30 ก.ค. 2021 เวลา 02:41 • หนังสือ
#46 เล่ม 3 บทที่ 9 หน้า 218 - 223
N : ชีวิตต้องเหมือนการไปโรงเรียนแน่ๆเลย ผมยังจำความตื่นเต้นตอนเปิดเทอมวันแรกของทุกปีได้ และก็ความลิงโลดตอนวันสุดท้ายก่อนปิดเทอมได้แม่น
G : ใช่เลย❗ ชีวิตเป็นอย่างที่เธอพูดนั่นล่ะ❗ เพียงแต่ว่า "ชีวิตมิใช่โรงเรียน"
N : ครับ ผมจำได้ พระองค์อธิบายเรื่องนี้เอาไว้แล้วในเล่ม 1★ ยอมรับว่าก่อนหน้านั้นผมคิดว่าชีวิตคือ “โรงเรียน” ที่เราต้องมาอยู่ที่นี่ก็เพื่อ “เรียนรู้บทเรียนที่จำเป็น” ในเล่ม 1 พระองค์ช่วยให้ผมเข้าใจขึ้นมามากว่านั่นคือ "ความเชื่อที่ผิดพลาด"
★อ่านทบทวนได้ตามลิงค์ครับ ~ แอดมิน
G : ฉันดีใจนะ นี่ล่ะที่เรากำลังพยายามทำกันอยู่ในไตรภาคนี้ นั่นคือ “ทำให้เธอเกิดความกระจ่าง” ตอนนี้เธอก็เข้าใจเหตุผลและกระบวนการแล้วว่า วิญญาณสามารถอยู่ในภาวะสุขล้นหลัง “ความตาย” โดยไม่จำเป็นต้องรู้สึกอาลัยอาวรณ์ “ชีวิต”
แต่เธอถามคำถามใหญ่เอาไว้ ซึ่งเราก็ควรกลับไปดูสักหน่อย
N : ถามว่าอะไรนะครับ❓
G : เธอถามว่า “หากวิญญาณไม่มีความสุขตอนอยู่ในร่างมากขนาดนั้นทำไมไม่รีบออกไปให้มันจบๆ มัวมาค้างเติ่งอยู่ในร่างทำไม❓”
N : อ้อ จำได้แล้วครับ
G : จริงๆแล้ว “วิญญาณก็ทำอย่างนั้นอยู่” และนี่ก็ไม่ได้หมายความว่าวิญญาณออกจากร่างแค่ตอน “ตาย” เพียงอย่างเดียว มันไม่ได้ออกจากร่างเพราะไม่มีความสุข แต่เพราะต้องการฟื้นฟูสภาพและเรียกคืนความสดชื่น
N : ออกไปบ่อยมั้ยครับ❓
G : ทุกวัน
N : วิญญาณออกจากร่างทุกวัน❓ ออกไปตอนไหนครับ❓
G : ตอนที่วิญญาณโหยหาประสบการณ์ที่พ้นไปจากขีดจำกัดตรงหน้า เพราะจะทำให้มันกระปรี้กระเปร่าขึ้น
N : ออกไปเฉยๆอย่างนั้นเลยหรือครับ❓
G : ใช่ วิญญาณออกจากร่างเธอตลอดเวลา เป็นประจำสม่ำเสมอทั้งชีวิต นี่คือเหตุผลที่มี “การนอนหลับ”
N : วิญญาณออกจากร่างตอนที่เรานอนหลับ❓
G : ใช่ 🔸นี่คือความหมายที่แท้จริงของการนอนหลับ🔸
ตลอดชีวิตของเธอ วิญญาณต้องการฟื้นฟูความกระชุ่มกระชวยเป็นระยะๆ คล้ายๆกับการเติมเชื้อเพลิงให้เผาไหม้ได้ตลอดการเดินทางด้วยพาหนะที่เรียกว่าร่างกาย
เธอคิดว่าการที่วิญญาณอาศัยอยู่กับร่างกายเป็นเรื่องง่ายหรือ❓
ไม่ใช่เลย❗ มันอาจเป็นเรื่องเรียบง่ายแต่มันไม่ได้ง่ายเลย❗
แม้จะเบิกบานยินดีแต่ก็ไม่ง่าย
นี่คือเรื่องที่หินที่สุดที่วิญญาณเธอเคยทำ❗
1
วิญญาณ (ที่รู้ถึงความโปร่งเบาและอิสระภาพในระดับที่เธอจินตนาการไม่ออก) 🔸โหยหาที่จะสัมผัสกับสภาวะนั้นอีก🔸 แบบเดียวกับที่เด็กขยันเรียนโหยหาช่วงปิดเทอมใหญ่ภาคฤดูร้อน (เพราะจะได้พักจากการเรียน) และก็แบบเดียวกับผู้ใหญ่ที่โหยหาคนข้างกาย...และถึงแม้จะมีคนเคียงข้างแล้วก็ยังอยากจะมีเวลาอยู่กับตัวเองตามลำพัง
📌 วิญญาณต้องการสัมผัสกับสภาวะที่แท้จริงที่มันเป็น นั่นคือ “ความเบาสบายและอิสระภาพ” คือ “ความสงบล้ำและเบิกบาน” คือ “ความไร้ขีดจำกัดและปราศจากความทุกข์” คือ “ความรู้แจ้งและรักบริบูรณ์”
📌 วิญญาณคือสภาวะเหล่านั้นทั้งหมด...และยังเป็นมากกว่านั้นอีก แต่เวลาที่มันอาศัยอยู่กับร่างกายตัวมันแทบไม่เคยได้รับประสบการณ์ถึงสภาวะเหล่านั้นเลย
✴️ ดังนั้นมันจึงจัดการตัวเองและบอกกับตัวเองว่า มันจะอยู่กับร่างกายนานเท่าที่จำเป็นเพื่อจะสร้างและมีประสบการณ์ถึงตัวเองอย่างที่มันเลือกอยู่ตอนนี้ แต่มีเงื่อนไขว่ามันจะออกจากร่างกายตอนไหนก็ได้ตามที่มันต้องการ❗
1
วิญญาณออกจากร่างทุกวัน...โดยอาศัยประสบการณ์ที่เธอเรียกว่า “การนอนหลับ” เป็นเครื่องมือ
N : “การนอนหลับ” คือประสบการณ์ที่วิญญาณออกจากร่าง❓
G : ถูกต้อง
N : ผมคิดว่าการที่เราง่วงจนหลับไปเป็นเพราะร่างกายต้องการพักผ่อนเสียอีก
G : เธอเข้าใจผิดแล้ว ตรงกันข้ามเลย “วิญญาณต่างหากที่ต้องการพักผ่อน” จึงเป็นเหตุให้ร่างกาย “ผล็อยหลับไป”
วิญญาณจะทิ้งร่างไปจริงๆ (บางครั้งก็ตรงที่ที่มันยืนอยู่นั้นเลย) ถ้ามันอ่อนล้าจากสภาวะจำกัด เหนื่อยอ่อนจากความหนักอึ้งและพันธนาการที่รัดรึงจากการอยู่กับร่างกาย
1
หากวิญญาณต้องการ “เติมเชื้อเพลิง” ...เบื่อหน่ายกับเรื่องไม่จริงและสิ่งจอมปลอม หรือรู้สึกถึงภยันตราย...หากมันต้องการฟื้นคืนความเชื่อมโยงและความเชื่อมั่น ต้องการพักผ่อนและปลุกจิตใจให้ฟื้นตื่นขึ้นอีกรอบ 🔸วิญญาณก็แค่ผละจากร่างไป🔸
ช่วงแรกที่มาอาศัยอยู่กับร่างกาย ถือเป็นเรื่องที่สาหัสสากรรจ์มากสำหรับวิญญาณ เป็นช่วงที่เหนื่อยมาก โดยเฉพาะกับวิญญาณที่เพิ่งมาใหม่ นี่คือเหตุผลที่ "ทารกนอนหลับอยู่ตลอดเวลา"
พอพ้นช่วงสาหัสสากรรจ์แรกเริ่มจากการหวนคืนสู่รูปกาย วิญญาณจะเริ่มทนกับการอยู่ในสภาพนี้ได้มากขึ้น จึงอยู่กับร่างกายได้นานขึ้น
ในเวลาเดียวกันนั้น ส่วนที่เป็นจิตใจของเธอจะเข้าสู่ภาวะลืมเลือน (อย่างที่วางแผนไว้ตั้งแต่แรก) และแม้วิญญาณจะออกจากร่าง (ไม่ถี่เท่าเดิมแต่ก็ยังออกไปเป็นประจำทุกวัน) แต่ก็ไม่ทำให้จิตใจระลึกได้เสมอไป
แน่นอนว่าในช่วงเวลานั้นวิญญาณอาจเป็นอิสระก็จริง แต่จิตใจก็อาจสับสนได้เหมือนกัน ซึ่งตัวตนโดยรวมของเธออาจเกิดคำถามขึ้นมาว่า “ตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหน❓ ฉันกำลังสร้างอะไรอยู่ตรงนี้❓” การเสาะหานี้อาจส่งผลเป็นการเดินทางที่ไม่ปะติดปะต่อหรือกระทั่งน่าหวาดหวั่น และเธอก็จะเรียกการเดินทางเที่ยวนั้นว่า “ฝันร้าย”
แต่บางทีก็ตรงกันข้าม วิญญาณได้สัมผัสกับภาวะระลึกรู้อันเลิศล้ำและจิตใจก็พลันตื่นรู้ตาม ภาวะนี้เอิบอาบไปด้วยความสงบลึกและความเบิกบาน ซึ่งเธอจะรู้สึกได้จากภายในตอนกลับมายังร่างแล้ว
1
ยิ่งตัวตนทั้งหมดของเธอได้ฟื้นคืนความสดชื่นกลับขึ้นมาใหม่ (ได้เติมพลังจากการออกจากร่างไป) รวมถึงระลึกได้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรและพยายามจะทำอะไรร่วมกับร่างกายได้มากเท่าไหร่ วิญญาณก็จะยิ่งออกจากร่างน้อยลงเท่านั้น เพราะตอนนี้มันรู้แล้วว่า : ✨มันมาอาศัยอยู่กับรูปกายนี้ด้วยเหตุผลบางอย่างและจุดมุ่งหมายบางประการ — ซึ่งตัวมันก็ปรารถนาที่จะบรรลุภารกิจนั้นให้ได้ด้วยการใช้ประโยชน์จากร่างที่มีอยู่นี้ให้เต็มที่ได้ตลอดเวลา✨
🔸ผู้เปี่ยมปัญญาจึงไม่จำเป็นต้องนอนมากนัก🔸
N : พระองค์กำลังบอกว่า เราสามารถบอกได้ว่าใครมีพัฒนาการทางจิตวิญญาณมากน้อยแค่ไหนก็ดูจากว่าเขาจำเป็นต้องนอนมากน้อยเพียงใดงั้นหรือครับ❓
G : บอกได้เป็นส่วนใหญ่ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด บางเวลาวิญญาณเลือกออกจากร่างก็เพราะมันให้ความรู้สึกที่ดี ง่ายๆแค่นั้นเลย มันอาจไม่ได้ต้องการปลุกกระตุ้นจิตใจให้ตื่นขึ้นอีกครั้งหรือต้องการฟื้นฟูความสดชื่นให้กับร่างกายอะไร มันเพียงแค่เลือกจะประสบกับสภาวะแห่งความสุขล้นจากการตระหนักรู้ถึง “ความเป็นหนึ่งเดียว” 🔹ฉะนั้นก็ไม่ถูกเสียทีเดียวถ้าจะบอกว่าใครนอนมากก็แสดงว่าคนๆนั้นยังไม่พัฒนาทางจิตวิญญาณ🔹
ทว่า ในขณะที่วิญญาณตระหนักรู้ได้มากขึ้นและมากขึ้นถึงสิ่งที่ตัวเองกำลังทำร่วมกับร่างกายและกระจ่างขึ้นเรื่อยๆว่า “ตัวเองไม่ใช่กายนี้” แต่เป็นสิ่งซึ่ง “อาศัยอยู่กับกายนี้” เพียงเท่านั้น ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่วิญญาณจะเต็มใจและสามารถใช้เวลาอยู่กับร่างกายได้นานขึ้นเรื่อยๆ จนดูเหมือนว่า “นอนนิดเดียวก็อิ่ม”
แต่วิญญาณบางดวงก็เลือกที่จะมีประสบการณ์ทั้งสองอย่างพร้อมกันคือ : เลือกทั้ง “สภาวะลืมเลือนจากการอยู่กับรูปกาย” และ “สภาวะแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกันของวิญญาณ”
📌 โดยสามารถฝึกให้ด้านหนึ่งของตนถอนการยึดโยงจากรูปกายในขณะที่ก็ยังอยู่กับมัน จนได้สัมผัสกับความสุขล้นจากการตระหนักรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง โดยที่ยังมีสติรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลาในระหว่างนั้น
N : ต้องทำยังไงครับ❓ ผมจะทำอย่างนั้นได้ยังไง❓
G : มันเป็นเรื่องของการตระหนักรู้ เป็นสภาวะของการตระหนักรู้อย่างเต็มเปี่ยม อย่างที่ฉันได้บอกไปแล้ว★ เธอไม่สามารถ “ทำ” อะไรเพื่อเข้าถึงสภาวะนี้ได้ เธอสามารถ “เป็น” ตัวสภาวะนั้นได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
★อ่านทบทวนได้ตามลิงค์ครับ — แอดมิน
N : แล้วมันต้องทำยังไงละครับ❓ ต้องทำยังไงกันแน่❓ มันต้องมี “เครื่องมือบางอย่าง” ที่พระองค์สามารถมอบให้ผมได้สิ
...
...
...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา