Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
1 ก.ย. 2021 เวลา 22:56 • นิยาย เรื่องสั้น
6.4. ปลดกรรมเปลี่ยนภพภูมิ
ลิบอง คุณชายจอมพยาบาท - พัวเจี้ยง นักรบสายโหด - ซุนแจ้ง ผู้นำแขนพิการ
“ความตายนั้นเป็นเช่นนี้เองหรือ” วิญญาณของกวนอูยืนงุนงงอยู่หน้าวัดป่าน้อยที่สอง มองดูร่างกายตนเองที่บัดเดี๋ยวโปร่งใสบัดเดี๋ยวหมองหม่น แต่ความรู้สึกบางเบาผ่อนคลาย เหมือนความจริงเหมือนความฝัน พอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า กลับกลายเป็นค่ำคืนที่มีพระจันทร์เพียงครึ่งค่อนดวงส่งแสงสกาว ตัดกับก้อนเมฆดำทะมึน
“โลกของพวกเราก็เป็นเช่นนี้เองแหละ” เสียงผู้หญิงคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลัง กวนอูหันกลับไปมองเจ้าของเสียงทักทาย ถึงกับเป็นเงาร่างบอบบางโปร่งใสของกำฮูหยิน และบิฮูหยิน สองสาวงาม ภรรยาที่ล่วงลับของเล่าปี่ ที่ตนเองเคยพลาดพลั้งล่วงเกิน หนึ่งในเรื่องค้างคาใจในอดีตของตนเอง
“คนบางคนตายแล้ว ก็จบสิ้นกันไป แต่สำหรับคนบางคนตายยังติดค้างเรื่องราวสาหัส จำต้องสะสางให้เสร็จสิ้นก่อนจากลา” บิฮูหยินกล่าวเสริม “เราท่านมีเรื่องราวต้องพูดคุยกันให้เข้าใจ พวกเราจึงจะได้รับการปลดปล่อยไปสู่ภพภูมิอื่นต่อไป”
กวนอูเข้าใจในทันทีว่าเป็นเหตุการณ์เลวร้ายครั้งนั้น เรื่องราวที่เป็นจุดเปลี่ยนต่อชีวิตของสองสาวงามในช่วงท้ายของชีิวิต บิฮูหยิน สาวงามที่เคยสดใสร่าเริง กลายเป็นคนหวาดระแวงต่อผู้คน ส่วนกำฮูหยินยิ่งเลวร้ายกว่า เพราะทั้งกลายเป็นคนเหม่อลอย ทั้งอุ้มท้องพยานบาปติดตัว
กำฮูหยิน บิฮูหยิน มองหน้ากันอย่างยิ้มแย้มคล้ายดั่งอ่านความคิดของกวนอูได้ พลางส่ายหน้า กำฮูหยินค่อยเฉลยความ “มิใช่อย่างที่ท่านคิดดอก ความผิดพลาดเริ่มแรกเป็นกลอุบายของโจโฉ เพื่อสร้างพันธะรั้งตัวท่านไว้ใช้งาน ส่วนความผิดครั้งหลัง เป็นความยินยอมพร้อมใจของเราเอง ส่วนลูกท่านนั้นก็ถือกำเนิดจากครรภ์ของข้าจริง แต่ทั้งตัวข้าและลูกน้อย ล้วนแต่ถูกพี่ใหญ่สังหารตายไปแล้วในคืนวันอพยพครั้งนั้น ส่วนอาเต๊า เล่าเสี้ยนในปัจจุบัน มิใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของท่านดอก”
กวนอูตะลึงลานในคำพูดของกำฮูหยิน ทารกที่แท้จริงถูกเล่าปี่สังหาร อาซ้อที่น่าสงสารก็เป็นเล่าปี่สังหาร มิน่าเล่า พี่ใหญ่จึงมิได้รักใคร่อาเต๊าอย่างที่ควร เลี้ยงดูสั่งสอนอย่างเมินเฉย เหมือนต้องการให้เสียผู้เสียคน ส่วนตัวมันเองก็หลงเข้าใจว่า อาเต๊าเป็นลูกตนเอง ถึงกับยอมรับกวนหินมาเลี้ยงดู เพื่อหาโอกาสใกล้ชิดกับพวกเด็กๆได้มากขึ้น ที่แท้ พี่ใหญ่ก็ล่วงรู้ความจริง และเฝ้าดูท่าทีที่มีพิรุธของมันมาโดยตลอด โอ พี่ใหญ่ช่างใจดำ อำมหิตยิ่งนัก
“เป็นเพราะท่านที่ทำร้ายจิตใจของพี่ใหญ่ก่อน จึงต้องชดใช้ความผิดมาตลอดสิบกว่าปีเช่นนี้เอง” กำฮูหยินสรุปความ จ้องมองกวนอูอย่างมีเลศนัย “ความรักมักผิดพลาด โชคชะตามักทำร้ายผู้คน หากพวกเราเลือกคู่ครองได้ตั้งแต่ต้น อาจจะพึงพอใจในตัวท่านมากกว่าพี่ใหญ่ แต่ก็น่าเสียดายที่พบพานกันเมื่อสาย และพวกเรารู้อยู่แก่ใจว่า ในใจของท่านมีคนอื่นยึดครองไปก่อนแล้ว”
กวนอูสบตากับสาวงามทั้งสองอย่างเข้าใจ แย้มยิ้มกล่าวคำ “เป็นวิญญาณก็ดีเช่นนี้เอง ทุกสิ่งทุกอย่างกลับเข้าใจได้อย่างง่ายดาย ไม่เหมือนคนธรรมดาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง และอคติทั้งปวง”
ร่างวิญญาณของกำฮูหยิน บิฮูหยิน คล้ายสว่างสดใสขึ้นกว่าเดิม บิฮูหยินรีบกล่าวคำร่ำลา “เรื่องค้างคาใจระหว่างเราได้สิ้นสุดไปแล้ว พวกเราขออำลาไปก่อน” พลันเงาร่างทั้งสองลอยวูบขึ้นสู่ท้องฟ้า หายลับไปจากสายตา ในขณะที่กวนอูส่งสายตา พลางทำปากพึมพำ “ขออภัยต่อท่านทั้งสองด้วย”
…
วิญญาณกวนอูพลันปรากฏตัวอยู่ในฉากเหตุการณ์สาบานที่สวนท้ออีกครั้งหนึ่ง แต่ผู้คนล้วนเปลี่ยนแปลงไป เล่าปี่มีรูปลักษณ์ที่สูงวัย อ้วนท้วนขึ้นกว่าแต่ก่อนมากนัก กวนอูมองดูใบหน้า ถึงกับเห็นชัดเจนว่า พี่ใหญ่มีความแค้นต่อตัวมันลึกล้ำ เพียงแต่ซุกซ่อนอยู่ในใจ เพื่ออาศัยพึ่งพาในชื่อเสียง และฝีมือของตัวมัน ส่วนเตียวหุยกลับแปลกประหลาด แทนที่จะเป็นหนุ่มใหญ่ร่างท้วมใหญ่ ใบหน้าดำคล้ำ หนวดเครารุงรัง ดันกลายเป็นสาวใหญ่ รูปร่างอิ่มเอิบ หน้าตางดงาม ดูมีเสน่ห์แปลกตา แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายของจอมยุทธ์ที่ซ่อนงำประกาย ในใจแม้มีเรื่องราวมากมายซ่อนเร้น แต่ไม่ได้คิดร้ายต่อมัน
“ที่แท้ น้องสามถึงกับเป็นผู้หญิงปลอมตัวมา พวกเรานี่ช่างโง่งมยิ่งนัก โดนหลอกลวงมาได้ตั้งหลายสิบปีทีเดียว” กวนอูรู้ในทันใดว่า นี่คงเป็นความฝันเพื่อลาจากของสามพี่น้องร่วมสาบาน ภายหลังจากได้ปลดปล่อยกรรมไปแล้วบางส่วน
“พวกเราทั้งสาม ไม่ได้เกิดวันเดือนปีเดียวกัน แต่จักขอตายในวันเดือนปีเดียวกัน” น้องสามประกาศก้อง แต่กวนอูกลับดูออกว่า ในอดีตครั้งนั้น คนทั้งสามไม่ได้มีความจริงจังในคำสาบานนั้นเลย ทุกคนล้วนก็มีความในใจซ่อนงำไว้ ต่างต้องการเก็บเกี่ยวเพียงผลประโยชน์จากคนอื่น เพื่อก้าวผ่านความยากลำบากแห่งยุคสมัย
สิ้นเสียงคำสาบาน กวนอูระเบิดเสียงหัวร่อเยาะเย้ยต่อคำกล่าวเหลวไหลครั้งนั้น จนร่างทิพย์ในฝันของเล่าปี่ เตียวหุยตกใจ หงายล้มไปกับพื้นดิน หายวับไปกับสายตา ปิดฉากละครบทสำคัญในอดีตกาลไปแล้ว
กวนอูขบคิดสืบต่อไป “ในเมื่อพี่ใหญ่สู้ทนอดกลั้นมาได้ตั้งนาน เหตุไฉนครั้งนี้ ถึงมาปล่อยให้เราถูกล่าสังหารไปเช่นนี้ เพราะหากพี่ใหญ่ทุ่มเทคนมาช่วยเหลือ เราคงไม่เป็นเสือลำบากมาติดกับดักของพวกกังตั๋ง ถึงแม้ว่า ฝั่งเสฉวนจะเคลื่อนไหวไม่ทันการณ์ แต่จูกัดจิ๋นที่หุบเขามังกรซ่อนก็น่าจะพอมีหนทางจัดการให้ได้ หรือว่า ปัญหาอยู่ที่จูกัดเหลียง-ขงเบ้ง กุนซือมังกรซ่อนผู้นั้น”
…
เสียงตวาดดังขึ้นตรงหน้าพร้อมบรรยากาศที่เปลี่ยนแปลงไป กวนอูเห็นเป็นนักรบมีชื่อคู่ปรับเก่าที่เคยตายในเงื้อมมือของมัน ไม่ว่าจะเป็น บังเต๊ก ฮัวหยง งันเหลียง บุนทิว วิ่งตรงเข้ามาพร้อมใช้อาวุธคู่มือฟาดฟันใส่ตัวมัน ทีแรก ตัวมันมีเพียงสองมือว่างเปล่า เท้ายืนติดพื้นดิน ในชุดธรรมดาที่ใส่ก่อนตาย แต่พอหมุนตัวหลบอาวุธ กลับปรากฏง้าวมังกรเขียวขึ้นมาในมือ ใส่ชุดเกราะออกศึก พร้อมกับนั่งบนม้าเซ็กเทา อาชาคู่ใจ คืนสภาพเป็นยอดขุนพลจันทร์พิฆาต อันดับหนึ่งในห้าขุนพลสวรรค์อีกครั้งหนึ่ง
สี่ขุนพลชุดนี้ แม้ว่าจะไม่โด่งดังสุดขีด แต่ก็มีฝีมือไม่ใช่ชั่ว กวนอูต้องตั้งสติใช้กระบวนท่าสยบมังกรขั้นสูงเข้าต่อสู้ด้วย จึงพอจะรับมือไหว เมื่อได้จังหวะ ค่อยใช้กระบวนท่าไม้ตาย “มังกรสะท้านไตรภพ” กำจัด ฮัวหยง งันเหลียง บุนทิว หายวับไปได้อีกครั้ง เหลือเพียงบังเต๊กที่หลบพ้นท่าสังหาร และยิงเกาทัณฑ์เข้ามาซ้ำรอยเดิมในอดีต
คราวนี้ กวนอูรู้ทัน ถีบตัวออกจากม้าเซ็กเทา คว้าจับง้าวเหวี่ยงกลับไปจู่โจมอีกครั้ง กลายเป็นกระบวนท่าต่อเนื่องขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง จากเดิมที่เคยสิ้นสุดเพียงแค่ท่า “มังกรสะท้านไตรภพ” แรงเหวี่ยงและการหมุนตัว ช่างคล้ายกันกับพญามังกรกวาดหางถล่มไปทั่วทั้งบริเวณ บังเต๊กจึงหายตัวไปอีกคนหนึ่ง
“กระบวนท่ายอดเยี่ยม คนก็ยอดเยี่ยม” เสียงหนึ่งดังขึ้น เป็นลิโป้ ทวนไร้น้ำใจ ยอดขุนพลอันดับหนึ่งของแผ่นดิน ที่อยู่ในชุดนักรบ ก้าวเดินเข้ามาพร้อมกับปรบมือชูนิ้วยกย่อง ในขณะที่อาชาเซ็กเทายืนผงาดสองเท้า เหมือนร้องทักทายเจ้านายเก่า “ฮ่าฮ่าฮ่า จากกันมานาน ฝีมือการต่อสู้ของท่านก้าวขึ้นสู่อันดับหนึ่งของแผ่นดินได้อย่างสมภาคภูมิแล้ว กระบวนท่าสุดท้ายนั้นมีชื่อเรียกว่าอย่างไรกัน”
กวนอูงงงันวูบหนึ่ง พลันคิดขึ้นได้ จึงปักง้าวลงสู่พื้น“เป็นกระบวนท่า พญามังกรสำนึกตน หลุดพ้นจากเครื่องพันธนาการทางใจแล้ว”
ลิโป้ไม่พูดจาอีกต่อไป ยกทวนไร้น้ำใจอันโด่งดัง แทงเข้าใส่กวนอูในทันที แต่พอเห็นกวนอูไม่มีท่าทีโต้ตอบ จึงยั้งทวนไว้เพียงแค่จ่อไว้ที่กลางอก พร้อมหัวเราะเสียงดังฮ่าฮ่าอีกครั้ง “นึกไม่ถึงเลย ท่านที่เคยหยิ่งทะนงมาตลอดทั้งชีวิต กลับผ่านพ้นด่านนี้ไปได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ เราเองยังติดกับดักเรื่องนี้ตั้งเนิ่นนานทีเดียว”
ชุดเกราะ ง้าวมังกรเขียว และม้าเซ็กเทา พลันหายไปหมดสิ้น กลับกลายเป็นกวนอู หน้าตาสดใสในชุดนักสู้สีเขียวสะอาดตาอีกครั้งหนึ่ง เงาร่างที่เคยหม่นหมอง กลับสว่างไสวขึ้นอีกระดับหนึ่ง แต่ลิโป้ยังคงยืนอยู่ตรงหน้า แย้มยิ้มพลางกล่าว “แต่ข้ายังมีไม้เด็ดให้กับเจ้าอีกหนึ่งเรื่องนะ ฮ่าฮ่าฮ่า”
…
ภาพตรงหน้ากลับแปรเปลี่ยนไปอีก ทั้งสองมาหยุดยืนอยู่ในสวนดอกไม้แปลกตาแห่งหนึ่ง กวนอูเลิกคิ้วจะเอ่ยปากถาม ลิโป้คล้ายรู้ทัน พยักเพยิดให้มองไปทางสระน้ำที่มีเงาร่างอ้อนแอ้นนั่งอยู่อย่างเหม่อลอย เป็นสาวใหญ่โฉมงามเตียวเฟิงที่กำลังมองดูเงาสะท้อนของพระจันทร์เสี้ยวภายในสระน้ำนั้น
“นางคือคนที่เจ้าหลงรักตั้งแต่แรกพบหน้า เสียดายที่ตอนนั้น นางเป็นคนของเราอยู่ เจ้าจึงได้แต่แอบซ่อนความรักของเจ้าไว้ จนกระทั่งได้มาพบกันเมื่อไม่นานมานี้ ความรักของเจ้าจึงก่อเกิดขึ้นอีกครั้ง และถูกนางหักหลังลอบทำร้ายในที่สุด ฮ่าฮ่าฮ่า” ลิโป้เปิดโปงตรงไปตรงมา ไม่ไว้หน้ากันแม้แต่น้อย
“แต่สิ่งที่เจ้าสมควรรู้ก็คือ ที่จริง นางก็มีใจต่อเจ้าเช่นกัน เพียงแต่ภาระที่นางแบกรับไว้นั้นใหญ่หลวง และกดดันให้นางต้องเลือกระหว่างหน้าที่กับความรัก ซึ่งนางก็ยังคงเป็นคนแซ่เตียว นางเลือกหน้าที่ และยอมทำร้ายคนที่นางรักที่สุดในชีวิต ฮ่าฮ่าฮ่า”
กวนอูชักรำคาญเสียงหัวเราะของลิโป้ แต่สิ่งที่ได้ยินกลับทำให้มันรู้สึกเบิกบานใจจนเกินไป มันเดินเข้าไปมองดูใบหน้าที่ซีดเซียวของเตียวเฟิงใกล้ๆ เกือบประชิดตัว ถึงกับเห็นหยดน้ำตาที่กำลังไหลรินออกมาตามใบหน้า
เตียวเฟิงไม่รับรู้ถึงการมาของวิญญาณกวนอู แต่คล้ายตื้นตันใจกับภาพสะท้อนของดวงจันทร์ที่พลิ้วไหวตามระลอกคลื่น พลันเอื้อนเอ่ยเป็นบทกวีตามประสาสาวชาววัง “ไขว่คว้าไล่ล่าความฝัน เย้ยหยันความรักทั่วหล้า วอนถามผู้เฒ่าจันทรา รักข้าบัดนี้อยู่หนใด”
กวนอูไม่ใช่นักกวีฉกาจฉกรรจ์ดั่งโจโฉ แต่ยามนี้ กลับนึกคำตอบได้ในบัดดล “ไม่เห็นใช่ว่าไม่มี รักอยู่ตรงนี้ใช่ตรงไหน สองเรารับรู้ด้วยจิตใจ ตัวไกลแต่รักจัักนิรันดร์”
เสียงลมพัดพาใบไม้กระทบกันดังเกรียวกราว ท้องฟ้าพลันสว่างไสวขึ้นถนัดตา ทั้งที่ยังคงเป็นแค่พระจันทร์ครึ่งดวง เตียวเฟิงคล้ายได้ยินคำตอบจากคนรักเก่าที่จากไป ถึงกับแย้มยิ้มทั้งน้ำตา เงยหน้ามองผ่านใบหน้าของวิญญาณกวนอู เพื่อมองดูพระจันทร์บนท้องฟ้า พลางสัมผัสหน้าท้องที่นูนป่องขึ้นเล็กน้อย "ท่านพี่ ข้าจะดูแลเลือดเนื้อเชื้อไขของท่านเป็นอย่างดี ข้าจะทำให้เขากลายเป็นทายาทคนเก่งของสกุลกวนให้ได้”
กวนอูตะลึงลาน คนรักเตียวเฟิงถึงกับมีลูกสืบสกุลให้กับมันแล้วโดยมันไม่ทันได้รู้ตัว เพราะมัวแต่คร่ำเคร่งอยู่กับการศึกสงคราม มิน่าเล่า ช่วงหลัง ท่าทีของเตียวเฟิงจึงดูแปลกประหลาดไปกว่าเดิม เพียงแต่ในเมื่อมันเลือกการงานเหนือความรัก เตียวเฟิงก็กระทำเฉกเช่นเดียวกันกับมันเป็นการตอบแทน
...
ท้องฟ้ายามราตรีที่เพิ่งสว่างขึ้น กลับมืดมิดอีกครั้ง ราวกับดวงจันทร์เกิดความละอายใจ ไม่กล้าเผยโฉมต่อหน้าสาวงาม กวนอูได้ยินลิโป้หัวร่อแว่วมาอีกแล้ว มันเริ่มจะชิงชังต่อเสียงหัวเราะนี้ยิ่งนัก จึงหันไปหมายจะห้ามปราม แต่ภาพตรงหน้ากลับหมุนคว้าง เปลี่ยนไปเป็นฉากของศาลเจ้ารกร้างที่กำลังลุกไหม้ด้วยเปลวไฟ เป็นเหตุการณ์ฝังใจในอดีตอีกเรื่องหนึ่ง เด็กน้อย แฮหัวตุ้น โจหยิน โจหอง ติดอยู่ภายในอาคารที่กำลังพังทลาย ขณะที่โจโฉในวัยเยาว์ร่ำร้องสั่งการให้เหล่าบริวารช่วยกันสาดน้ำดับไฟอยู่ภายนอก
กวนอูยืนตะลึงอยู่ไกลๆ ไม่กล้าเผยตัวให้โจโฉพบเห็น เพราะตัวเองเป็นต้นเหตุของเรื่องราว ยิ่งเห็นโจหยิน โจหองที่ตัวไหม้ดำ ถูกโยนตัวออกมาครึ่งๆกลางๆ และบริวารช่วยกันฉุดดึงให้พ้นกองไฟอย่างทุลักทุเล ตามด้วยแฮหัวตุ้นที่ฝ่าเพลิงไฟออกมาด้วยตนเอง จน ผมเผ้าลุกไหม้ เนื้อตัวใบหน้าพุพองไปหมด ราวกับอสูรร้ายจากนรกโลกันต์ มันยิ่งใจเสียขวัญหาย มองหาแต่เจ้าอ้วนแฮหัวเอี๋ยน กริ่งเกรงว่าจะตกตายอยู่ภายในกองเพลิง
"ข้าปลอดภัยดี มีคนช่วยข้าไว้แล้ว" แฮหัวเอี๋ยนเนื้อตัวสะอาดสะอ้านโผล่มาทางด้านหลัง ตบมือใส่บ่าอย่างแรง จนกวนอูสะดุ้ง "พวกข้าชอบกลั่นแกล้งเจ้าตั้งแต่เล็กๆ ที่จริงเป็นเพราะอยากให้เจ้าเข้มแข็ง มีความพยายามฝึกฝนวิชา มันเป็นกลวิธีของนักเลงตัวน้อยอย่างพวกเรา แต่เจ้ากลับทำให้เสียเรื่องอยู่เรื่อย ตอบโต้จนผู้คนโมโหจริงๆจังๆหลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะครั้งนี้ ทำร้ายเพื่อนพ้องจนสาหัสยิ่งนัก เจ็บป่วยกันไปร่วมปีเลย”
"ข้าไม่เข้าใจเจตนาที่แท้จริงของพวกเจ้า นึกว่าพวกเจ้ารังเกียจว่าข้ายากจน ไม่คู่ควรอยู่ในสำนักเดียวกันกับพวกเจ้า ข้าขอโทษด้วย" กวนอูร่ำร้อง
“ฮ่าฮ่า เผิงเสียนเอ่ยปากขอโทษแล้ว พวกเจ้าจงมาฟังเถิด" เจ้าอ้วนกวักมือ ตะโกนเรียกเพื่อนๆให้เข้ามารุมล้อม "พูดอีกที เอาให้ได้ยินทั่วเลยสิ”
"ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ" กวนอูพูดย้ำจนน้ำเสียงแปรเปลี่ยนไป กลายเป็นเสียงจากปากของโจโฉ และสี่เทวะ ที่กำลังเปลี่ยนแปลงจากเด็กน้อยในเหตุการณ์ เป็นรูปลักษณ์ในปัจจุบัน "เผิงเสียน ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ ข้าไม่ควรทำร้ายเจ้าจนถึงตายเลย”
กวนอูโอบกอดโจโฉ และเพื่อนเก่าทั้งสี่ พลางหัวร่อหยอกล้อกันดังเดิมอีกครั้งหนึ่ง ท่ามกลางกองไฟที่เร่ิมมอดดับอยู่ด้านข้าง แต่ดวงจันทร์กลับขยายวงจากคืนก่อนวันเพ็ญกลายเป็นพระจันทร์เต็มดวงอีกครั้ง พร้อมกับภาพตรงหน้าที่แปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง
...
“เราเชื้อเชิญให้มาเกี่ยวดองเป็นญาติกัน แต่ท่านกลับไม่ไยดี ซ้ำยังด่าทอจนเสียหาย มาบัดนี้ เหลือเพียงซากร่างไร้วิญญาณค่อยมาเยี่ยมเยือนถึงที่นี่ เฮอะ นี่น่ะหรือ ยอดขุนพลผู้เกรียงไกรนามว่า กวนอู” เสียงด่าทอดังขึ้นตรงหน้า เป็นซุนกวนที่นั่งเป็นประธานอยู่บนเก้าอี้สูงท่ามกลางห้องประชุม สองข้างกายเป็นขุนนางนายทหารระดับสูงของกังตั๋ง แต่ยังขาดลกซุน กำเหลง และขุนพลคนอื่นๆที่ออกไปยึดครองหัวเมืองเกงจิ๋วทั้งหลาย หากเป็นเช่นนี้ ที่นี่คงเป็นสถานการณ์จริงในโลกมนุษย์แล้วกระมัง
ทั้งหมดกำลังจ้องมองดูซากศพทั้งสองที่พัวเจี้ยงนำกลับมา กวนอูไม่อยากตอแยด้วย กำลังจะหมุนตัวออกจากสถานที่ พลันได้ยินเสียงซุนกวนกล่าวต่อ “ก่อนตาย ยังพรากเอาตัวลิบองของข้าไปด้วยอีกคนหนึ่ง ช่างน่าเจ็บใจนัก อ้ายนักเลงไร้สมองเบาปัญญา”
วิญญาณของกวนอูผ่านด่านปลดปล่อยกรรมมาหลายด่าน แต่ยังคงมีโทสะต่อศัตรูตัวการไม่เสื่อมคลาย ยิ่งได้ฟังคำประนามจากปากของซุนกวนที่อ่อนอาวุโสกว่าด้วยแล้ว จึงโมโหลืมตัว วิญญาณพเนจรลอยกลับเข้าซากร่างเดิมทันที ส่งผลให้นัยน์ตาคนตายเบิกโพลง ผุดลุกขึ้นนั่งอย่างน่ากลัว โคมไฟโดยรอบพลอยสั่นสะท้าน
ขุนนางนายทหารทั้งหลาย รวมทั้งซุนกวน อยู่ในดินแดนทางใต้มานาน มีความเชื่อถือเรื่องโชคลางอาถรรพ์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอเห็นคนตายออกอิทธิฤทธิ์อาฆาตแค้นเช่นนั้น ต่างก็ตกใจกลัว บ้างก็วิ่งหนีออกจากห้อง บ้างก็คุกเข่ากราบไหว้ บ้างก็ใจดีสู้เสือ ยกอาวุธมาตั้งรับป้องกันตนเอง เห็นมีแต่ซุนเกา พัวเจี้ยง และจูกัดกิ๋น ที่ขมวดคิ้วนิ่วหน้าล้อมป้องกันเจ้านายที่กำลังนั่งเกร็งตัวสั่นสะท้านเอาไว้
“พอแล้ว เผิงเสียน อย่าก่อกรรมต่อเนื่องไปอีกเลย ความตายจบสิ้นความแค้นไปแล้ว มิใช่หรือ” เสียงนุ่มนวลดังขึ้นจากด้านหลัง ฉับพลัน เป็นมือเล็กๆบอบบางที่ฉุดรั้งเอาดวงวิญญาณออกจากซากร่างของกวนอูอีกครั้ง ทำให้ซากศพหงายล้มกลับไปดังเดิม บรรยากาศวุ่นวายในห้องประชุมจึงค่อยสงบลง วิญญาณกวนอูหันหน้ามอง เห็นเป็นโลซก นายน้อยผู้อารีในวัยเยาว์ ซึ่งมีสถานะเป็น สุริยัน พี่ใหญ่ของพันธมิตรแห่งฟากฟ้า ที่ร่ำลือกันว่า ป่วยตายไปอย่างกระทันหัน ก่อนที่จะได้ก่อการใหญ่ร่วมกัน
“นายน้อย ที่แท้ ท่านตายเพราะสาเหตุอันใด เรื่องนี้ มีเงื่อนงำใช่หรือไม่” กวนอูยังไม่ชินกับโลกใบใหม่ จึงเอ่ยปากถามเรื่องที่ค้างคาใจอยู่ก่อนตาย
“เรื่องนั้นมันจบสิ้นไปแล้ว เราสองกลายเป็นคนตาย ไม่จำเป็นต้องแก่งแย่งชิงดีกับใครอีกแล้ว เราเห็นเพียงว่า ท่านยังแค้นเคืองกับพวกสกุลซุน เจ้านายเก่าของข้า จึงยื่นมือมาช่วยเหลือ ไม่ให้ท่านต้องจมปลักอยู่กับผลกรรมในอดีตให้เสียเวลาในโลกแห่งวิญญาณ” วิญญาณโลซกคล้ายช่ำชองในชีวิตรูปแบบใหม่ กล่าวแนะนำรุ่นน้อง “หากท่านต้องการจะลงมือ เชิญเล่นสนุกด้วยกันทางนี้เถิด”
โลซกเหวี่ยงวิญญาณของกวนอูออกไปด้านนอก จนกวนอูล้มกลิ้งไปกับพื้นดิน พอลุกขึ้นได้ ฝ่ายตรงข้ามอีกสองคนก็โยนง้าวมังกรเขียวมาให้ พลางรุกไล่เข้ามาด้วยชั้นเชิงวิทยายุทธ์ที่ยอดเยี่ยม เป็นซุนเซ็กกับจิวยี่ สองคุณชาย ผู้เพียบพร้อมทั้งบู๊และบุ๋นแห่งกังตั๋งในอดีต ที่มาพร้อมกับรอยยิ้มแบบมิตรไมตรี
กวนอูยิ้มอย่างสะใจ พลางใช้กระบวนท่าสยบมังกรตอบโต้คืนกลับไปบ้าง ตอนอยู่ไม่เคยได้ประลองกัน แต่พอตาย กลับได้มาสนุกสนานร่วมกัน ยอดฝีมือทั้งสามจึงทุ่มเทสมาธิไปกับการประลองจนสาแก่ใจ กวนอูค่อยหยุดมือ ปักง้าวลงกับพื้น ก้มหน้าคารวะ “พอแล้ว ข้าเข้าใจแล้ว ต้องขอบคุณท่านทั้งสองเป็นยิ่งนัก รวมทั้งนายน้อยของข้าด้วย”
ซุนเซ็ก จิวยี่ ก้มหน้าคารวะตอบ ในขณะที่โลซกยกมือลูบหนวดเคราส่ายหน้าไปมา “ยังดอก เผิงเสียน ลองเล่นอีกสักรอบหนึ่งเถิด ข้าได้เชื้อเชิญคนที่ท่านต้องการประลองมาพร้อมกันในที่นี้แล้ว” พูดจบพลันโบกแขนไปเบื้องหน้า สุดยอดฝีมือที่กวนอูใฝ่ฝันถึงล้วนแต่ยืนอยู่เบื้องหน้าแล้ว ตั้งแต่ ลิโป้ ขุนพลอันดับหนึ่งของแผ่นดิน ฮองตง คู่ปรับคู่อาฆาตเกือบทั้งชีวิต เภาเจ๋ง หลวงจีนลึกลับที่มีวิชายุทธ์ไร้เทียมทาน และเตียวหุยในร่างหญิงงาม ผู้ฝึกสอนวิชาสยบมังกรและเพิ่งเอาชนะมันได้ในการประลองยุทธ์ครั้งล่าสุด
ในฐานะของคนที่ฝึกยุทธ์อย่างตั้งใจทุ่มเทมาตลอดชีวิต การที่ได้ประลองกับคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือสูงส่งเพื่อแก้มือนั้น เหมือนดั่งการที่ได้ดื่มสุราเลิศรสสั่งลา มันกวาดตามองร่างทิพย์ของสุดยอดฝีมือทั้งสี่ พลันคารวะส่งผู้อื่นทีละคนๆ จนถึงคนสุดท้าย ค่อยประกาศ “เชิญน้องเรามาเล่นสนุกกับเราสักรอบเถิด”
กวนอูตั้งท่าใช้มือเปล่ายกขึ้นเป็นกระบวนท่าฝ่ามือ คู่ต่อสู้จึงได้แต่สละอาวุธ ใช้มือเปล่าเข้ามารับมือเช่นกัน เห็นทั้งสองสะบัดฝ่ามือโต้ตอบไปมา จนพลังการต่อสู้กระพือพัดเป็นแรงลมไปทั่วทั้งบริเวณ สร้างความตระหนกตกใจต่อผู้คนในโลกมนุษย์ ต่างเข้่าใจไปว่า วิญญาณกวนอูยังคงสำแดงเดชอาละวาดให้ปรากฏ แต่โลซกและสุดยอดฝีมือคนอื่นยังคงจ้องมองการต่อสู้แน่วนิ่ง คล้ายถูกดึงดูดสมาธิไปจนหมดสิ้น
ในที่สุด ค่อยบังเกิดเสียงหัวร่อดังขึ้นพร้อมกัน เป็นกวนอูกับคู่ต่อสู้โอบกอดกันหัวเราะอย่างเปิดเผยจริงใจ วิญญาณกวนอูคลายมือ ค่อยกล่าว “เราแสดงกระบวนท่าฝ่ามือสยบมังกรที่เพิ่งค้นคิดสำเร็จในโลกวิญญาณนี้ให้กับท่าน ตอบแทนที่ท่านเคยสั่งสอนวิชาเดียวกันในรูปแบบกระบวนท่าง้าวให้กับเราเมื่อหลายสิบปีก่อน ท่านเองยังมีภาระใหญ่หลวงรอคอยอยู่ในอนาคต ย่อมสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้มากกว่าผู้ใด”
นางแอ่น-เตียวหุยในร่างสาวงามประสานมือคารวะ “ขอบคุณพี่รองที่ชี้แนะ ขออภัยที่เคยล่วงเกินท่านมาหลายครั้ง” กวนอูรีบชิงจับมือห้ามไว้ “เอาเถิด เราให้อภัยต่อท่านแล้ว”
เสียงโลซกและยอดฝีมือด้านข้างประสานเสียงหัวร่อ ฮ่า ฮ่า ทำเอากวนอูเริ่มกระดากใจ รีบปล่อยมือน้องสามที่กลายร่างเป็นหญิงงามไปแล้ว พอหันกลับไปหมายแก้เกี้ยว กลับเห็นเด็กน้อยในชุดหรูหรา คุกเข่ากราบคารวะอยู่ตรงหน้า
“ข้าจื่อหมิง ต้องขออภัยต่อท่านพี่เผิงเสียน ท่านยอมเสื่อมเสียชื่อเสียง แบกรับมลทินให้กับตัวข้า และครอบครัวมาทั้งชีวิต ซ้ำสุดท้าย ยังคงเป็นข้าที่ทำร้ายท่านจนถึงแก่ความตาย ข้าเสียใจยิ่งนัก” เด็กน้อยตีอกชกหัวตัวเองอย่างรุนแรง จนกวนอูต้องจับมือห้ามไว้
“คุณชายลิไม่ต้องวุ่นวายใจไปดอก เราให้อภัยต่อท่านแล้ว เราเอ่ยปากไว้ตั้งแต่ก่อนตายแล้ว ความตายจบสิ้นความแค้น มิใช่หรือ” กวนอูมองหน้าด้วยความปรานี ในขณะที่เด็กน้อยค่อยๆกลายร่างเป็นเสนาบดีบู๊แห่งกังตั๋ง ลิบอง ผู้ที่เพิ่งสังหารเจ้่าพ่อกวนอูไปหมาดๆ
ร่างของคนทั้งสองใสสว่างขึ้นถนัดตา วิญญาณโลซกที่เป็นเหมือนผู้มีประสบการณ์สูงสุด จึงเดินมาจับมือคนทั้งสอง “ถึงเวลาแล้ว พวกเราสมควรต้องเดินทางกันต่อไปแล้ว”
วิญญาณของโลซก กวนอู และลิบอง ลอยหายขึ้นไปบนท้องฟ้า ในขณะที่วิญญาณของคนอื่นๆเลือนหายไป เหลือเพียงลิโป้ยังคงนั่งลงบนก้อนหินใหญ่ ส่งเสียงหัวร่อ ฮ่า ฮ่า เย้ยหยันกลุ่มคนระดับสูงแห่งกังตั๋งที่กำลังทำพิธีเซ่นไหว้ขอขมาต่อซากศพของกวนอูจนชุลมุนวุ่นวาย
…
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 6 - พญายมถล่มแดนดิน
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย