Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
1 ก.ย. 2021 เวลา 01:23 • นิยาย เรื่องสั้น
6.3. จันทร์หม่นคนเดียวดาย
กวนอู กวนเป๋ง จิวฉอง ขุมกำลังเกงจิ๋ว
รถม้าวิ่งหายไปทางสะพานเตียงปันแล้ว ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจเพียงว่า ศัตรูยากตอแยวิ่งหายลับไปแล้ว ยังไม่รับรู้ว่ากวนอูจากไปด้วยกัน กวนเป๋ง จิวฉองจึงผลักดันทหารเกงจิ๋วให้ต้านทานกองกำลังฝ่ายตรงข้าม รักษาเส้นทางข้ามสะพานเตียงปันอย่างสุดชีวิต ยิ่งยื้อเวลาได้นานเท่าไหร่ ท่านกวนอูผู้มีพระคุณชุบเลี้ยงก็มีโอกาสรอดมาขึ้นเท่านั้น
แต่แล้ว จิวฉองที่ใบหน้าซีดเซียวเพราะเสียเลือด พลันฉุดรั้งกวนเป๋ง พร้อมตะโกน “ท่านจงนำทหารองครักษ์ตามไปช่วยนายท่าน ทางนี้ ปล่อยให้ข้าจัดการคนเดียวก็เพียงพอ”
กวนเป๋งสบตาสหายคู่ศึกที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมาตั้งแต่เด็กเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนบังคับม้าจากไปพร้อมกองกำลังคนสนิท เมื่อข้ามพ้นสะพานแขวนอันเลื่องชื่อ หันกายมามองจากอีกฟากฝั่ง เห็นโจหยิน ซิหลง สะบัดอาวุธทิ่มแทงจิวฉองตายไปอย่างน่าสะเทือนใจ
เสียงโครมดังสนั่น กวนเป๋งมองเห็นเลียวฮัว ขุนพลรองคนสนิทของจิวฉองรั้งท้าย หลั่งน้ำตาสั่งการให้กองทหารเดนตายตัดเชือกขึงสะพานคู่เตียงปันขาดอีกครั้งหนึ่ง พอเข้าไปสอบถาม ได้ความว่า จิวฉองผู้พิการตัดสินใจยอมสละชีวิต สั่งการให้มันข้ามฟากมาจัดการกับสะพาน เพื่อตัดเส้นทางการตามล่าของฝ่ายตรงข้าม
ฉับพลันนั้นเอง เบื้องหน้าจากแนวป่าไม้ใหญ่เกิดเสียงโห่ร้องคึกคัก กองทหารม้าเร็วจากกังตั๋งนำโดยลิบองทั้งสาม ที่นึกว่าหลบหนีไปแล้วนั้น กลับกลายเป็นการซุ่มซ่อนรอจังหวะโจมตีอีกครั้ง อาศัยสดชื่น ซ้ำเติมอ่อนล้า ไล่ล่าสังหารทหารเกงจิ๋วที่หมดสิ้นหนทางล่าถอย เพราะด้านหลังเป็นเหวลึก สะพานเชื่อมสองฟากฝั่งถูกตัดขาดไปแล้ว
กวนเป๋งคลั่งแค้นใจที่เสียรู้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า รีบถืออาวุธเข้าแก้ไขสถานการณ์ให้พวกพ้อง แต่แล้ว ลิบอง พัวเจี้ยง และซุนเกากลุ้มรุมเข้ามาพร้อมกัน เสียบแทงอาวุธเข้าใส่ร่างของกวนเป๋งอย่างไม่ปรานี สุดท้าย เป็นพัวเจี้ยงที่ตัดคอกวนเป๋งหลุดลอยไปอีกหนึ่งคน
เลียวฮัวไร้ชื่อเสียง ไม่เป็นเป้าหมายสังหาร แต่การไล่ล่าอยู่ต่อหน้าต่อตา เห็นชะตากรรมของกวนเป๋ง ผู้นำทัพที่หลงเหลืออยู่แล้ว จึงได้แต่อาศัยโชคชะตา รีบทิ้งร่างลงสู่เหวลึกที่รู้แก่ใจว่า ด้านล่างคือ แม่น้ำไต้กัง อย่างน้อย ก็ยังมีทางรอดชีวิตกลับไปบอกข่าวสำคัญได้บ้าง ม้าเซ็กเทา จิวฉอง กวนเป๋ง ตายแล้ว ส่วน กวนอู หายสาบสูญไป
…
ห่างไกลออกไป รถม้าของพวกหมอฮัวโต๋จากไปแล้ว พร้อมท้ิงม้าโดยสารไว้ให้หนึ่งตัว กวนอู และกวนอินผิง-เตียวเฟิงโบกมืออำลาผู้มีพระคุณด้วยความเข้าใจ สงครามและการเมืองทำให้หมอคนดังไม่กล้าเปิดเผยตัวตนว่า ฝักใฝ่ฝ่ายใดให้กระทบคนการเมืองทั้งหลาย พอจบสิ้นเรื่องราว จึงรีบขอตัวแยกย้ายไปตามเส้นทางของปุถุชนทั่วไป
กวนอูเห็นว่า ในขณะที่เส้นทางฟากฝั่งด้านตะวันออกนี้ ล้วนตกเป็นของโจโฉ ซุนกวนไปหมดสิ้นแล้ว คงยากจะฝ่าด่านตรวจทั้งทางบกและทางน้ำในช่วงเวลานี้ ทำให้พวกมันตัดขาดออกจากขุมกำลังเสฉวนไปโดยปริยาย จึงสมควรหาที่หลบซ่อนตัวชั่วคราว เพื่อฟื้นฟูร่างกายให้พร้อมต่อสู้ก่อน อย่างน้อย ทางฝั่งตะวันออกนี้ ยังมีหุบเขามังกรซ่อนที่จูกัดจิ๋นเป็นประมุข น่าจะเป็นที่พึ่งพิงได้อีกแห่งหนึ่ง
แต่ที่จริง กวนอูยังหวังลึกๆว่า เตียวเลี้ยว เพื่อนสนิทจะยังพึ่งพาได้ หากมันแอบติดตามท่าทีฝ่ายตรงข้ามไปก่อน อาจจะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น มันจึงเสนอชื่อวัดป่าน้อยที่สองบนเขาจวนหยกสัน ณ เมืองซินเอี๋ย สถานที่ส่วนตัวซึ่งห่างไกลผู้คน และสมควรจะรกร้างว่างเปล่าอยู่จากการเผาทำลายเมื่อคราวก่อน ทั้งสองรีบเร่งเดินทางไปตามเส้นทางหลวงทั้งกลางวันและกลางคืน จนหลุดรอดไปถึงเชิงเขาจวนหยกสันได้ในที่สุด
ตลอดเส้นทางมีข่าวคราวร่ำลือให้ได้ยินมากมาย เช่น โจโฉ ซุนกวนยอมเจรจาแลกตัวประกันระหว่าง ซุนแจ้ง กับ อิกิ๋ม โจฮิว และหย่าศึกกันไปทั้งสองฝ่าย โจโฉพอใจที่ไม่สูญเสียทั้งเมืองอ้วนเซีย และเมืองหับป๋า ในขณะที่ ซุนกวนพอใจที่ได้เมืองเกงจิ๋วทั้งหลาย สมรภูมิฝั่งตะวันออก จึงคล้ายยุติลงแล้วชั่วคราว
คงมีเพียงเล่าปี่ ดาวรุ่งทางการเมือง ที่เป็นผู้สูญเสียทั้งเมืองสำคัญที่เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ และน้องร่วมสาบาน กวนอูที่หายสาบสูญไป แต่ก็น่าแปลกใจที่เล่าปี่ยังดูสงบเงียบเกินไป หรือว่าพวกเล่าปี่จะเชื่อถือข่าวลือที่กำลังแพร่สะพัดไปทั่ว
ข่าวลือจากสายวิชาการระบุ กวนอูที่หายสาบสูญ ที่จริง ละทิ้งสัตย์สาบานที่สวนดอกท้อ ยอมเข้าร่วมกับฝ่ายกังตั๋งไปแล้ว เพียงรอวันประกาศให้โลกสะท้านสะเทือน
…
ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มีแสงจันทร์เพียงริบหรี่ กวนอูและเตียวเสี้ยน กำลังจูงม้าเดินไปตามเส้นทางขึ้นเขาจวนหยกสัน จนมาถึงจุดที่ีกวนอูเคยปะทะกับหลวงจีนเภาเจ๋ง เบื้องหน้าก็เห็นเป็นทางเข้าวัดป่าน้อยที่สองแล้ว ความตึงเครียดจากการหลบหนีจึงค่อยทุเลาลง กวนอูจึงหยุดเท้า บอกเล่าเรื่องการต่อสู้ครั้งก่อนให้เตียวเสี้ยน สาวคนรักได้รับฟัง
ทันใดนั้น มือสังหารชุดดำสองคนพุ่งตัวลงมาจากต้นไม้สูง ใช้กระบี่แยกย้ายจู่โจมคนทั้งสอง กวนอูคว้าง้าวมังกรเขียวต้านรับเอาไว้ได้ทันเวลา แต่ก็ได้รับบาดเจ็บผิวเผินอยู่บ้าง จึงผลักไสให้หญิงงามหลบไปด้านหลัง ปล่อยให้มันจัดการกับสองมือสังหารตามลำพัง ในขณะที่ม้าโดยสารกลับวิ่งเตลิดหายลงเขาไปเสียแล้ว
ที่จริง กวนอูกำลังต้องการระบายความคั่งแค้นในใจ จึงใช้กระบวนท่าสยบมังกรขั้นสูงเข้าใส่คนทั้งสองอย่างไม่ยั้งมือ จนใกล้จะสังหารได้หลายครั้ง หากมิใช่แผลเก่าที่โดนพิษเกาทัณฑ์กำเริบขึ้นให้รำคาญใจ และลดทอนเรี่ยวแรงไปบางส่วน แต่แล้ว เกิดเสียงร้องดังจากเบื้องหลัง กวนอูตกใจ รีบสะบัดง้าวขับไล่คู่ต่อสู้ แล้วถอยกลับไปดูอาการของเตียวเสี้ยนที่ถูกมีดปักคาอก เลือดนองเต็มเสื้อผ้า นอนแน่นิ่งไปแล้ว
ความรู้สึกของกวนอูสับสน ทุกสิ่งที่รักล้วนจากหายไปหมดสิ้น ภาพของม้าเซ็กเทา กวนเป๋ง จิวฉอง ล่องลอยมาในความคิด รวมถึงเตียวเสี้ยนที่อยู่ตรงหน้า ขุนพลจันทร์พิฆาตไม่เคยอ้างว้างและตกต่ำถึงเพียงนี้ จนมันเกิิดความรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง และอยากหายไปจากโลกอันโหดร้ายใบนี้
เสียงเปรี๊ยะดังขึ้น ต้นไม้ใหญ่ด้านข้างระเบิดออก พร้อมร่างของมือสังหารคนที่สามพุ่งออกมาแทงกระบี่ผ่านทะลุไหล่ซ้ายของกวนอูซ้ำแผลเดิมอีกครั้ง กลับปลุกให้กวนอูกลับคืนสู่โลกความเป็นจริง ทันเวลารับมือกับสามมือสังหารชุดดำพอดี
กวนอูตัดสินใจใช้กระบวนท่า “มังกรสะท้านไตรภพ” แยกย้ายเข้าใส่เป้าหมายในระยะประชิด เห็นมือสังหารทั้งสามได้รับบาดเจ็บรุนแรง ล้มกลิ้งไปกับพื้นดิน แต่กวนอูกลับชะงักเท้า ปรากฏมีดสั้นปักเข้าใส่ที่น่องซ้าย หรือว่ามีมือสังหารคนที่สี่ซ่อนอยู่อีกคน
กวนอูลอยตัวเตะกราดออกไปตามสัญชาตญาณ เห็นร่างมือสังหารคนที่สี่ลอยกระเด็นไปเช่นกัน แต่เมื่อมองถนัดตา กลับกลายเป็นเตียวเสี้ยน สาวคนรักที่นึกว่า ตายจากไปแล้วเมื่อครู่ ลอยตัวพลิ้วหลบท่าเท้าออกไปได้อย่างสวยงาม
“ที่แท้ เจ้าคือจอมโจรสาวจริงๆหรอกหรือ เตียวเสี้ยน” กวนอูพลันเข้าใจในทันที ข่าวลือเรื่องศึกสองนางพญาคือความจริง เปียนสี-เตียวเสี้ยน คือนางโจรเตียวเฟิง แห่งพรรคฟ้าเหลือง ตัวมันเองกลับถูกหลอกลวง ชักนำนางโจรร้ายมาเป็นคู่รัก และปลอมแปลงฐานะเป็นลูกสาวบุญธรรมเสียเอง
“ถูกต้องแล้ว ข้าคือเตียวเฟิง ทายาทแห่งพรรคฟ้าเหลือง ถึงแม้วิทยายุทธ์จะอ่อนด้อย แต่วิชาหลอกลวงผู้คน และความสามารถในการใช้พิษ กลับเป็นเรื่องถนัดของข้า” เตียวเฟิงตอบโต้ ใช้วาจาทิ่มแทงเข้าใส่หัวใจที่เปราะบางของกวนอูจนยับเยิน
กวนอูรู้สึกคันยิบๆขึ้นบริเวณบาดแผลทีีน่องซ้าย จึงรีบใช้ง้าวปาดเนื้อตนเองออกไปก้อนใหญ่ บรรเทาพิษร้ายลงไปได้บ้าง พลันรู้สึกคุ้นเงาร่างของมือสังหารฝ่ายตรงข้าม จึงตวาดถาม “เตียวเลี้ยว เป็นเจ้าใช่หรือไม่”
เห็นมือสังหารยกมือปลดหน้ากากออก เป็นเตียวเลี้ยวที่เพิ่งมีข่าวบาดเจ็บจากเสียงพิณสังหารจริงๆ “เสียใจด้วย สหายเรา มีผลประโยชน์ร่วมกัน ก็รักใคร่ชอบพอ แต่เมื่อเป้าหมายขัดแย้ง ก็ต้องทำลายล้าง วันนี้ คือวาระสุดท้ายของท่านแล้ว”
กวนอูเลือดขึ้นหน้า รีบกระชับง้าวขึ้นหมายเสี่ยงชีวิตกับฝ่ายตรงข้าม แต่เตียวเฟิงกลับโบกมือห้าม พร้อมกล่าวคำ “พวกเราพรรคฟ้าเหลืองเป็นเพียงกองหน้า ยังคงเป็นผู้อื่นที่ต้องการชีวิตของท่าน เพื่อชดใช้หนี้ชีวิต พวกเราขออำลาไปแล้ว”
พูดว่าไปเป็นไป เตียวเฟิง เตียวเลี้ยว และมือสังหารทั้งสอง ถึงกับเหวี่ยงระเบิดควันทึบลงกับพื้นดิน และหลบหนีไปจากที่เกิดเหตุ กวนอูที่อยู่ท่ามกลางหมอกควัน รู้สึกถึงความหมองหม่นภายในจิตใจส่วนลึกอีกครั้งหนึ่ง
…
เตีียวเฟิง เตียวเลี้ยว และสองมือสังหารชุดดำ ใช้วิชาตัวเบาวิ่งลงจากเส้นทางขึ้นเขาอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดไม่เคยเห็นเตีัยวเฟิงแสดงฝีมือ ถึงกับลอบทอดถอนใจ ชมเชยความอดกลั้นอดทนของนางโจรพันหน้าที่ไม่เคยแพร่งพรายความสามารถให้ใครรู้
จนออกห่างมาจากที่เกิดเหตุพอสมควร พบเห็นรถม้าสงบนิ่งอยู่ในเงามืด เตียวเฟิงจึงส่งสัญญาณให้หยุดเท้าลง ประตูรถม้าเปิดออก พร้อมกับร่างของผู้เฒ่าในชุดธรรมดาก้าวลงมาโบกมือพูดคุยกับคนทั้งหลาย
“ท่านอาจารย์ ไม่เจอกันนานนัก” เตียวเฟิงน้อมกายคารวะ เฉกเช่นกันกับคนที่เหลือ
“ทำได้ดีแล้ว เรามองเห็นทุกอย่างในระยะไกลได้จากสิ่งประดิษฐ์พิสดารนี้แล้ว” ผู้เฒ่าลึกลับยกวัตถุทรงกระบอกแคบยาวให้เห็น “มันเรียกว่า กล้องส่องทางไกล ลอกเลียนมาจากต้นแบบที่บังทองเคยใช้งาน เจ้าก็รับไปใช้ประโยชน์เถอะ”
ผู้เฒ่ากดมือเข้าหากัน ลดความยาวของกล้องส่องทางไกลลงกว่าครึ่ง มอบให้กับเตียวเฟิง ผู้เป็นศิษย์หญิง พลางสั่งการต่อ “ตัวหมากทั้งหลายกำลังจะเข้าสู่แผนการณ์ขั้นสุดท้าย การตายของแฮหัวเอี๋ยนและกวนอู เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น นายใหญ่สั่งการลงมาให้เตียวเลี้ยว เตียวคับ เตงงาย จงกลับไปเตรียมพร้อมในสถานะเดิม รอรับคำสั่งต่อไป ส่วนเตียวเฟิง จงไปพร้อมกันกับข้า ภารกิจสำคัญกำลังรอเจ้าอยู่ที่แดนไกล”
ที่แท้ มือสังหารอีกสองคน ก็คือ เตียวคับ หรือชื่อเดิม เตียวคี ดาวอำพรางในสัตตดารา และ เตงงาย ลูกศิษย์ในนามของห้าพยัคฆ์ ซึ่งถ้าออกมาในรูปแบบนี้ แสดงว่า เตียวเลี้ยว คงเกลี้ยกล่อมให้เตงงายเข้าร่วมสังกัดพรรคฟ้าเหลืองด้วยแล้ว
ยังมี แสงจันทร์พลันกระจ่างขึ้นวูบหนึ่ง มองเห็นใบหน้าผู้เฒ่าลึกลับ คลับคล้ายเป็น เตียวเจียว ดาวนักปราชญ์ที่แฝงตนอยู่ในฐานะเสาหลักแห่งกังตั๋งมาเนิ่นนาน แต่เตียวเจียว ขุนนางผู้เฒ่าสายบุ๋นไม่น่าจะเดินทางมาไกลได้ถึงเพียงนี้ หรือว่า คนผู้นึ้คือ เตียวเหียน กุนซือฝาแฝดที่กำกับดูแลนิกายแสงจรัส และคลุกคลีกับพรรคฟ้าเหลืองเป็นอย่างดี คนที่ถูกคาดคิดไปว่า ถูกเตียวเลี้ยวสังหารตายไปแล้วเมื่อครั้งก่อกำเนิดพันธมิตรแห่งฟากฟ้า
…
หากเชื่อมโยงขุมกำลังพรรคฟ้าเหลืองที่เป็นจุดรวมพลของคนตระกูลเตียว เข้าไปยังกลุ่มของพวกจูกัดกุ๋ยทั้งสี่ กุญแจสำคัญในการประสานรับ ก็คือ ขันทีเตียวโถ อดีตหัวหน้าองครักษ์ผู้กว้างขวางในวังหลวง หนึ่งในสี่วิญญูชนนครหลวง
เตียวก๊กสามพี่น้อง แห่งพรรคฟ้าเหลือง และเตียวเหยียง แห่งสิบขันที คือ กองหน้าก่อความวุ่นวาย เตียวเหียน เตียวเจียว สองกุนซือฝาแฝดแห่งนิกายแสงจรัส และเงาอสูร คือ กองหลังสร้างรากฐานระยะยาว
เมื่อบังเต๊กกง-เฒ่ากระเรียนสิ้นชีพ เตียวเหียนก็หาเหตุแสร้งตายกระทันหัน ส่งสัญญาณให้เตียวเจียวผลักดันให้ซุนเกี๋ยน และพวกเครือข่ายตระกูลซุน ออกมาลงมือล้างแค้น และเปิดเผยตัวตนมากขึ้น ทางด้านกวนลอกับเตียวเลี้ยว รวมทั้งคุณชายสกุลม้าก็ช่วยกันหลอกลวงคนทั้งแผ่นดิน รวมทั้งซุนเกี๋ยนเอง ให้งมงายเชื่อมั่นในฤทธิ์เดชของพิณสังหาร อาวุธทรงประสิทธิภาพที่อุตส่าห์ฝึกฝนมาหลายสิบปี
หลังจากนกกระสากับหอยกาบต่อสู้กันจบสิ้นลง ชาวประมงก็จะมารับผลประโยชน์ไปโดยง่ายดาย แผ่นดินฮั่นของคนแซ่เล่าที่ใกล้จะล่มสลายด้วยน้ำมือของคนสกุลโจและซุน สุดท้ายก็จะตกเป็นของตระกูลจูกัด มังกรผู้ซ่อนกายที่แท้จริง
…
กวนอูได้รับบาดเจ็บสาหัสทั่วร่างกาย ทั้งแผลลึกที่ไหล่ซ้าย และทั้งพิษร้ายที่น่องซ้าย ภายในใจก็แตกสลายยับเยินจนเซื่องซึมอ้างว้าง จึงเดินลากง้าวมังกรเขียวก้าวเข้าสู่ประตูวัดป่าน้อยที่สองที่กลายเป็นสถานที่รกร้าง เพื่อพักผ่อนหลับนอนให้พ้นผ่านยามราตรีที่ยาวนาน แต่เพียงผลักประตูวัดออก อาวุธลับจำนวนหนึ่งก็พุ่งเข้าปักทะลุร่างของเขาไปหลายชิ้น ยังดีที่ยกง้าวขึ้นป้องกันใบหน้าไว้ได้ทันท่วงที
ลิบอง พัวเจี้ยง และกำเหลง สามยอดขุนพลจากกังตั๋ง ไม่รอให้ตั้งตัว รีบชักอาวุธเข้ารุมสังหารกวนอูอย่างต่อเนื่อง ลำพังลิบองพัวเจี้ยงสองคน ก็พอจะทำให้กวนอูเมื่อครั้งแข็งแรงปกตินั้น มือไม้ปั่นป่วนได้แล้ว แต่ครั้งนี้ ยังมีกำเหลง เจ้าของฉายามังกรพิโรธ ซึ่งเป็นขุนพลอันดับหนึ่งแดนใต้มาเพิ่มอีกคน ในขณะที่กวนอูเหมือนกับกองไฟที่อ่อนแรงใกล้หมดเชื้อประทุ จึงยิ่งทำให้การต่อสู้จบสิ้นลงในเวลาอันสั้น
กวนอูเสี่ยงชีวิตใช้กระบวนท่าไม้ตาย “มังกรสะท้านไตรภพ” อีกครั้ง พัวเจี้ยงเคยรับมือกระบวนท่านี้มาแล้ว จึงละทิ้งอาวุธตรงเข้าโอบคว้าง้าวมังกรเขียว พลิกตัวไปตามแรงหมุนวนเป็นการลดทอนแรงปะทะจนเกลือกกลิ้งไปกับพื้นหลายตลบ ส่วนลิบอง กำเหลง ช่วยกันต้านรับสองฝ่ามือของกวนอูเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด และกำเหลงยังฉวยจังหวะนี้ หมุนตัวสะอึกเข้าฟันใส่กลางหลังของกวนอูเป็นแผลลึกให้สะดุ้งสุดตัว
ลิบองที่อยู่ตรงหน้า เห็นเป็นโอกาสทอง แต่ไม่ต้องการให้ศัตรูตายเร็วเกินไป จึงส่งกระบี่แทงทะลุท้องปักตรึงร่างกวนอูเข้ากับผนังกำแพงวัด หมดหนทางต่อสู้ต่อไปได้แล้ว ลิบอง พัวเจี้ยง กำเหลง เห็นว่า การต่อสู้จบลง จึงมารวมตัวอยู่ตรงหน้าขุนพลผู้เลื่องชื่ออีกครั้ง
กำเหลงประกาศเจตนารมณ์ขึ้นก่อนผู้ใด “การกลุ้มรุมสังหารคนใกล้ตายเช่นนี้ เป็นการต่อสู้ที่ไม่น่าจดจำ และไม่จำเป็นต้องเปิดเผย จงถือว่า ข้าไม่มีส่วนรู้เห็นในเหตุการณ์ครั้งนี้เถิด” กล่าวจบ ขุนพลโจรสลัดก็สาวเท้าจากไปก่อนอย่างทรนง
ลิบอง ต้องการพูดคุยกับกวนอูเป็นการส่วนตัว จึงสั่งการให้พัวเจี้ยงไปตามทหารเลวที่รอคอยอยู่ด้านนอก ให้เตรียมพร้อมเข้ามาเก็บซากศพ ค่อยหันมาใช้กระบี่เขี่ยที่ใบหน้าฝ่ายตรงข้าม ใช้สายตาเคียดแค้นพลางกล่าวกับกวนอูเป็นการส่งท้าย “เจ้าโจรเฒ่าเอย คราวก่อน เจ้าคงสงสัยว่า ทำไมข้าถึงเรียกเจ้าเช่นนี้มาโดยตลอด”
ลิบองหยุดหายใจเล็กน้อย ค่อยกล่าวย้ำ “เจ้าคือคนที่สังหารบิดาของข้าที่เป็นปลัดอำเภอ ทั้งปล้นชิงทรัพย์สิน ทั้งเผาทำลายบ้าน จนครอบครัวของข้าพินาศสูญสิ้น ตัวข้าซ่อนตัวอยู่ในเหตุการณ์วางเพลิงปล้นทรัพย์ในครั้งนั้น ย่อมจดจำใบหน้าของเจ้าได้เป็นอย่างดี แม้เจ้าจะไว้หนวดเครา หรือเปลี่ยนสีผิวไปก็ตาม เจ้าเผิงเสียน คนพเนจรมากรัก”
“คนพเนจรมากรัก” คนที่เคยเรียกมันเช่นนี้ เป็นเด็กน้อยน่ารัก นามจื่อหมิง คุณชายเล็กของปลัดอำเภอแซ่ลิ ที่มีบ้านเรือนในละแวกใกล้เคียงกันกับคหบดีใจบุญแซ่โล บิดาของโลซก ผู้ที่อุปการะรับเลี้ยงดูตัวมันไว้อยู่หลายปี
หญิงที่มันชอบพอนั้น เป็นลูกสาวครอบครัวเร่ร่อนที่เพิ่งได้รับการสงเคราะห์เลี้ยงดูจากปลัดอำเภอ มันแอบไปมาหาสู่กันกับสาวน้อย จนบังเอิญไปพบปะคุ้นเคยกับคุณชายเล็กของท่านปลัดที่ไร้เดียงสาเป็นอย่างดี จึงถูกเรียกอย่างล้อเลียนว่า “คนพเนจรมากรัก”
ต่อมา หญิงสาวที่มันชอบพออยู่ เกิดหายตัวไปอย่างมีเงื่อนงำ มันสืบหาหลักฐานจนพบว่า ปลัดอำเภอนั้น หน้าฉาก เปิดบ้านรับสงเคราะห์ผู้คนเร่ร่อนทั่วไปคล้ายผู้มีฐานะดีคนอื่นๆ แต่หลังฉาก ถึงกับฉุดคร่าสาวงามไประบายอารมณ์ใคร่ และจะถูกฆ่าปิดปากไปอย่างไร้ร่องรอย มันจึงตัดสินใจสังหารปลัดลิทิ้ง และแสร้งปล้นทรัพย์เผาทำลายหลักฐานอื้อฉาว เพราะไม่ต้องการให้ครอบครัวคนตายพลอยมีมลทินในเรื่องชู้สาวไปด้วย
แต่แล้ว กลับมีมือปราบฮองตง โผล่เข้ามาขัดขวางการทำลายหลักฐาน จนก่อให้เกิดเพลิงไหม้ลุกลามไปเผาผลาญทรัพย์สินสำคัญ และบ้านเรือนไปจนหมดสิ้น ตัวมันต้องหลบหนีฮองตงอยู่นาน จนลืมเลือนที่จะกลับไปเยี่ยมเยือนถิ่นนั้นเสียเนิ่นนาน
พอทราบว่า ที่แท้ ลิบอง ก็คือ คุณชายจื่อหมิง เด็กน้อยน่ารักที่มันพยายามปกป้องไม่ให้พัวพันกับคดีความอื้อฉาวในอดีต กวนอูถึงกับอดกลั้นความรู้สึกภายในที่สับสนไว้ไม่ได้ ต้องหัวร่อออกมาด้วยเสียงอันดัง ลิบองกลับตีความว่า โจรเฒ่าชั่วช้า หัวเราะเยาะเย้ยส่งท้าย จึงแค้นเคืองมากยิ่งขึ้น ชักมีดสั้นออกมาแทงซ้ำเข้าตามร่างกายจุดสำคัญของกวนอูครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อชดเชยความแค้นที่สั่งสมมาเนิ่นนาน
ฝ่ายหนึ่ง กำลังคลุ้มคลั่งด้วยความแค้น ฝ่ายหนึ่ง กำลังอดกลั้นด้วยความให้อภัย ด้วยฝีมือที่สูงส่งของลิบอง ลงมือไม่หนักแรงเกินไป ไม่เบาบางเกินไป จนถึงมีดสุดท้ายค่อยปักลงที่กลางหัวใจช้าๆ กวนอูจึงยังมีโอกาสทิ้งคำพูดปริศนาเอาไว้ก่อนตาย “ความตายของเราถือว่า จบสิ้นไฟความแค้น อย่าได้ส่งต่อไปถึงผู้อื่นอีกเลย”
…
ลิบองทรุดตัวลงกับพื้นด้วยความอ่อนแรง ความแค้นปลดปล่อยไปจนหมดสิ้นแล้ว มันแค้นเคืองที่ตัวการร้ายผู้ทำลายชีวิตของมัน และครอบครัว คือ เพื่อนรักที่สูงวัยกว่า คนที่มันเคยวิ่งเล่นไล่จับ และหยอกล้อกันมาตั้งหลายเดือน มิตรภาพที่ลึกล้ำยิ่งทำให้ความแค้นตอกย้ำอย่างลึกซึ้ง ความแค้นทำให้มันมีมานะมุ่งมั่นฝึกฝนวิชาความรู้ พึ่งพาเส้นสายของโลซก คนบ้านเดียวกัน ไต่เต้าขึ้นมาจนได้เป็นยอดขุนพลอันดับหนึ่ง เสนาบดีฝ่ายบู๊แห่งแดนกังตั๋ง ความแค้นทำให้มันทุ่มเทสังหารจนสุดตัวเช่นนี้
เสียงกร๊อบดังสดใส ความรู้สึกสุดท้ายของลิบองคือความว่างเปล่า ใครกันนะที่หักคอมันจากด้านหลังเช่นนี้ น่าเสียดายที่มันหันกลับไปดูใบหน้าของฆาตกรไม่ได้แล้ว จะเป็นคนหรือปีศาจ ก็ไม่อาจรับรู้เสียแล้ว
…
กุนซือพยัคฆ์คะนอง ลกซุนปล่อยมือทั้งสอง ออกจากลำคอของคนที่อยู่เบื้องหน้า มันเป็นคนบอกให้สามยอดขุนพลแห่งกังตั๋งเดินทางมาที่วัดป่าน้อยที่สองแห่งนี้ เพื่อจับกุมกวนอู และส่งต่อให้กับโจโฉ แทนที่จะปล่อยให้ตกอยู่ในกำมือของตระกูลซุน
จูกัดกิ๋นแจ้งมาว่า เครือข่ายสุมาต้องการให้กวนอูตายภายใต้เงื้อมมือของโจโฉ ทางหนึ่ง เพื่อลดทอนความแข็งแกร่งของฝ่ายเล่าปี่ ทางหนึ่ง เพื่อสร้างรอยร้าวยากประสานระหว่างเล่าปี่กับโจโฉ แต่ลิบองกลับลงมือด้วยความแค้น ปล่อยให้กวนอูที่หมดสิ้นทางรอด ตายคามือ กลับกลายเป็นหนี้แค้นลึกล้ำระหว่างเล่าปี่กับซุนกวนแทน มันจึงได้แต่ต้องลงมือสังหารลิบองตามไปด้วย ในเมื่อลิบองตายแล้ว ฝ่ายกังตั๋งสามารถปฏิเสธการตายของกวนอูให้เป็นปริศนา ไม่ต้องสานต่อความแค้นกับเล่าปี่อีกต่อไป
ลกซุนลงมือจัดฉากให้ลิบองกำมีดสั้นปักเข้าที่หัวใจของกวนอู และวางสองมือของกวนอูเกาะกุมลำคอของลิบอง ราวกับเป็นการลงมือครั้งสุดท้ายก่อนตาย อีกสักครู่ พัวเจี้ยง คงย้อนเข้ามาดูเหตุการณ์ แล้วคงกลับไปรายงานให้ตัวมันรับทราบที่เมืองกังแฮ กำเหลงเองก็กำลังจะกลับไปเมืองเดียวกัน ดังนั้น มันสมควรรีบออกเดินทางกลับไปรอคอยฟังรายงานสถานการณ์ด้วยเช่นกัน
ในเมื่อตำแหน่งเสนาบดีบู๊ว่างลง หากมันแสดงพลังฝีมือที่งำประกายมาเนิ่นนาน ซุนกวนก็สมควรจะมอบตำแหน่งให้แก่มัน จากนั้น มันจะกลายเป็นผู้นำทัพกังตั๋ง บุกถล่มอาณาจักรของโจโฉ ตัวการสำคัญที่ฆ่าล้างตระกูลของมันเอง
“สะใจดีแท้ โจโฉสังหารพ่อข้า ฆ่าล้างครอบครัวของข้า ดังนั้น เจ้าจะต้องชดใช้คืนเป็นร้อยเป็นพันเท่า สกุลโจต้องหมดสิ้นไปจากแผ่นดินนี้ด้วยน้ำมือของข้า ลกซุน” ยามนี้ แววตาของลกซุนดูแข็งกร้าวดุดัน ผิดแผกไปจากลกซุนในยามปกติ
แสงจันทร์หมองหม่นดูแปลกตา ลกซุนเดินจากไปอย่างเงียบงันและเดียวดาย ทิ้งซากร่างของขุนพลจันทร์พิฆาตกับเสนาบดีฝ่ายบู๊ที่ถูกจัดฉากฆ่ากันตายเอาไว้อย่างลี้ลับ ราวกับภาพประกอบของนิยายสยองขวัญเรื่องหนึ่ง
…
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 6 - พญายมถล่มแดนดิน
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย