยังจำถึงวันนี้
“โอ้โห มีพัฒนาการนะเนี่ย” เหมียวเอ่ยปากชม
...
เนื้อในจานค่อยๆ พร่องลงไปเรื่อยๆ เหมียวเล่าเรื่องของเธอก่อนที่จะมาใช้ชีวิตที่นิวยอร์กให้ผมฟัง แล้วมันก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเลยว่า...
“ตอนอยู่เมืองไทยเหมียวทำงานฝ่ายคอสตูมอยู่กองถ่าย”
“เหรอ เมื่อก่อนพี่ก็เคยทำงานอยู่กองถ่ายนะ” ผมไม่อยากบอกเธอเลยว่าผมเคยเป็นนักแสดงประกอบ
“เหมียวรู้ พี่เป็นนักแสดงใช่มั้ย เหมียวเคยเจอพี่”
นี่ไงล่ะ ผมไม่ต้องออกไปดูในอวกาศก็สามารถรับรู้ได้ว่าโลกเรากลมจริงๆ ผมกับเหมียว เราเคยเจอกันมาก่อน
“เดี๋ยวนะๆ เธอทำคอสตูมใช่มั้ย” ผมค่อยรำลึกอดีต “อ๋อ อยู่กองของพี่บีใช่มั้ย” พี่บีที่ว่านี้คือผู้กำกับซิทคอมที่ผมเคยร่วมงานด้วย
“ไม่ใช่ เหมียวทำอยู่กองพี่เฮง” พี่เฮงก็คือผู้กำกับซิทคอมอีกเรื่อง ซึ่งผมก็เคยร่วมงานด้วยเช่นกัน
“พี่เฮง...” ผมเคยร่วมงานกับพี่เฮงอยู่หลายครั้ง แต่ทำไม...
“พี่จำเหมียวไม่ได้ใช่มั้ย” เหมียวทำน้ำเสียงเหมือนน้อยใจ ทำเอาผมรู้สึกผิด “ใช่ซี่ เรามันคนไม่สำคัญ ไม่น่าจดจำ”
เอาละสิ เหมียวพูดเสียงสูง อารมณ์ประมาณว่างอนผมนิดๆ
จริงๆ แล้ว เวลาไปกองถ่าย ผมก็ไม่ค่อยจะสุงสิงกับใคร เวลาส่วนใหญ่ก็หมดกับการอ่านบทพูดที่ได้..(ถ้ามีนะ...ซึ่งน้อยครั้งมาก) บางทีก็หลบไปดูดบุหรี่ หรือไม่ก็เล่นโทรศัพท์ตามเรื่องราว ผมเลยจำชื่อของทีมงานในกองไม่ค่อยได้
ไม่ว่าจะเป็น ช่างแต่งหน้า ช่างผม ช่างไฟ ผู้ช่วยผู้กำกับ บางทีนักแสดงร่วม หากไม่ใช่ดาราดัง ผมก็จำไม่ได้ ไม่ใช่ว่าหยิ่งหรืออะไร เพียงแต่การปฏิสัมพันธ์ระหว่างผม กับคนในกองมันช่างน้อยเหลือเกิน
อีกอย่าง มันก็คล้ายๆ ว่าผมไม่ได้เป็นคนสำคัญอะไรเท่าไหร่ด้วยมั้ง เค้าไม่สนใจผม ผมก็เลยไม่สนใจเค้า
“ขอโทษนะ” ผมอธิบายตามเหตุผลที่บอกไปข้างต้นให้เหมียวฟัง จริงๆ ผมก็เป็นตัวประกอบธรรมดาเท่านั้น ซึ่งเอาเข้าจริงแล้ว “พี่ก็ไม่ใช่คนสำคัญ ไม่มีใครจำพี่ได้เหมือนกันนั่นแหละ”
“แสดงว่านี่เป็นการรวมตัวกัน ของคนไม่สำคัญสินะ”เหมียวพูด แล้วเราก็หัวเราะด้วยกัน
“ใช่ แต่นับจากนี้เป็นต้นไป พี่จะยกให้เหมียวเป็นสุดยอดฝ่ายคอสตูมกองถ่ายเลยละกัน” เหมียวทำท่าดีใจ “...ที่ไม่มีใครรู้จัก” เหมียวทำหน้างอนเล็กน้อย
“งั้นเหมียวจะยกให้พี่เป็นตัวประกอบโนเนม” ผมแกล้งทำหน้าไม่พอใจใส่เหมียว “...แต่เป็นตัวประกอบโนเนมชื่อดัง” เหมียวพูดต่อ ผมก็ยิ้มรับ...
แล้วเราก็หัวเราะด้วยกัน
บางทีการซ้ำเติมตัวเองนี่มันก็สนุกดีเหมือนกันนะ
...
สำหรับผม เหมียวเป็นคนที่มีบุคลิกที่ประหลาดดี บางครั้งผมรู้สึกเหมือนว่ากำลังคุยอยู่กับผู้ชายด้วยกัน แต่ก็เป็นผู้ชายที่มีความละเอียดอ่อนแบบผู้หญิง นั่นทำให้ผมกล้าจะเปิดอกคุยกับเธอได้ในหลายๆ เรื่อง
ในขณะเดียวกันก็ได้แง่คิดที่แตกต่างจากการคุยกับเพื่อนผู้ชายด้วยกัน คล้ายๆ เวลาที่ผมได้คุยกับพี่แอน ต่างที่เหมียวจะมีอารมณ์ขี้เล่น และผมกล้ากวนตีนมากกว่า
“พี่อาร์ม มานิวยอร์กนี่ได้ไปเที่ยวที่ไหนมาบ้างแล้ว”
เหมียวถามผม ระหว่างกินไอศครีมปิดท้ายชาบูมื้อหนักที่เพิ่งผ่านพ้น
“ตั้งแต่ที่ไปเที่ยววันนั้นพี่ก็ยังไม่ได้ไปที่ไหนเลย เมื่อวานก็นอนแฮงค์อยู่ห้องทั้งวัน สงสัยคงได้เที่ยวไม่กี่ที่แน่ๆ”
“จะบอกให้ เหมียวมาอยู่ที่นี่สามปีแล้ว แต่เหมียวก็ยังเที่ยวไม่ทั่วเลย”
เธอตักไอศครีมสตอเบอรี่ของเธอเข้าปาก แล้วพูดต่อ “จริงๆ เหมียวว่าพี่ไม่ต้องเที่ยวให้ครบหรอก แค่พี่ได้มาอยู่ที่นี่ก็ถือว่าคุ้มแล้ว”
เหมียวบอกว่าการมาอยู่ที่นิวยอร์ก แค่ได้มาดูชีวิตของคนที่นี่ เจอบรรยากาศที่แตกต่าง เจอคนใหม่ๆ เรื่องราวใหม่ๆ ทำให้ชีวิตเราไม่ซ้ำซากเหมือนเดิม นั่นก็ถือว่าเป็นประสบความสำเร็จในการมาแล้ว
นิวยอร์ก มันคือสถานที่ที่รวมคนจากหลากหลายเชื้อชาติ หลากหลายวัฒนธรรม มันจึงมีอะไรให้เราได้ดูมากมาย เหมียวหยิบโทรศัพท์ของเธอมาให้ผมดู
“นี่ เหมียวจะโชว์อะไรให้ดู”
แล้วเธอก็เปิดอัลบั้มรูปถ่ายในโทรศัพท์ของเธอให้ผมดู มันเป็นรูปถ่ายจากสถานที่ต่างๆ ในนิวยอร์ก ภาพกิจกรรม และวิถีชีวิตของคนที่นี่ ในบรรยากาศและอารมณ์ที่แตกต่างกัน
“อันนี้เป็นรูปผู้ชายนั่งเล่นกับหมาที่ข้างตึกเอ็มไพร์ สเตท”
เหมียวบอกว่ามันดูแปลกตาดี ขณะที่คนอื่นกำลังเร่งรีบ แต่คนนี้เหมือนอยู่ในโลกคนละใบเลย
“รูปนี้ถ่ายคืนที่เราไปไทม์สแควร์ เหมียวว่ามันตลกดี”
มันคือภาพร้านขายของชำที่อยู่ข้างทาง แต่เห็นคนหลายคนที่กำลังเดินไปมาบังหน้าร้าน ซึ่งภาพจะเบลอๆ นิดหน่อย
“ตลกยังไง” ผมถาม
“ตอนนั้นเหมียวพยายามจะถ่ายภาพหน้าร้านนี้ให้ได้ แต่เชื่อมั้ยวันนั้นเหมียวยืนเล็งถ่ายตรงนั้นตั้งสิบกว่านาที ถ่ายยังไงก็มีคนเดินมาบังอย่างนี้ทุกรูป ไม่มีช่วงเวลาไหนที่หน้าร้านนี้จะไม่มีคนเดินผ่านเลย” เหมียวบอกว่ามันเป็นเกมที่เธอตั้งกฎขึ้นมาเอง หากถ่ายภาพหน้าร้านได้ เธอจะชนะ แต่คืนนั้นเธอแพ้
ในอัลบั้มนั้นยังมีอีกหลายรูป ผมค่อยๆ ไล่ดูไปพร้อมกับฟังที่มาของแต่ละรูป แล้วก็รู้สึกสนุกไปกับเรื่องราวที่เธอเล่า จริงๆ แล้วในทุกๆ สถานการณ์ที่เราได้เจอนั้น มันก็มีมุมที่สนุกแอบซ่อนอยู่ หากเลือกมองในด้านนั้น มันก็อาจจะช่วยให้เรารู้สึกสบายใจได้
ผมน่าจะลองพยายามหามุมสนุกๆ ในช่วงเวลาที่ผมอยู่ที่นี่ ช่วงเวลาที่ผมอยู่กับวิว เพื่อให้เวลาในนิวยอร์กของเรา เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด
“พี่อาร์ม รสช็อคโกแลตอร่อยเปล่า ขอชิมหน่อยนะ” ยังไม่ทันจะอนุญาต เหมียวก็ตักไอศครีมรสช็อคโกแลตของผมเข้าปาก “อืม อร่อยจัง” เหมียวยิ้มชอบใจ
“เร็วเชียวนะ... แล้วรสสตอเบอรี่ของเธออร่อยมั้ย” ผมจะเอาคืนบ้าง
“อร่อยมาก” เหมียวตอบ
“ไหนขอชิมหน่อยซิ” ผมยื่นช้อนไปตักทันที
“หมดแล้ว” เหมียวคว่ำถ้วยโชว์ “ช้าไปนะพี่” แล้วเธอก็หัวเราะชอบใจ
...
ความมืดเริ่มปกคลุมท้องฟ้าในตอนนี้ อากาศเริ่มเย็นลง ถือว่าเป็นองค์ประกอบที่นำมาซึ่งความโรแมนติกโดยแท้ ก่อนมาที่นี่ ผมก็หวังว่าจะได้มีโอกาสมาเดินในบรรยากาศอย่างนี้กับใครซักคน...ซึ่งไม่ใช่เธอ คนที่ผมอยู่ด้วยในตอนนี้
“พี่อาร์มๆ ดีดหลอดนี่เร็ว” เหมียววุ่นวายอยู่กับหลอดดูดน้ำตั้งแต่ออกจากร้านชาบูแล้ว เห็นเธอม้วนปลายหลอดสองข้างเข้ามาหากัน โดยเว้นช่วงกลางของหลอดให้มีอากาศอยู่ภายใน “ดีดสิ ดีดสิ”
“ทำไมต้องดีด” ผมสงสัย
“ถ้าพี่ดีดให้หลอดมันแตกได้ พี่จะโชคดี” เธออธิบาย
อะไรกัน แค่ดีดหลอดก็โชคดีแล้ว เป็นเรื่องที่ไร้สาระมาก
“ดีดสิพี่” เหมียวรบเร้าให้ผมดีดให้ได้
“เออๆ ดีด ก็ดีด” ผมเกร็งนิ้ว แล้วดีดลงไปอย่างเต็มแรง
“โอ้ย!!!” เหมียวร้องโวยวาย หลังโดนผมดีดเข้าไปที่นิ้วของเธอ “ดีดที่หลอดสิพี่!!!”
“โทษที เล็งพลาดไปหน่อย” ผมกลั้นหัวเราะ ไม่ให้เธอรู้ว่าผมจงใจดีดพลาดเอง “เอาละนะ” ผมเกร็งนิ้วอีกครั้ง
“อย่าพลาดอีกนะ”
แปร๊ะ!!!...หลอดถูกแรงดีดอันทรงพลังของผมฉีกขาดเป็นสองท่อน
“โอ้โห อย่างนี้แสดงว่าพี่โคตรโชคดีเลยนะเนี่ย” เหมียวหันมาบอกผม “เอาอย่างนี้ ในฐานะที่พี่อุตส่าห์เลี้ยงชาบู เหมียวจะตอบแทนโดยการซื้อล็อตโต้ให้พี่หนึ่งชุด ตอนนี้พี่กำลังโชคดี อาจจะถูกรางวัลก็ได้ และถ้าถูกนี่รวยเละเลยนะ”
ว่าแล้วเหมียวพาผมไปที่ร้านมินิมาร์ทที่อยู่แถวนั้น เธอซื้อการ์ดล็อตโต้มา แล้วก็ให้ผมเลือกตัวเลขที่ชอบระหว่าง 1-59 มาหกตัว...
ผมค่อยๆ คิดว่าจะเอาเลขอะไรดี ที่นึกออกตอนนี้ก็มี เลขวันเกิดผม วันเกิดของวิว วันที่เราเจอกัน วันที่เราเป็นแฟนกัน และก็วันที่เราจูบกันครั้งแรก...ผมบอกเลขเหล่านั้นให้เหมียว
“ได้มาห้าตัวแล้ว เหลืออีกหนึ่ง จะเอาอะไรพี่” เหมียวหันมาถามผม
“อืม...” ผมนึกไม่ออก “ให้เหมียวเลือกเองเลยละกัน”
“งั้นเหมียวเอาวันเกิดเหมียวแล้วกันนะ” ในที่สุดก็ได้เลขครบ “ที่เหลือจากนี้ก็รอลุ้นผล หากถูกเราก็จะรวย”
“แล้วถ้าพี่กลับไปไทยแล้ว พี่จะรู้ได้ยังไงว่ามันถูกหรือไม่ถูก”
“พี่ก็ฝากการ์ดไว้กับเหมียวไง เดี๋ยวเหมียวดูให้”
“อ้าว แล้วถ้ามันถูก แล้วเธอไม่บอกพี่ล่ะ”
“นี่ พี่...พี่นี่รู้ทันเหมียวอีกแล้วนะ” แล้วเธอก็หัวเราะชอบใจ
“เอาเหอะ เก็บไว้เหอะ พี่ว่า ไม่ถูกหรอก” ผมยื่นการ์ดล็อตโต้ส่งให้เหมียว
...
แม้เหมียวบอกว่าผมจะโชคดี แต่ผมก็เชื่อว่ายังไงผมก็ไม่มีวันถูกรางวัลหรอก ชีวิตนี้ผมเสี่ยงโชคมาหลายครั้ง มันมากพอที่จะทำให้ผมมั่นใจแล้วว่าผมไม่มีดวงทางด้านนี้จริงๆ
และถึงแม้ในใจยังอยากจะมีดวงด้านเงินทองอยู่ แต่สำหรับตอนนี้ผมอยากดวงด้านความรักมากกว่า ผมยังไม่ลืมว่าก่อนหน้านี้ผมทำให้วิวต้องเคือง ผมเกิดความคิดว่าอยากจะทำอะไรบางอย่างเพื่อให้เธอประทับใจ
“เหมียว เดี๋ยวต้องทำอะไรต่อรึเปล่า”
“ไม่มีแล้ว ทำไมเหรอ จะเลี้ยงอะไรเหมียวอีกเหรอ” เหมียวทำท่าอ้อน
“อะไรกันจะกินอีกแล้ว อ้วนแล้ว พอแล้ว” เหมียวทำหน้างอน
ผมมองไปที่ดอกกุหลาบที่วางขายอยู่ที่หน้าร้านมินิมาร์ทนั้น ตอนนี้น่าจะใกล้เวลาที่วิวเลิกงาน
“เหมียวรู้จักร้านที่วิวทำงานใช่มั้ย ช่วยพาพี่ไปหน่อยสิ”
...
(โปรดติดตามตอนต่อไป)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา