Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
3 ก.ย. 2021 เวลา 00:16 • นิยาย เรื่องสั้น
6.5. ระลอกแค้นแผ่ขยาย
ฮกเหอ ฮกเสียว ซุนเกา เหยื่อมือสังหารการเมือง
ดวงวิญญาณล่องลอยจากไปหมดสิ้น ความฝันอันยาวนานก็จางหาย แต่ผู้คนในโลกมนุษย์ในแต่ละที่ทางยังคงได้รับผลกระทบจากการจากไปของยอดขุนพลกวนอู ผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทั้งแผ่นดิน ราวกับแผ่นน้ำสงบนิ่งมานาน พลันเกิดหยดน้ำจากใบไม้ตกกระทบ เกิดเป็นวงคลื่นสั่นกระเพื่อมออกไประลอกแล้วระลอกเล่า
คำร่ำลือของปีศาจกวนอูอาละวาดกลางที่ประชุมเจ้านครกังตั๋ง ถูกแต่งเติมเสริมต่อตามประสาผูู้คนที่เชื่อถือเคล็ดลางอาถรรพ์อย่างฝังลึก จนกระทั่ง ลิบองที่ตายไปแล้วยังถูกขุดคุ้ยขึ้นมาเป็นเหยื่อของความสับสนวุ่นวาย กลายเป็น ลิบอง ขุนพลมาแรงแห่งยุค พูดจาดูแคลนศัตรู จึงถูกปีศาจกวนอูลุกขึ้นมาหักคอตายกลางงานเลี้ยงเฉลิมฉลองแทน
เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเข้ามาอีกในวันเดียวกัน ไร่นาเทือกสวนที่กำลังเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวพืชผล กลับถูกฝูงตั๊กแตนตัวโตบินเข้ามากัดกินทำลายกระทันหัน สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจอย่างใหญ่หลวง หากบริหารจัดการไม่ดี อาจจะทำให้โครงสร้างชุมชนพินาศเสียหาย การค้าฝืดเคือง ข้าวยากหมากแพง ไปจนถึง การก่อการขบถปล้นชิงทรัพย์สิน กลายเป็นความล่มสลายทางเศรษฐกิจในไม่ช้า
ซุนกวนในฐานะเจ้านคร ซึ่งก็ตกเป็นจำเลยทางสังคมไปด้วยในทันที จึงได้แต่ต้องทำพิธีเซ่นไหว้สะเดาะเคราะห์ ประกาศให้ราษฎรถือศีลกินเจให้กับผู้ตายไปสามเดือน งดการทำศึกสงครามขยายผลต่อเนื่อง เน้นให้ตัวแทนขุนนางนายทหารปกครองด้วยความยืดหยุ่นถึงที่สุด เตียวเจียว โกะหยง จูกัดกิ๋น ขุนนางใหญ่สายบุ๋น ต้องจับมือกันกับซุนลองแห่งสหพันธ์การค้าพยัคฆ์หยก ออกโรงผลักดันการค้าการลงทุนทดแทน เพื่อลดทอนปัญหาเฉพาะหน้าในทันที
ส่วนตำแหน่งเสนาบดีบู๊ที่ว่างลงนั้น ซุนกวนถึงกับทดแทนบุญคุณ ยกให้กับซุนเกา ลูกชายของท่านอาซุนแจ้งที่ถูกทำร้ายแขนขาดในศึกเมืองอ้วนเซีย จนถอดใจไปใช้ชีวิตสันโดษที่หุบเขาละทิ้งอดีตไปแล้ว แม้ว่าจะเป็นมือใหม่ในสายทหาร แต่ยังมี กำเหลง จิวท่าย พัวเจี้ยง เป็นผู้ช่วยสำคัญ ซุนกวนจึงไม่ค่อยเป็นห่วงมากนัก
ยิ่งไปกว่านั้น ซุนกวนยังให้โยกย้ายให้ลกซุนที่ลอยตัวพ้นจากสหพันธ์การค้าไปแล้วช่วงเวลาหนึ่ง และมีชื่อเสียงพัวพันกับคดีสังหารกวนอูด้วยเช่นกัน ให้เข้าไปสวมแทนในเครือข่ายใต้ดินตระกูลซุนแทน เปลี่ยนสถานะจากตัวแทนคนสนิทที่เปิดเผยโอ่อ่า ไปเป็น จารชนสายลับที่ร่วมประสานงานกับฮกเหอ ฮกเสียว สองพ่อลูกแทน โดยให้เล่งทอง หนึ่งบู๊ สหายคนสนิทไปเป็นคู่คิดด้วยอีกคนหนึ่ง
เปลือกนอก ดูเหมือนซุนกวนเป็นผู้สั่งการทั้งหมดด้วยตนเอง แต่ที่จริง เขาเพียงได้รับคำสั่งมาจากซุนเกี๋ยน จอมคนผู้ซ่อนกายที่อยู่ในฐานะ “เมธีพิณสังหาร” มาอีกทอดหนึ่ง เพื่อให้ลกซุน เล่งทอง เข้ามาประสานงานอย่างใกล้ชิดกับสกุลซุนแทนที่ซุนแจ้ง ซุนเกา ในแผนการขั้นต่อไปของสำนักหุบเขาปีศาจ รากฐานเก่าแก่ของตระกูลนั่นเอง
…
ซุนกวนจัดส่งซากศพของกวนอูไปให้แก่วุยอ๋องโจโฉอย่างเอิกเกริก ปล่อยข่าวเพียงแค่พบร่างไร้วิญญาณภายในบริเวณวัดป่าน้อยที่สอง ไม่ทราบว่าใครคือฆาตกร
โจโฉเจอไม้นี้ได้แต่รับคนตายเอาไว้จัดการพิธีศพอย่างสมเกียรติ เปิดเผยความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนแต่เยาว์วัย พร้อมยกย่องเชิดชูให้กวนอูเป็นขุนพลผู้เที่ยงธรรม ราวกับเป็นขุนศึกฝ่ายรัฐบาล และเสนอกษัตริย์เหี้ยนเต้แต่งตั้งให้ซุนเกาให้รั้งตำแหน่งเจ้าเมืองเกงจิ๋วเป็นการโต้กลับ หวังกระตุ้นให้ซุนเกาเอาอย่างซุนเปิน ซุนฟู ทรยศต่อตระกูลซุน
ด้านวุยอ๋องโจโฉเองนั้นไม่ได้ไว้วางใจพันธมิตรซุนกวนสักเท่าไรนัก แรงกดดันของพวกพยัคฆ์แดนใต้ยังรู้สึกได้รุนแรงยิ่งกว่าพวกเชื้อพระวงศ์พลัดถิ่นเสียด้วยซ้ำ เพราะพวกสกุลซุนมีความพร้อมต่อการช่วงชิงแผ่นดินเหนือกว่าคนแซ่เล่ามากนัก จึงรีบเร่งสั่งการเสริมกำลังลงไปที่ชายแดนด้านล่างเป็นการใหญ่อย่างไม่กล้าประมาท
ให้โจหอง อิกิ๋ม ร่วมกับสามเทพบุตร แฮหัวป๋า โจจิ๋น โจฮิว ใช้ทหารสามหมื่นนายอยู่ปรับปรุงสร้างเมืองอ้วนเซียให้เข้มแข็งขึ้นมาใหม่โดยเร็ว โดยแต่งตั้งให้จงฮิว ผู้นำสหพันธ์หมาป่าเงิน รับตำแหน่งขุนคลัง แทนเจ้าพระยาปราบบูรพา โจหองที่ถูกเลื่อนไปเป็นสมุหนายกแทนแฮหัวเอี๋ยน และมาร่วมงานด้านเศรษฐกิจด้วยอีกแรง ทางด้านเมืองหับป๋า ก็ให้โจหยิน โจต้าย สองพ่อลูก กับแฮหัวหลิม นำทหารไปช่วยกันกับเตียวเลี้ยว เตงงาย สองศิษย์อาจารย์ พัฒนาความเข้มแข็งของป้อมปราการ และกองทัพเรือด้วยเช่นกัน โดยให้ซิหลงย้ายกลับไปช่วยแฮหัวตุ้น ยันทัพตะวันตกที่เมืองเตียงอันแทนโจหองที่ถูกโยกย้ายไป และดึงตัวสุมาอี้กลับไปช่วยงานที่เมืองหลวง
ทุกอย่างดูเหมาะสมลงตัวตามความถนัดของแต่ละคน แต่ที่จริง ก็เป็นการส่งคนที่ยังไว้วางใจให้ไปคานอำนาจทั้งแฮหัวตุ้น ทั้งเตียวเลี้ยว มิให้อยู่ตามลำพังแล้วเกิดคิดแปรพักตร์ ท้าทายส่วนกลางขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง ตามคำแนะนำของกุนซือเงาปีศาจ กาเซี่ยง
ภายในตัวเมืองหลวงฮูโต๋เอง จึงมี โจผี เตียวคับ สุมาอี้ กลับมาเฝ้าระวัง และพร้อมจะเคลื่อนทัพไปเสริมกำลังได้ทุกด้าน เพียงน่าเสียดายที่ โจสิดยังติดโทษทัณฑ์กักบริเวณ เคาทูยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บสาหัส และเทียนอู ขุนพลภาคเหนือที่โด่งดัง ยังต้องเฝ้าระวังหัวเมืองแถบนั้นต่อเนื่อง ทำให้จำนวนขุนพลที่พอจะใช้งานได้ เริ่มจะขาดแคลน สุดท้าย กาเซี่ยงถึงกับเสนอชื่อบุคคลผู้หนึ่งให้เป็นตัวเลือก เป็น จูกัดเอี๋ยน หัวหน้าองครักษ์แห่งวังหลวง ที่เคยมีผลงานในการปราบกบฏสองนางพญามาแล้ว
“น่าสนใจ ให้มันย้ายมาเป็นองครักษ์ประจำตัวของข้าแทนเคาทูที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสไปพลางๆก่อน จะได้ศึกษานิสัยใจคอกันด้วย ส่วนเตียวคับ ชำนาญงานด้านกองทัพ จะได้ออกไปควบคุมกำลังทหารร่วมกับโจผีได้อย่างเต็มเวลา” โจโฉยอมรับข้อเสนอโดยง่ายด้วยความเชื่อใจในตัวกุนซือคู่บารมี
…
พอทราบข่าวการโยกย้ายองครักษ์คู่ใจ กษัตริย์เหี้ยนเต้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากแล้ว แสร้งทักท้วงที่ถูกดึงตัวคนใกล้ชิดไปใช้งาน แต่ในใจกลับลอบยินดี ส่งสัญญาณให้กับขันทีเตียวโถ หัวหน้าองครักษ์จูกัดเอี๋ยน “จวนจะถึงเวลาสำคัญแล้วสินะ บัลลังก์มังกรจะกลับคืนมาเป็นของเราอย่างแท้จริงเสียที”
พระมเหสีคนปัจจุบันลอบมองผ่านช่องหน้าต่างมาโดยตลอดตามคำสั่งลับของบิดา กลับบังเอิญเห็นดวงตาของพระสวามีที่กำลังฉายแววคลั่งแค้นอาฆาต พลันไม่สบายใจในท่าทีของพระสวามี รีบนำความไปปรึกษาปรับทุกข์กับอีกสองนางสนมที่เป็นพี่น้องร่วมบิดาว่าสมควรจะแจ้งเรื่องให้กับโจผี พี่ชายต่างมารดา หรือบอกต่อให้บิดาโดยตรง โจฮองเฮา หรือ อดีตนางโจเจี๋ย ลูกสาวของโจโฉ วุยอ๋อง ครุ่นคิดวุ่นวายอยู่ภายในใจ
…
เด็กน้อยจอมซนทั้งสี่ อันได้แก่ เล่าเสี้ยน กวนหิน เตียวเปา จูกัดเจี๋ยม อยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจมานานหลายวัน ตั้งแต่ครั้งที่กวนอูพ่ายทัพ หายสาบสูญไปตามที่เลียวฮัวกลับมารายงานให้เล่าปี่รับฟัง จนสุดท้าย จึงได้รับข่าวยืนยันว่า กวนอูเสียชีิวิตแล้ว
แต่สิ่งที่กลุ่มเด็กน้อย รวมไปถึงผู้คนทั้งหลาย ยังไม่เข้าใจคือ เหตุใดเล่าปี่ที่อยู่ในอารมณ์โศกเศร้าเสียใจนั้น จึงไม่สั่งการให้ตามล่าล้างแค้นแทนน้องรองในทันที เพียงแต่ทำพิธีศพรำลึกถึงผู้ตายอย่างสมเกียรติเท่านั้น หรือว่า เล่าปี่กลัวเกรงต่ออิทธิพลของซุนกวน ผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นผู้สั่งการสังหารในครั้งนี้ จนไม่กล้าลงมือตอบโต้ใดๆ
ยิ่งเล่าปี่นิ่งเงียบเก็บตัวมากกว่าปกติ ยิ่งทำให้ผู้คนคาดคิดไปต่างๆนานา แต่ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยปากสอบถาม สุดท้าย ถึงกับมีข้อสรุปตรงกันว่า พญามังกรพลัดถิ่น เกิดความสะเทือนใจมากเกินไป ถึงกับหมดพลังการต่อสู้ไปเสียแล้ว เพราะน้องรองเสียชีวิต น้องสามหายสาบสูญไปพร้อมกันกับจูล่ง ขุนพลองครักษ์คู่ใจ กลุ่มเครือญาติอย่าง เล่าฮอง บิต๊ก บิฮอง ก็แปรพักตร์ไปเข้ากับพวกกังตั๋ง เรียกว่า คนใกล้ชิดในอดีตล้วนจากหายไปแทบหมดสิ้น คงเหลือเพียงขงเบ้งที่นับได้ว่า เป็นพวกพ้องเก่าแก่ที่สุดที่ยังหลงเหลืออยู่
ยังดีที่ฮองเย่อิง อาจารย์หญิง กับตันเตา หัวหน้าองครักษ์ อาจารย์ผู้ฝึกสอนวิชาต่อสู้ ผลัดเปลี่ยนกันมาดูแลเด็กๆมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะช่วงนี้ ฮองเย่อิงถึงกับนำพาไปดูการทดสอบอาวุธพิสดาร และสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆที่ทุ่งกว้างนอกเมืองอยู่บ่อยครั้ง
ห่างไกลออกไปทางชายป่าอีกด้านหนึ่ง หญิงสาวร่างใหญ่ในชุดชาวบ้านมักจะมาซุ่มแอบมองกลุ่มศิษย์อาจารย์เหล่านี้อยู่เนืองๆ แต่ไม่เคยมีผู้ใดพบเห็นผิดสังเกตใดๆ นอกจากเตียวเปาที่มีความรู้สึกคล้ายกับว่ามีคนเฝ้ามองดูตนเองอยู่เนืองๆ
อืม จะว่าไม่มีผู้ใดพบเห็นคงมิได้ ยังมีเงาร่างของบัณฑิตผู้หนึ่งแอบจ้องมองสาวชาวบ้านมาจากอีกฟากฝั่งหนึ่งอย่างใจเย็น พร้อมครุ่นคิดอยู่ในใจว่า แผนการล่อเสือออกจากถ้ำของตนนั้น สำเร็จลุล่วงแล้วจริงหรือไม่ หญิงสาวคนนั้นเกี่ยวข้องกับคนที่มันต้องการค้นหาหรือเปล่า ปริศนานี้คงต้องอาศัยเวลาในการคลี่คลายต่อไป
…
เล่าปี่ซุ่มเก็บตัวอยู่ภายในที่พักอย่างอัดอั้นใจไม่น้อย แม้ว่าน้องรองกวนอูตายไปอย่างน่าเสียดาย แต่คนเคยทรยศย่อมไม่อาจไว้วางใจได้อีก มันรู้อยู่แก่ใจว่า กวนอูคิดการณ์ใหญ่เกินตัวไปมาก ถึงกับแอบสืบชาติกำเนิดตนเอง ย่อมไม่อาจปล่อยเอาไว้ได้อีก จึงต้องตัดใจ ใช้โอกาสที่กวนอูพ่ายศึก สูญหายอยู่ในเขตแดนกังตั๋ง ทางหนึ่ง ขจัดตัวปัญหาเรื้อรังทิ้งไป ทางหนึ่ง ใช้เป็นข้ออ้างในการรุกคืบกลืนกินดินแดนทางใต้ที่มีความสัมพันธ์ทางเครือญาติกันอยู่
เป็นหวดเจ้ง กุนซือเดชนกยูงที่ชี้แนะการต่อสู้รูปแบบใหม่มาจากแดนไกล เพื่อตัดกำลังฝ่ายตรงข้ามอย่างเฉียบพลัน ทุกอย่างล้วนต้องเป็นความลับ ถึงกับให้ตนเองหลอกลวงผู้คนรอบข้าง แสร้งนิ่งเฉย เพื่อแอบเคลื่อนไหวในมุมมืด แม้แต่ขงเบ้ง กุนซืออีกคนหนึ่ง ก็ไม่อาจให้ล่วงรู้แผนการในครั้งนี้
ยังดีที่อุยหลิงฉี ภรรยาคนใหม่ น้องสาวคนงามของอุยเอี๋ยน ที่พอสร้างความกระชุ่มกระชวยให้กับจิตใจได้บ้าง ส่วนเล่าเอ๋ง ยังเยาว์วัยนัก ย่อมไม่ล่วงรู้ความนัยอันใดต่อความเคลื่อนไหวภายในห้องส่วนตัวของคนทั้งสอง
…
หลายเดือนต่อมาที่เมืองซงหยง บิต๊ก บิฮอง สวามิภักดิ์กับฝ่ายกังตั๋ง เพื่อรักษาชีวิตของตนเองและครอบครัวเอาไว้ จึงได้รับความไว้วางใจจากฮกเหอ ฮกเสียว จารชนใต้ดินจากแดนใต้ให้ดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองเช่นเดิม แต่ถูกโยกย้ายไปอยู่อาศัยกันที่เรือนรับรองแทน ส่วนเรือนใหญ่ภายในจวนได้ถูกพ่อลูกแซ่ฮกยึดครองไปชั่วคราว เพื่อคอยควบคุมตัวสองพี่น้องอย่างใกล้ชิด
แต่ค่ำคืนวันเพ็ญครั้งนี้สวยงามย่ิงนัก สองพ่อลูกถือโอกาสจัดเป็นงานเลี้ยงใหญ่ก่อนที่จะกลับไปใช้ชีวิตในเงามืดอีกต่อไป ถึงกับเชื้อเชิญบิต๊ก บิฮองมานั่งร่วมวงดื่มสุราชมจันทร์ข้างสระน้ำใหญ่ในสวน เพลิดเพลินกับการร่ายรำของหญิงงามเมืองอย่างสบายใจ
ชายชุดดำสองคนที่ซ่อนกายอยู่บนหลังคาจวนเจ้าเมือง หันมาสบตากัน จ้องมองเหยื่ออันโอชะที่กำลังเพลิดเพลินกับการดื่มสุราชมจันทร์อยู่เบื้องหน้า เมื่อชั่งน้ำหนักดูแล้ว จึงพร้อมลงมือต่อคนที่แข็งแกร่งที่สุดในทันที
เห็นคนแรกใช้เกาทัณฑ์นายพรานยิงปักเข้ากลางลำคอของฮกเสียวอย่างแม่นยำ จนขาดใจตาย คนที่สองคล้ายเชื่องช้ากว่าเล็กน้อย ค่อยลงมือยิงเกาทัณฑ์ของตนบ้าง ปักเข้าที่กลางหน้าผากของฮกเหอ คนพ่อ จบชีวิตของนักจารชนชั้นเยื่ยมไปเช่นกัน
พอหัวหน้าใหญ่ทั้งสองตายไปเช่นนี้ ผู้คนที่เหลือก็หมดสิ้นกำลังใจต่อสู้ ได้แต่วิ่งหลบหนีตายกันอย่างชุลมุนวุ่นวาย สองชายชุดดำเพ่งหาเหยื่อคนต่อไปอย่างใจเย็น ค่อยทิ้งตัวลงขวางหน้า บิต๊ก บิฮอง สองพี่น้องที่แปรพักตร์ต่อเล่าปี่อย่างจงใจ
สองพี่น้องแซ่บิตาเบิกโพลงราวกับเห็นปีศาจอยู่ตรงหน้า รู้ว่าคงไม่รอดชีวิตแน่แล้ว จึงได้แต่คุกเข่าร่ำร้องขอความเห็นใจ แต่ชายชุดดำคนแรกกลับใช้ลูกเกาทัณฑ์แทงทะลุกลางกระหม่อมของบิต๊ก เป็นการเลือกวิธีสังหารอย่างเลือดเย็น คล้ายต้องการล้างแค้นให้กับผู้ใดเป็นการส่วนตัว
คราวนี้ บิฮองขวัญกระเจิง ได้แต่ทุ่มเทพลังชีวิตสุดท้าย ทิ้งตัวลงไปในสระน้ำใหญ่ในสวน อาศัยว่ามีความสามารถทางน้ำติดตัว ดำลงสู่พื้นสระใต้น้ำที่ตนเองแอบสร้างถ้ำลับเอาไว้สำหรับซุกซ่อนสมบัติส่วนตัว สถานที่นี้่ประดับด้วยมุกราตรี มีทั้งช่องระบายอากาศ และเสบียงกรังพอสมควร สามารถหลบซ่อนได้ถึงห้าวันสิบวัน
ชายชุดดำทั้งสองงุนงงสงสัย ยังรั้งรออยู่ด้านบนเป็นนาน จนเข้าใจว่า บิิฮองกลัวถูกสังหารโหด จึงยินยอมจมน้ำตายไปเอง จึงใช้เลือดคนตายขีดเขียนถ้อยคำ “ล้างแค้นให้กวนอู” แล้วชักจูงกันไปไล่ล่าสังหารครอบครัวของบิต๊กบิฮองจนหมดสิ้น ค่อยหลบหนีออกจากเมือง ทิ้งคดีปริศนาไว้ให้ฝ่ายกังตั๋งเจ็บช้ำใจไปอีกนานที่ถูกหยามศักดิ์ศรีถึงถิ่นที่อยู่อาศัย และต้องสูญเสียมือดีไปถึงสองคนอย่างกระทันหัน
…
เช้าวันต่อมา ณ หุบเขาละทิ้งอดีต บริเวณหมู่บ้านชาวประมงถูกก่อสร้างต่อเติมแทนที่โครงสร้างเดิมที่ถูกไฟไหม้เผาผลาญเมื่อครั้งก่อน จนภาพความครึกครื้นย้อนกลับคืนมาบ้าง ผู้คนที่ทะยอยกลับมาพักอาศัยยังคงเป็นกลุ่มชนที่ได้รับบาดเจ็บจนพิการจากศึกสงครามเฉกเช่นเจตนารมย์เดิมของประมุขรุ่นก่อน
นับจากการบุกถล่มในครั้งนั้น ทำให้หุบเขาไม่ได้เป็นสถานที่เร้นลับอีกต่อไป กลับกลายเป็นจุดสะสมกำลังพลอย่างเปิดเผยอีกแห่งหนึ่งของฝ่ายกังตั๋งไปแล้ว โดยล่าสุด ซุนกวนแต่งตั้งให้ซุนแจ้ง ผู้เป็นอา ที่ได้รับบาดเจ็บจนแขนขาด ให้มาดำรงตำแหน่งประมุขคนใหม่ ดูแลพื้นที่แทนชีเซ่ง เตงฮอง คนเก่าแก่ที่ถูกโยกย้ายให้ไปทำงานด้านอื่นแทน
ความสับสนวุ่นวายของการก่อสร้างยังคงเป็นเรื่องปกติของพื้นที่แถบนี้ ช่างก่อสร้างรับจ้างจากต่างถิ่น เดินปะปนอยู่กับคนในหุบเขา จนยากจะแยกแยะออกว่า คนไหนเป็นเจ้าบ้าน คนไหนเป็นผู้มาเยือน เรือน้อยใหญ่ต่างจอดทับซ้อนอยู่ตรงชายหาดด้านหน้า จนเกินกว่าจะควบคุมให้อยู่ในระเบียบ
ซุนแจ้ง พอได้รับหน้าที่ใหม่ ใจหนึ่ง ก็ถือว่า เป็นการพักผ่อนในช่วงบั้นปลายชีวิต ใจหนึ่ง กลับคึกคักที่ได้หลุดพ้นจากงานจารชน หันมาเป็นผู้นำชุมชนได้อย่างเปิดเผย จึงยืนสั่งการอยู่ตรงท่าเรือด้วยความเข้มแข็ง จริงจัง
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กำลังเดินแบกท่อนฟืนกองใหญ่ขึ้นจากเรือของพวกก่อสร้างต่างแดน แต่คล้ายจะซวนเซเสียหลักกลับสู่แม่น้ำไต้กัง ซุนแจ้งเห็นเข้าพอดี จึงลอยตัวเข้าพยุงไหล่เอาไว้ พลางกล่าวด้วยความเมตตา “ระวังตัวด้วย พ่อหนุ่ม”
ช่างก่อสร้างอีกคนเดินสวนทางมาชนซุนแจ้งจากทางด้านหลัง ชายคนแรกพลิกตัวดันไม้ปลายแหลมที่ซุกซ่อนอยู่ในกองฟืน ปักทะลุลำคอของประมุขหุบเขาคนใหม่ทันที ซุนแจ้งอ้าปากตาค้าง ไม่ทันร่ำร้องก็ถูกดันร่างจนร่วงหล่นลงแม่น้ำไปเสียแล้ว
“ท่านประมุขพลัดตกน้ำ ช่วยกันงมหาหน่อยเร็ว” เสียงผู้คนใกล้เคียงตะโกนขึ้น รับรู้เพียงการตกน้ำ ไม่ทันสังเกตว่าเกิดฆาตกรรมอำพรางขึ้นแล้ว คนลึกลับทั้งสองค่อยๆกลืนหายไปกับผู้คนอย่างง่ายดาย ทิ้งอีกหนึ่งคดีสังหารให้กับฝ่ายกังตั๋งเช่นกัน
หลังจากงมซากศพของซุนแจ้งขึ้นมาได้ ชาวบ้านจึงค่อยพบแท่งไม้ปลายแหลม อาวุธที่ใช้่สังหาร สลักคำว่า “ไว้อาลัยต่อกวนอู”
…
ยามสายวันเดียวกัน ที่เมืองเกงจิ๋ว ซุนเกา ว่าที่เสนาบดีฝ่ายบู๊ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากทางเมืองหลวงฮูโต๋ ให้ดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองเกงจิ๋ว ใส่ชุดขุนนางเต็มยศ นั่งอยู่ในเกี้ยวขบวนแห่ตราตั้ง ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองอย่างเป็นทางการ ประกาศให้ราษฏรรับรู้ว่า บัดนี้ เมืองเกงจิ๋ว ขึ้นกับฝ่ายกังตั๋ง และเป็นที่ยอมรับจากเมืองหลวงในคราวเดียวกัน
ขุนพลพัวเจี้ยง ผู้ยึดครองง้าวมังกรเขียว และขุนพลจูเหียน สหายสนิทของซุนกวน ซึ่งได้รับคำสั่งให้มาอยู่คุ้มครองตัวซุนเกา ซึ่งเป็นเชื้อสายสกุลซุน ลูกพี่ลูกน้องของซุนกวน ผู้นำสูงสุด ขี่ม้าตามประกบขบวนแห่ด้วยความระมัดระวังภัย เมืองเกงจิ๋วอยู่ไม่ไกลจากชายแดน สมควรต้องป้องกันให้มากหน่อยอยู่แล้ว
ขุนพลจูเหียนผู้นี้ มีประวัติความเป็นมาไม่ย่อยเลย นอกจากเป็นสหายร่วมชั้นเรียนกับผู้นำซุนกวนแล้ว ยังเป็นลูกบุญธรรมของจูตี ขุนนางเก่าแก่ของกังตั๋ง แต่หากนับย้อนขึ้นไปจริงๆ จูเหียนนั้นยังสืบเชื้อสายมาจากจูฮี หนึ่งในสามยอดขุนพลราชวงศ์ฮั่นในอดีต ที่ประกอบด้วย โลติด จูฮี ฮองฮูสง ที่นำทัพหลวงปราบปรามขบถพรรคฟ้าเหลือง แต่ภายหลัง ทั้งสามคนกลับหายสาบสูญไปจากเมืองหลวง ทายาทสกุลจูหลบหนีเภทภัยมาอาศัยอยู่กับจูตีที่มีศักดิ์เป็นลูกผู้พี่ของจูฮี ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีก จวบจนเมื่อหลายปีก่อน จูเหียนจึงยอมรับคำเชื้อเชิญของซุนกวน และได้เลื่อนขั้นเป็นขุนพลระดับสูงอย่างรวดเร็ว
ขบวนแห่กำลังเดินทางใกล้จะถึงที่ทำการเจ้าเมืองแล้ว พลันปรากฏชายลึกลับชุดพรางกายที่หลังคาโรงเตี๊ยมยิงเกาทัณฑ์ใหญ่เข้าใส่เกี้ยวของเจ้าเมืองซุนเกาแล้ว เสียงทลายหลังคาเกี้ยว พร้อมเงาร่างหนึ่งลอยตัวขึ้นสู่ท้องฟ้า ราวกับนกตัวใหญ่ ตามมาด้วยเสียงระเบิดดังขึ้่นกึกก้อง ทำลายเกี้ยวโดยสารแตกเป็นเสี่ยงๆ ซุนเกานับว่ามีฝีมือพอตัว ถึงกับหลบหลีกออกจากการสังหารด้วยเกาทัณฑ์ระเบิดได้ทันเวลา
แต่ขณะที่ซุนเกายังลอยตัวถึงจุดสูงสุด กำลังมองหาจุดที่จะทิ้งตัววางเท้า กลับมีลูกเกาทัณฑ์หักปลายพุ่งมาจากอีกทิศทางหนึ่ง ปักเข้าใส่กลางหว่างคิ้วของซุนเกาอย่างแม่นยำ ปลิดชีวิตคนสกุลซุน อดีตสายจารชนคนสุดท้ายไปในทันที
พัวเจี้ยง จูเหียนคลั่งแค้นใจ เห็นชัดๆว่ามีมือสังหารเพียงคนเดียว แต่กลับยิงเกาทัณฑ์ได้อย่างผิดหลักการธรรมชาติ จึงรีบลอยตัวขึ้นติดตาม และเห็นเงาร่างชุดพรางกายวิ่งกระโจนคล้ายเหาะเหินเดินอากาศไปตามหลังคาบ้านเรือนอย่างรวดเร็ว จนหายลับสายตาไปแล้ว จึงกลับมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ทหารรายงานเพิ่มเติมว่า ม้าต้ายที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในจวนเจ้าเมือง ก็ถูกช่วงชิงเอาตัวไปแล้วเช่นกัน และมีป้ายไม้จารึกคำว่า “ชดใช้หนี้แค้นเมืองอ้วนเซีย” ทิ้งไว้ สองขุนพลได้แต่มองหน้ากันอย่างงุนงงสงสัย ใครกันที่กล้ามากระตุกหนวดเสือได้ถึงถิ่นเช่นนี้
…
ม้าต้ายติดตามบุคคลลึกลับสองคนออกมานอกเมือง พลันเอ่ยถามต่อคนที่คล้ายเป็นผู้นำกลุ่ม “พี่ใหญ่ เหตุไรพวกเราไม่ชิงเมืองเกงจิ๋วกลับคืนมาเสียเลยเล่า พวกสามผู้เฒ่าก็ออกเดินทางไปที่อื่นแล้ว ลำพังเพียงพัวเจี้ยง จูเหียน ไม่น่าจะต้านทานฝีมือของพี่ใหญ่กับท่านอุยเอี๋ยนได้ น่าจะเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งนักที่จะตัดกำลังพวกกังตั๋งเสียเลย”
พี่ใหญ่ ปลดผ้าคลุมหน้า เห็นเป็นม้าเฉียว ขุนพลเงาหิมะที่เลื่องชื่อ “พวกเรามีกันเพียงแค่สามคน จะสามารถเข่นฆ่าได้นานสักเท่าไหร่เชียว ไม่อาจยึดอำนาจกลับมาจากเหล่าทหารกังตั๋งได้ดอก หากทหารเดิมของเกงจิ๋วไม่เข้าพวกกับพวกเรา กลับจะทำให้พวกเราตกในวงล้อมพากันตายไปเปล่าๆ ขอเพียงแผนการป้ายสีของท่านกุนซือหวดเจ้งครั้งนี้สำเร็จลุล่วง ทำให้ฝ่ายโจโฉ ซุนกวน หวาดระแวงซึ่งกันและกัน ก็น่ายินดีแล้ว”
เสียงกุกกักดังขึ้นที่พุ่มไม้ข้างทาง ชายชุดพรางกายที่สังหารซุนเกา รีบชักอาวุธลอยตัวเข้าใส่ ชั่วครู่ก็ลากคอชายหนุ่ม หน้าตาซีดเซียวในชุดชาวบ้านออกมาจากที่ซ่อนตัว ม้าต้ายจดจำได้ จึงร้องทักทาย “ช้าก่อน ท่านอุยเอี๋ยน คนผู้นี้คือ ตันเซ็ก บัณฑิตคนสนิทของกวนอินผิง ลูกสาวบุญธรรมของท่านกวนอู เหตุไรเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่ได้เล่า”
ตันเซ็กก้มหน้าตัวสั่นกล่าวตอบ “เมื่อครั้งท่านกวนอูออกศึกอ้วนเซียไปพร้อมกับแม่นางกวน พอดีตัวข้าเป็นไข้หนาวสั่น จึงอยู่พักรักษาตัวในเมืองเกงจิ๋ว ไม่ได้ติดตามไปด้วย พอเวลาผ่านมา เกิดเหตุเปลี่ยนแปลงในเมืองเกงจิ๋ว ตัวข้าไร้ชื่อเสียง ไม่เป็นที่จดจำ จึงกล้อมแกล้มหลบหลีกอยู่ในเมือง จนทราบข่าวสูญเสียของท่านกวนอู เลยรอจังหวะหลบหนี จนเมื่อซุนเกาขึ้นรับตำแหน่งจึงสบช่อง เล็ดรอดออกจากเมืองมาได้นี่แหละ”
“อ้อ ในเมื่อเป็นคนกันเองเช่นนั้น พวกเราเดินทางกลับด่านแฮบังก๋วนด้วยกันก่อนเถิด” ม้าเฉียวกล่าวสรุป พร้อมโบกมือให้เดินทางต่อ ตันเซ็กเดินตามอยู่ท้ายสุด ได้แต่ส่ายหน้า ขบคิดในใจ “ช่างโชคร้ายนัก เพิ่งหลบหนีจากเมืองเกงจิ๋ว แทนที่จะได้เดินทางไปสมทบกับท่านพี่ตันฮกที่เมืองกังแฮ ข้าเลยต้องย้อนกลับไปดินแดนเสฉวนอีกแล้ว ยังดีนะที่ด่านแฮบังก๋วนไม่มีใครรู้จักตัวตนที่แท้จริงว่าข้าเคยเป็นคนสนิทของเล่าเจี้ยงมาก่อน”
ชะตาชีวิตผู้คนก็เป็นเช่นนี้ ขบคิดวางแผนไว้อย่างหนึ่ง แต่พอถึงเวลาจริงๆ สถานการณ์อาจจะพัดพาไปอีกอย่างหนึ่ง ตันเซ็ก บัณฑิตหน้าใสที่ไร้ชื่อเสียง สาวกแห่งนิกายแสงจรัสสายกองทัพธรรมในอดีต ก็เฉกเช่นกันที่โดนโชคชะตาเล่นกลให้กลับมาเร่ร่อนอยู่ในแดนเสฉวนไปอีกพักใหญ่
…
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 6 - พญายมถล่มแดนดิน
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย