25 ก.ค. 2021 เวลา 14:05 • นิยาย เรื่องสั้น
#จันทร์เจ้าขาตอนพิเศษ,
#ผกันคยี
#บทที่2ตอนที่13
(25/7/2021)
สวัสดีครับ เพื่อนๆ,
คืนนี้ขออนุญาตลงจันทร์เจ้าขาตอนพิเศษให้เพื่อนๆได้อ่านกันอย่างเพลิดเพลิน นะครับ ❤️🥛🎹🌟
สุขสันต์วันอาทิตย์นะครับทุกคน😇❤️🎹
ความเดิมตอนที่แล้ว:
ในที่สุดโกเซยะหนุ่ม สำเร็จวิชาย่นระยะทาง จนสามารถเข้าใกล้โบตูระ ผู้พี่ ที่วิ่งนำ ทิ้งห่าง อยู่ข้างหน้า
พร้อมกับยื่นย่ามเงินรางวัลเดิมพัน มอบให้เป็นของขวัญวันแต่งงานของโบตูระตามคำสัญญา..
จากนั้นจึงขอให้โบตูระรีบเร่งเปลี่ยนทิศมุ่งกลับไปยังงานพิธี ..
ในขณะที่โกเซยะหนุ่ม อาสาจะวิ่งหลอกล่อ ให้กลุ่มเศรษฐีมะกะดู ติดตามตนไปอีกทาง..
และ เมื่อโบตูระกำลังจากไป..
อู้พาเฒ่าก็ได้ใช้วิชาย่นระยะทาง วิ่งตามโกเซยะหนุ่มได้ทันเช่นกัน ..
แล้วจึงเอ่ยชักชวนให้โกเซยะหนุ่มรีบวิ่งมุ่งหน้าไปยังสุสานนาคี ที่วัดป่ะโก่
ก่อนที่เหล่าลูกสมุนและเศรษฐีมะกะดูจะไล่ตามขึ้นมาทัน
..
..
ในขณะเดียวกันนั้น
มะกะดู มะกะต่อว์บุตรชาย และลูกสมุนอีกกลุ่ม กลับมาจากอีกทาง วิ่งมาดักรอท่า อู้พาเฒ่า และโกเซะยะ อยู่ที่หน้าประตูวัดป่ะโก่ ..
พร้อมกับจับ องค์หญิงผกันยี เจ้านางนาคีแห่งวัดป่ะโก่ ไว้เป็นตัวประกัน..
..
..
#ราว๑๐วาก่อนถึงบริเวณหน้าวัดป่ะโก่ใกล้กับสุสานนาคี,
อู้พาเฒ่า ได้เห็นภาพตรงหน้า..ที่มะกะต่อว์ยืนถือมีดสั้นแกว่งไกว อย่างไม่สมควร.. ต่อหน้าองค์หญิงผกันคยีของตน..
อู้พาเฒ่า จึงค่อยๆชะลอการวิ่ง แล้วลุกขึ้นยืนกำหมัด ขบกรามสะกดอารมณ์โกรธ.. ก่อนที่จะเดินพุ่งตรงไปหามะกะต่อว์..
อย่างมุ่งมาดอาฆาตร้าย..
ทันใดนั้นเอง มืออันแข็งแกร่งของโกเซยะหนุ่มก็แตะจับไหล่ขวาของ อู้พาเฒ่า ให้หยุดเคลื่อนที่..
และ โกเซยะหนุ่มก็เร่งก้าวเท้าเดินขึ้นนำหน้าแทน อู้พาเฒ่า
..พร้อมกับส่งรอยยิ้มหวาน และเสียงสดใส เอ่ยทักทายเศรษฐีมะกะดู ขึ้นว่า
“ซะ คือ เลอะ เน่ สิ ยา บะ นา (ยินดีที่ได้รู้จักนะขอรับ)”
“ทุกท่าน คงใช้วิชาย่นระยะทางขั้นสูงของอาจารย์กระผมเป็นแล้วทุกท่าน สินะขอรับ.. จึงมาถึงสถานที่แห่งนี้ ก่อนกระผม และอู้พาเฒ่าน่ะขอรับ ฮะฮะ ฮะ”
“หากเป็นเช่นนี้แล้ว ..พวกเราก็ล้วนเป็นคนกันเอง ศิษย์พี่ศิษย์น้อง ร่วมสำนักกันในวิชาย่นระยะทาง นะขอรับ..
กระผม จึงขอเชิญศิษย์พี่ทั้งหลาย วางอาวุธลง แล้วมาล้อมวงร่วมสังสรรค์ วันพบปะศิษย์เก่าสำนักเรา ด้วยกันเถิดนะขอรับ”
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงปืนนัดหนึ่ง..ดังก้องขึ้นทั่วบริเวณ..
“เปรี้ยงงงงงง !!!!”
ร่างสมิงไพรหนุ่มกระเด็นหงายตามแรงกระสุน ล้มลงในทันที..
จากนั้นเศรษฐีมะกะดู ก็บรรจุลูกกระสุนใหม่ เข้าไปในรังเพลิง..
แต่คราวนี้ ได้หันปากกระบอกปืนไปทางอู้พาเฒ่า ..พร้อมกับรอยยิ้มและดวงตาที่ช่างอำมหิต เลือดเย็นนัก..
..
..
#ภายในเรือนหอของมะซานดาและโบตูระ,
ในเวลานี้ รอบดวงตาของมะซานดาปรากฏรอยช้ำแดง อันเนื่องมาจากการร้องไห้อย่างหนักนับตั้งแต่ เมื่อรู้ข่าวว่า โบตูระ ได้หลบหนีหายออกไปจากบ้านในคืนหลังการสู่ขอ..
“ข้าเคยเตือนเจ้า กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว มะซานดา..
ว่าการที่เจ้าเลือกคู่ครองเป็นทหารเอกแห่งเสนาบดีกินหวุ่นมิงจี้ ..อย่างเจ้าโบตูระ ..เจ้าจะต้องพบกับความว่างเปล่า ในยามราตรี..
พบกับการจากลา ที่ปราศจากร่ำลา
และต้องนอนรอคอยอย่างเดียวดาย ..ในอีกหลายต่อหลายครั้ง นับจากนี้..
โอ้ มะซานดา เอ๋ย!! “
มารดาพูดเสร็จ จึงค่อยๆดึงมะซานดาเข้ามาปลอบ และกอดอย่างอ่อนโยน ทะนุถนอม ..
..
..
..
“ ท่าน.. พี่.. โบตูระ”
มะซานดา เอ่ยเรียกอย่างดีใจ ..เมื่อเห็นภาพโบตูระ กำลังเดินขึ้นมาบนเรือนช้าๆ ตรงหน้า..
นางซู ผู้เป็นมารดาจึงเอี้ยวตัวหันกลับมามอง และกำลังจะกล่าวตำหนิ ถึงการกระทำอันผิดธรรมเนียมของโบตูระ ต่อบุตรสาวของตน..
แต่ก็ช้ากว่าการกระทำของ โบตูระ ที่ก้มกราบลงนิ่ง ตรงที่พื้นด้วยอาการสำนึกผิดอย่างที่สุด..
มะซานดาใช้ผ้าคล้องไหล่เช็ดคราบน้ำตา. แล้วรีบเดินเข้ามานั่งลงข้างๆ โบตูระ.. พร้อมกับประคองโบตูระให้ลุกขึ้นนั่ง..
แล้วเอ่ยถาม ด้วยเสียงสั่นเครือ ว่า..
“ท่านพี่ มีธุระรีบเร่งด่วนประการใด หรือเจ้าคะ..
จึงได้จากมะซานดาและครอบครัว ในคืนสู่ขอ
โดยมิได้ร่ำลา กันน่ะเจ้าค่ะ”
โบตูระ รู้สึกตีบตันในลำคอ และเสียใจกับการกระทำของตนยิ่งขึ้นไปอีก. เมื่อมองเข้าไปในสายตาที่หวั่นไหวของมะซานดา นางผู้เป็นที่รัก ..
โบตูระ หายใจเข้าลึกครั้งหนึ่ง..ก่อนที่จะระบายลมยาวออกมา พร้อมกับพูดขึ้นว่า..
“พี่ต้องขอโทษ มะซานดา และท่านแม่ซู ..อย่างที่สุดที่จากไปโดยมิได้ร่ำลา
ก็ด้วยว่า..พี่เป็นห่วง ในแผนการแห่งความรักและหวังดีของโกเซยะ ..ที่จะไปชิงชัยไก่ชน และนำเงินรางวัลจากชัยชนะ มามอบให้ท่านแม่ซู และมะซานดา เป็นของขวัญสินสอด ในวันสำคัญ..
ซึ่งโกเซยะก็ทำสำเร็จ ได้อย่างน่าภูมิใจขอรับ..
และนี่..คือ..
แก้วแหวนเงินทอง ของรางวัล ที่โกเซยะ มอบให้ขอรับ..”
เสียงกระทบกันของ เพชรนิลจินดา เครื่องประดับทอง และเงินจำนวนมาก ที่ถูกเทกอง ออกจากย่ามของโกเซยะ..ช่างมีเสียงที่เย้ายวนชวนฟัง ..
ไม่แพ้ประกายระยิบระยับ สะท้อนไปมา น่าชวนมองเช่นกัน ..
จำนวนและมูลค่าของกองทรัพย์สินตรงหน้า ช่างดึงดูดความสนใจของท่านแม่ซู ให้ตกภวังค์นิ่งราวกับต้องมนต์..
“แล้วนี่ โกเซยะ ไปอยู่เสียที่ใด หรือเจ้าคะ ท่านพี่?!?”
มะซานดา เอ่ยถามโบตูระ ขณะที่ใช้สายตา สังเกต มองหา โกเซยะหนุ่ม..
โบตูระ ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้มะซานตา แล้วจึงตอบว่า
“อีกสักครู่ เมื่อโกเซยะทำธุระเสร็จ ..ก็จักตามมาร่วมงานพิธี ของเราอย่างแน่นอนจ้ะ น้องมะซานดา
ว่าเช่นนั้นแล้ว..พี่คงต้องขอตัวไปอาบน้ำอาบท่า เปลี่ยนชุดใหม่ให้เรียบร้อย ก่อน..แล้วจึงกลับมาพา น้องพี่ไปเข้าในพิธีของเราในอีกไม่ช้า นะน้องพี่..”
มะซานดาหันหน้ามองไปทางอื่น ในทันที ..
เมื่อโบตูระ ถอดเสื้อของตนออก เผยมัดกล้ามแน่น และแผ่นอกกว้าง ..
“ท่านพี่ เจ้าคะ..”
มะซานดา เอ่ยเรียกโบตูระ
เมื่อเหลือบเห็นแผ่นหลังใหญ่ที่ดูอบอุ่นนั้น ..
โบตูระหยุดเดินในทันที และเอี้ยวตัวหันกลับมาถาม มะซานดาว่า..
“มีอะไรรึ.. น้องพี่”
มะซานดาจ้องประสานสายตากับโบตูระครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า ตอบว่า..
“มีเจ้าค่ะ..
หากภายภาคหน้า ท่านพี่หายไปจากมะซานดา โดยมิบอกกล่าวเช่นนี้อีก..
มะซานดาจักขอลาจากท่านพี่ และทางโลก ไปบวชเป็น
ตี่ละฉิ่น* (แม่ชี)ในสำนักของซะหย่าจี ในสุสานนาคี วัดป่ะโก่ นะเจ้าคะ”
บรรยากาศในบทสนทนาของมะซานดาเวลานี้ ช่างเยียบเย็น จริงจัง จนโบตูระสัมผัสได้..และต้องกล่าวตอบอย่างระมัดระวัง ว่า..
“พี่ต้องขอโทษ มะซานดาอีกครั้ง และพี่ขอให้สัญญากับน้องว่า..
พี่สำนึกแล้วจริงๆ และจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ อีกในภายภาคหน้า อย่างแน่นอน
พี่ขอสัญญา..
แต่ถ้าหากมะซานดา เอือมระอาหรือ หนีพี่ไปบวชเป็นตี่ละฉิ่น มุ่งแสวงการหลุดพ้นห้วงมหรรณพเมื่อใดแล้ว..
พี่ โบตูระ จักขอเป็นพระยม ผู้โดดเดี่ยว ที่มารอเฝ้าส่งตี่ละฉิ่น ที่สุดปลายห้วงมหรรณพในวันนั้นเช่นกัน..”
มะซานดาได้ฟังถ้อยคำที่คล้ายเป็นสัจจวาจานั้นแล้ว..จึงรีบลุกขึ้น วิ่งเข้ายื่นมือ..แตะที่ริมฝีปากของชายผู้เป็นที่รัก และพูดขึ้นว่า..
“พอได้แล้ว เจ้าค่ะท่านพี่..
มะซานดาเชื่อแล้วเจ้าค่ะ
อย่ากล่าวในลักษณะตั้งจิตสัจจวาจาในเรื่องนี้ อีกนะเจ้าคะ.. มะซานดากลัวเจ้าค่ะ..”
โบตูระ เชยคางมะซานดา นางอันเป็นที่รักขึ้นมอง ..
แล้วจึงใช้มือทั้งสองข้างกอดมะซานดาให้ยืนแนบแน่นกับแผงอกกว้างของตน
แล้วเอ่ยถาม ขึ้นว่า..
“ตัวพี่นั้นหอมราวกับช้างเน่า..
แล้วตัวเจ้าจะรังเกียจ
พี่บ้างไหม?”
มะซานดาหลับตาซบลงบนอกนั้น พลางหัวเราะและกระซิบเบาๆ ว่า
“ถึงตัวพี่ แม้จะเหม็น
ราวกับช้างตาย..
น้องก็มิหน่ายจะกอดพี่..
เจ้าค่ะ..”
..
..
#บริเวณหน้าวัดป่ะโก่ใกล้กับสุสานนาคี,
ร่างของโกเซยะหนุ่มขยับตัวอย่างช้าๆ พร้อมกับเสียงกระแอมไอ..
โกเซยะหนุ่มกัดฟัน ส่งยิ้มให้มะกะดู..
ในขณะที่มือทั้งสองข้างค่อยๆก็แกะกลัดเสื้อ ปลดแผ่นเหล็กถ่วงน้ำหนักที่พันรอบๆตัวออก..
จากนั้น จึงยันตัวลุกขึ้น
แล้วพูดออกมาเบาๆ กับเศรษฐีมะกะดู ว่า
“นี่สินะขอรับ ที่เรียกว่า
ยิงก่อน.. พูดทีหลัง..
แค่กๆ แค่ก.. “
โกเซยะหันไปโค้งศีรษะให้อู้พาเฒ่า พร้อมกับส่งสัญญาณ พยักหน้าให้อู้พาหันไปมองที่องค์หญิงผกันยีอีกครั้ง..
“ไปต่อกันเถิด อู้พา..”
โกเซยะ ตะโกนดังขึ้น .. แล้วจึงโยนไก่กะหร่องมะตีฮะส่งให้อู้พาเฒ่า..
และในช่วงเวลาที่ ไก่มะตีฮะกระพือปีกบินนั้นเอง ไก่มะตีฮะก็ ร้องส่งเสียงดังขึ้นว่า
“โฮกกกกก !!!” อีกครั้ง..
โกเซยะหนุ่มก็รีบกระโจนพุ่งไปข้างหน้า คว้าข้อพระกร องค์หญิงผกันคยี ให้หลุดออกจากมา มะกะต่อว์
จากนั้นจึงกระโดดใช้เท้ายันที่หน้าของมะกะต่อว์ พร้อมกับถีบอย่างแรง เพื่อให้เป็นแรงส่งต่อเหวี่ยงให้องค์หญิงผกันคยี ไปหาอู้พาเฒ่า ที่รอรับอยู่..
แก้มข้างหนึ่งของมะกะต่อว์ แนบชิดแน่นกับส้นเท้าดำของโกเซยะ ..ปากของมะกะต่อว์ อ้าบิดเบี้ยว และฟันราวสองสามซี่ กระเด็นตามออกมา พร้อมเสียงร้องสูงว่า
“พ๊ออออออองงงง”
โกเซยะหนุ่มใช้พลังถีบอีกครั้ง พาตัวเองให้หลุดออกจากใบหน้าของมะกะต่อว์อย่างรวดเร็ว พร้อมกับพุ่งคว้า ไก่มะตีฮะให้กลับมาอยู่ในอ้อมกอดของตน..
ใบหน้าซีดขาวของคุณชายแห่งตระกูลเศรษฐีที่นอนสลบไม่ได้สติ..ปรากฏรอยเท้าดำสกปรก ที่เหม็นราวช้างเน่า ส่งกลิ่นจนเศรษฐีมะกะดู ผู้เป็นบิดา ต้องหลับตาหันไปทำหน้าพะอืดพะอม ทางอื่น..
..
..
จบบทที่ 2 ตอนที่ 13
ร้อยเรียงจันทร์เจ้าขา
(T.Mon)
25/7/2021
#เกร็ดเพิ่มเติม
#ตี่ละฉิ่น
ตี่ละฉิ่น (พม่า: သီလရှင်, ออกเสียง: [θìla̰ʃɪ̀ɴ]; "ผู้ทรงศีล" – มาจากคำบาลีว่า สีล)[1] เป็นนักพรตหญิงในศาสนาพุทธนิกายเถรวาทในประเทศพม่า ลักษณะเดียวกับแม่ชีในประเทศไทย
ตี่ละฉิ่นจำนวนไม่น้อยได้รับการยกย่องในสมัยพีะเจ้ามินดง เช่น ซะหย่ากีง ได้รับนิมนต์จากพระเจ้ามินดงให้ไปถวายพระอักษรเจ้านายฝ่ายใน..
สวัสดี และขอจบเพียงเท่านี้
ขอบคุณครับ
..

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา