26 ก.ค. 2021 เวลา 16:14 • บันเทิง
Bruce Lee EP. 2 ปรัชญาความคิดและชีวิตครอบครัว
Bruce Lee ต่างกับนักแสดงบทบู๊คนอื่นๆเท่าที่มีมา ตรงที่ ลี ศึกษาเรื่องหมัดมวยอย่างเอาจริงเอาจัง และซ้อมท่าเดิมซ้ำๆอย่างไม่เคยเบื่อ
ทั้งยังแสวงหาปรัชญาที่เป็นที่มาของ ท่าหมัดมวยและเรื่องการเดินลมปราณในร่าง
เคล็ดลับอย่างหนึ่งในการต่อสู้ ที่เขามักจะสอนคนที่มาฝึกกับเขาคือ
Be W A T E R
ทำตัวดุจดั่ง สายน้ำ
น้ำ เมื่ออยู่ในภาชนะใด มันก็จะแปลงร่างเปนของสิ่งนั้น
ปรัชญาข้อนี้ ที่เหล่า นักศึกษาและเยาวชนฮ่องกง นำมาเปน concept ใช้ในการต่อสู้เรียกร้อง ปชต.( โดยที่เหล่าแกนนำสามนิ้วของไทยก็รับมาจาก ฮ่องกงโมเดลอีกที )
คือ รวมตัวกันเมื่อไร ที่ไหน แบบ flash mob ได้ทั้งนั้น และมวลน้ำมีพลังที่จะซัดสิ่งที่กีดขวางให้กระเจิง และสามารถสลายตัวได้เร็ว เหมือนน้ำที่ไหลกระจายแทรกซึมไปได้ทุกหนแห่ง
รูปปั้นเต็มตัว Bruce Lee ที่ ถนนดารา - Avenue of star ฮ่องกง ฝั่งเกาลูน ตรง อ่าว Victoria
ลีเรียนกังฟูกับ ปรมาจารย์หมัดมวยจีน ยิบ มัน ( Ip man ) ซึ่งปัจจุบันมีการสร้างหนังเรื่องของ ยิบ มันถึง 4 ภาคเป็นแนวมวยจีนที่เน้นแนวทางฝึกความแข็งแกร่งและจู่โจมรวดเร็ว ไม่ท่ามาก แนวมวยนี้เรียกว่า "หย่งชุน"แต่ลีเรียนแค่ 3 ปี (ตอนที่เรียนอายุ 14 ปี : 1954-57)ซึ่งนับว่าไม่นาน และภายหลัง ลี มาประยุกต์เปนแนว Jeet kun do ของตัวเอง โดยใช้ แนว หย่งชุนเป็นหลัก ผสมผสานกับ ยูโด เทควันโด มวยสากล และท่าเต้นรำ (ตอนเริ่มหนุ่ม ลี เคยเป็นแชมป์ เต้นรำ ชะชะช่า ในเมืองที่เมกา
ตอนที่เปิด รร.สอนกังฟูในเมกา ลีมีนโยบายรับสอนทุกชนชั้น ไม่ปิดกั้นสีผิว ซึ่งยุคนั้นยังกีดกันกันอยู่มาก
เรื่องการแบ่งแยกชาติพันธุ์หรือสีผิว ลี เห็นในทิศทางเดียวกับ แชมป์มวยรุ่นยักษ์ สิงห์จอมโว - มูฮัมเหม็ด อาลี เจ้าของบทเพลง
Black superman
ที่มีวลีสร้อยว่า " Catch me if U can " และท่าเต้นฟุตเวิร์คที่พลิ้วไหวดังผีเสื้อโบยบิน
He floats like a butterfly
and stings like a bee
สังเกตได้ว่า ท่าเต้นฟุตเวิร์คของลี และ อาลี คล้ายกันมาก
น่าจะเปน ลี เลียนแบบ อาลี
ในแง่ความไวความเร็วของท่าร่าง แคสเซียส เคลย์ หรือ อาลี บนเวทีผืนผ้าใบ มีสายตาที่ไว และการหลบหมัด หรือเข้าทำที่รวดเร็ว เมื่อเทียบน้ำหนักรุ่นยักษ์ของเขา
ส่วนกับ บรูซ ลี ในเรื่องความเร็วไวในการเคลื่อนไหว ไม่ต้องพูดถึง เอาเปนว่า ขนาดตอนที่เขายังเข้าวงการใหม่ๆวัยยี่สิบเศษเล่นหนังเรื่อง the Green Hornet การถ่ายทำฉากที่ ลีต่อสู้กับศัตรู ต้องใช้เทคนิคเพิ่ม เฟรมเรทเพื่อให้จับภาพการเคลื่อนไหวของ ลี ได้ชัดเจนขึ้น
ผมขอเวลานอก อธิบายคำว่า " ซินตึ๊ง " สักนิด (ขออนุญาตอ้างอิงจากโพส ของ Milady's novel อีกที)
ฉากหนึ่งซึ่งผมจำได้ติดตาติดใจจนตอนนี้ไม่มีลืม เพราะเห็นแล้วทึ่งปนขำในมุกของผู้กำกับเรื่องแรกของ the big boss - ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง (ภาค 1) ตอนที่ ลี ต่อยจนตัวร้ายลิ่วล้อหงายหลังล้มกระแทกฝาผนังเรือนไม้โรงน้ำแข็ง (ที่ถ่ายทำในไทย)จนผนังพังทะลุเปนรูปตัวคน เห็นแล้วขำดี
เฉินหลงแสดงประกอบในหนังสองภาคแรกของลี
เปนตัวร้ายลิ่วล้อที่ถูกลีทุบตีกระเจิงไปสองฉาก
ฉากหนึ่ง claim ว่า คือฉากที่ถูกต่อยจนล้มทะลุผนังโรงน้ำแข็งเป็นรูปคนนี่แหละ
อีกฉากหนึ่งคือ ฉากที่เฉินหลง ถูกลีตีด้วยพลอง ในภาคสอง(หรือสี่ ?) จนบาดเจ็บ (ไม่สาหัส)
ดูไม่ค่อยออกว่า เป็นเฉินหลง
มีข้อน่าสังเกตว่า
ในฉากต่อสู้ที่โรงน้ำแข็ง ตัวร้ายสวมหมวกแก้ปที่ถูกต่อยล้มทะลุเรือนไม้ไปแล้ว ในช้อทถัดมาติดกัน กลับมีตัวร้ายสวมหมวกใบเดียวกันโผล่มาอีก อาจจะเปนการตัดต่อลำดับภาพฉากสลับเวลากัน (ภาพล่างก่อนถูกต่อยคว่ำลงไป ภาพบนคือฉากถัดมาหลังตัวร้ายถูกต่อยคว่ำไปแล้ว แต่สวมหมวกใบเดียวกัน)
แสดงว่า การถ่ายทำยุคนั้น ทำกันค่อนข้างลวกๆ ไม่ได้พิถีพิถันกับความสมจริงของรายละเอียดในหนังเท่าไร
หรือเป็นเพราะยุคนั้น ไม่มีอุปกรณ์จับผิดหนังมากมายเหมือนยุคนี้ ? ไม่มียูทูปให้เราดูย้อนไปย้อนมานับครั้งไม่ถ้วนแบบตอนนี้
หลังจากที่ลี เรียนวิชากังฟูกับ ยิบมัน ปรมาจารย์หมัดมวยจีนในตำนานแล้ว ลียังมุ่งมั่นขยันหาความรู้ทางศาสตร์และศิลป์ของการต่อสู้มาตลอดชีวิต
เขามีห้องสมุดส่วนตัวที่มีหนังสือถึง 2,000 เล่ม ! ทั้งยังชอบสเก้ทช์ภาพต่างๆในท่วงท่าการต่อสู้ และเขาได้ประยุกต์กังฟูผสมผสานกับปรัชญาต่างๆออกมาเปน กังฟูแนว Jeet Kune Do
ทั้งยังพยายามถ่ายทอดแนวคิด /ปรัชญา/ท่วงท่าการต่อสู้แนว จิท กวน โด ในหนังเรื่อง Game of Death หากแต่ทำไม่เสร็จ ถ่ายฉากต่างๆได้เพียง 47 นาที ก็มาเสียชีวิตไปก่อน
ว่ากันว่า หากถ่ายทำจนจบ เริ่องนี้จะเปนหนังระดับ master piece ของเขา เพราะในหนังเปนเนื้อหาที่ไม่เพียงแค่เพื่อความบันเทิงเหมือนหนังบู๊พื้นๆทั่วไปเท่านั้น
ผมไม่แน่ใจว่า 10 ข้อคิดจาก บรูซ ลี นี้เป็นของลี จริงหรือไม่ เพราะที่เห็นชัดๆคือ ข้อที่ 10 เป็นแนวคิดที่นักปรัชญาฝรั่งคนหนึ่งชื่อ Fritz Perisเคยเขียนเอาไว้
แต่ก็เป็นไปได้ว่า ลี อาจจะหยิบเอาคำกล่าวของ Fritz Peris มาเป็นคติประจำใจก็เปนได้
ถือว่า เป็นแรงบันดาลใจ ที่บันดาลมาอีกที ว่างั้น !
ว่ากันถึงปรัชญาความคิดในชีวิตการงานแล้ว ก็ขอแนะนำชีวิตครอบครัวของเขาบ้าง
ภริยา- ลินดา บุตรชาย-Brandon บุตรสาว- Shanon Lee
ลีมีลูกชายและลูกสาวอย่างละคนกับภริยาลินดา ชาวอเมริกัน
ลูกชายคือ แบรนดอน ลี ได้สืบทอดอาชีพนักแสดงตามบิดา แต่เรื่องไม่คาดฝันแถมชวนสงสัยก็เกิดขึ้น เมื่อ แบรนดอน ในวัย 28 ต้องเสียชีวิตขณะแสดงหนังเรื่อง the Crow อีกาพญายม ด้วยสาเหตุคือ ฉากที่ แบรนดอนถูกยิง ปืนที่ใช้ยิงมีลูกกระสุนจริงในรังเพลิง !
(ตอนที่ลีเสีย แบรนดอน อายุแค่ 8 ขวบ)
บางคนเลยโยงว่า เปนการตามถอนรากถอนโคนวงศ์ตระกูลของ บรูซ ลี
ศพของ แบรนดอน ถูกนำมาฝังเคียงคู่หลุมศพผู้พ่อ - บรูซ ลี ที่อเมริกา เลควิว ซีแอ้ตเติ้ล หินที่จารึกหน้าหลุมศพของแบรนดอน เป็นหินสีดำสองชิ้นประกบกัน ถ้ามองจากด้านบน (top view) จะเห็นเป็นสัญลักษณ์ หยินหยาง ซึ่งเป็นวิถีที่ บรูซ ลี ผู้พ่อนำมาใช้ในแนวมวย จิท คุน โด้ ของเขา
ตอนต่อไป EP. 3 สาเหตุการเสียชีวิตของ ลี
เป็นตอนที่ใช้เวลาค้นคว้าและใช้เวลาเรียบเรียงนานที่สุด และต้องใช้ความระวังเพื่อให้เกียรติกับลี
เฉินหลง พูดถึง ความประทับใจที่ได้แสดงหนังร่วมกับลี ในตอนที่ตนเองเป็นนักแสดงตัวประกอบ no name

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา