Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
7 ก.ย. 2021 เวลา 02:11 • นิยาย เรื่องสั้น
6.8. อวสานหน่วยปักษา
หวดเจ้ง กุนซือเดชนกยูง - จูกัดกุ๋ย สุดยอดหมากกล- จูกัดกุ๋ย เจ้าพ่อขบวนการฟ้าดิน
พิธีเผาศพส่งวิญญาณของโจชงเกิดขึ้นอย่างเรียบง่ายด้านหลังปราสาท เพราะผู้ตายป่วยติดเชื้อตาย ไม่อาจรอช้า ญาติมิตรที่อยู่ร่วมในพิธีก็มีเพียงญาติสนิท โจโฉ โจผี โจสิด องครักษ์จูกัดเอี๋ยน และหมอฮัวโต๋ เท่านั้น แม้แต่โจยอยที่มีศักดิ์เป็นหลาน แต่คล้ายเพื่อนสนิท ก็ถูกกีดกันออกไป เพื่อไม่ให้เชื้อโรคอาจจะแพร่กระจายได้อีก
หลังจากเคารพศพตามธรรมเนียมเรียบร้อย กองไฟใหญ่ก็ถูกจุดขึ้นเผาผลาญซากศพของโจชงที่บรรจุอยู่ในโลงไม้ พร้อมกับข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว สายตาของหมอฮัวโต๋มีน้ำตาซึมออกมาไม่รู้ตัว จนต้องยกมือปาดทิ้งเป็นระยะๆ ตกอยู่ในภวังค์ความคิดเรื่องราวของนางซัวบุ้นกีกับตังชง เด็กน้อยในอดีต เมื่อครั้งที่เคยอยู่ร่วมกันในป่าใหญ่
โจโฉเห็นว่า สงบเงียบ ปราศจากคนนอก จึงส่งเสียงกระซิบ ไต่ถามความเห็นจากหมอชื่อดัง “ท่านหมอ อาการปวดหัวรุนแรงของข้า ควรจะรักษาเช่นไรดี”
หมอฮัวโต๋อยู่ในอารมณ์เศร้าเสียใจ จึงไม่ทันยั้งคิด พลั้งปากตอบไปตามตรง “ต้องใช้ขวานผ่าสมองออกมาตรวจดูสักรอบ อาจจะมีเนื้อร้ายแฝงอยู่ภายในหัวท่าน”
โจโฉขมวดคิ้วแน่น ส่งสายตาให้สัญญาณตามที่นัดแนะไว้ก่อน จูกัดเอี๋ยนเคลื่อนกายมายืนอยู่ด้านหลังฮัวโต๋ พลางชักกระบี่ออกมาแทงใส่หมอผู้มีพระคุณทันที ฮัวโต๋ไม่คาดคิดว่า จะถูกลอบสังหารกลางงานศพเช่นนี้ จึงถูกแทงทะลุผ่านหัวใจอย่างง่ายดาย มันเงยหน้ามองไปยังโจโฉที่น่าจะเป็นคนสั่งการ เชิงไต่ถาม
โจโฉแสดงสีหน้าขุ่นเคือง กล่าวขึ้น “โจผีสืบได้ความว่า โงโพ้ หมอผู้ช่วยของเจ้าเป็นทายาทของโงห้วน ขุนนางที่ร่วมก่อการในกลุ่มขบถตังสินแต่เก่าก่อน เมื่อวาน คงเป็นมันที่สับเปลี่ยนตัวยาหมายวางยาพิษสังหารข้า แต่บังเอิญ ข้าร้อนใจส่งตัวยาชามแรกนั้นให้กับโจชงไปก่อน โจชงเลยกลายเป็นเหยื่อตายแทนข้าไป เมื่อผนวกเข้ากับท่าทีของเจ้าที่ผันแปรไปมา ข้าจึงไม่อาจสะกดใจเก็บความระแวงไว้ให้ยืดเยื้อต่อไป ได้แต่อาศัยจังหวะนี้ ทดสอบความคิดของเจ้าสักครา น่าเสียดายที่คำตอบของเจ้าสร้างความผิดหวังต่อข้ายิ่งนัก ใครกันจะสามารถผ่าหัวเปิดกระโหลกคนเป็นๆดังเจ้าว่าได้”
หมอฮัวโต๋ส่งสายตาซึมเศร้า ไม่นึกว่าตัวเองนั่นแหละที่เป็นต้นเหตุทำให้โจชงตายอย่างงมงายไปเช่นนี้ และสำนึกว่าตนเองไม่น่าจะรอดชีวิต จึงพุ่งตัวเข้าสู่กองไฟที่กำลังลุกโชนอยู่ตรงหน้า เพื่อทำลายสิ่งของมีค่า และหีบใส่ตัวยาพิสดารที่อยู่ติดตัวไปพร้อมกันให้หมดสิ้น ไม่อาจปล่อยให้ผู้อื่นได้ไปครอบครองให้เกิดเรื่องปั่นป่วนได้อีก
ก่อนจะขาดใจตาย หมอฮัวโต๋พบเห็นสิ่งผิดปกติในสีหน้าแววตาของโจผี คล้ายละอายแก่ใจต่อผู้คน พลันนึกได้ถึงเรื่องราวหนึ่ง แต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว
หลังจากนั้น พวกโจโฉจึงปล่อยข่าวหมอฮัวโต๋ละอายใจที่ไม่อาจช่วยชีิวิตอัจฉริยะตัวน้อย โจชง ถึงกับฆ่าตัวตายในกองเพลิงส่งวิญญาณ ปิดฉากจอมแพทย์อันดับหนึ่งแห่งยุคไปอย่างน่าเสียดาย
…
ภายหลัง โงโพ้ ฮ่วมอาที่รอฟังข่าวอยู่กับพวกเหยี่ยวดำ รับทราบข่าวการตายกระทันหันของอาจารย์ จึงปรึกษากัน สำนึกตนว่า ด้อยความสามารถ ไม่อาจทัดเทียมอาจารย์ ได้แต่จัดแบ่งตำราแพทย์ชั้นสูงไปศึกษาตีความ
โงโพ้ ศิษย์พี่ รับเอาตำราส่วนแรกที่เน้นการรักษาภายนอก เช่น การเชื่อมต่อกระดูกเส้นเอ็น การผ่าตัดสับเปลี่ยนอวัยวะ เป็นต้น ส่วนฮ่วมอา ศิษย์น้อง รับเอาตำราส่วนหลังที่เน้นการรักษาภายใน เช่น การฝังเข็มกดจุด การปรุงยาพิสดาร เป็นต้น จนหลายปีผ่านไป คนทั้งสองก็ยังไม่กล้าพำนักอยู่ที่ใดเป็นหลักแหล่ง เพราะเกรงกลัวพิษภัยจากพวกสกุลโจ และไม่ปรากฏว่า ทั้งสองได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับวงการการเมืองอีกเลย
เพียงแต่ก่อนจากไปนั้น ทั้งสองได้แจ้งต่อหัวขวานและเหยี่ยวดำ ผู้เป็นมิตรสหายกับอาจารย์ถึงข้อความลึกลับที่ถูกเขียนไว้บนปกตำราด้วยน้ำมะนาวอย่างรีบร้อน หัวขวานจึงใช้เปลวเทียนส่องใกล้ๆ จนข้อความปรากฏขึ้น “กระเรียนน้อย โจยอย ”
…
นกฮูก-ฮัวโต๋ตกตายอย่างมีเงื่อนงำภายในปราสาทนกยูงทองแดง ทั้งๆที่กระตั้ว-กาเซี่ยงอยู่ร่วมในเหตุการณ์ด้วย หัวขวานกับเหยี่ยวดำที่รออยู่ภายนอก ได้แต่รีบเร่งกลบเกลื่อนร่องรอย ล้มเลิกภารกิจที่คั่งค้างอยู่ เพราะกังวลว่า กระตั้วจะมีส่วนรู้เห็นกับการตายของหัวหน้าหน่วยคนปัจจุบันหรือไม่ เวลาเท่านั้นจะเป็นบทพิสูจน์ความจริงใจของสมาชิกแต่ละคนได้ แต่บัดนี้ จำเป็นต้องซ่อนกายปกปิดตัวตนเอาไว้ก่อน
หน่วยปักษาสวรรค์บัดนี้ เหลือเพียงห้าคน คือ กระตั้ว ลำดับห้า นางแอ่น ลำดับเก้า นกยูง ลำดับสิบ หัวขวาน ลำดับสิบสอง และเหยี่ยวดำ ลำดับสิบสาม เท่านั้น ตามอันดับอาวุโสแล้ว กระตั้ว ลำดับห้าสมควรขึ้นเป็นหัวหน้าหน่วย แต่ในเมื่อเกิดความคลางแคลงใจกันขึ้นเช่นนี้ และนางแอ่น ลำดับเก้าก็ถอนตัวออกไปแล้ว หัวขวานกับเหยี่ยวดำจึงหวังให้นกยูง ลำดับสิบ หวดเจ้ง กุนซือเดชนกยูง ณ เมืองฮันต๋ง เป็นผู้ชี้แนะทางสว่าง
…
ค่ำคืนในห้องหนังสือส่วนตัวที่เมืองฮันต๋ง นกยูง-หวดเจ้งนั่งทบทวนจดหมายที่เหยี่ยวดำเขียนถึงการตายของหมอฮัวโต๋ แม้ว่าตั้งแต่แรกเริ่ม มันเลือกที่จะไม่ไปคลุกคลีกับพวกหน่วยปักษาสวรรค์มากนัก จนเกือบจะเป็นคนนอกในสายตาพวกพ้อง แต่การสูญเสียทุกครั้ง ย่อมสร้างความเจ็บปวดให้กับมันด้วยเช่นกัน
ความกังวลของเหยี่ยวดำก็มีน้ำหนักอยู่ไม่น้อย คราก่อน กระตั้ว-กาเซี่ยงเป็นคนแจ้งเบาะแสความเคลื่อนไหวของขุนกำลังลับที่วัดป่าน้อยที่สอง จนคนเกือบทั้งหน่วยต้องเข้าไปตรวจสอบ จากนั้น กระเรียนเฒ่าที่ทุกคนคิดว่าตายไปเนิ่นนานแล้ว ก็ปรากฏกายขึ้น และแทบจะกวาดล้างชีวิตของเหล่าปักษาไปทั้งหมด
ในครั้งนี้ เบื้องต้น ก็เป็นกาเซี่ยงชักจูงให้นกฮูกและพวกเข้าไปในปราสาทนกยูง โชคดีที่นกฮูกเชื่อในสัญชาติญาณ เปลี่ยนผู้ช่วยจากสองปักษาเป็นสองศิษย์เอกในนาทีสุดท้าย ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้หัวขวานและเหยี่ยวดำยังมีชีวิตรอดอยู่
“หรือว่า ถึงเวลาที่จะต้องบอกความลับของพี่สี่ พี่ห้าและน้องสิบสองเสียที” หวดเจ้งรำพึงขึ้นภายในใจ เพราะผู้คนที่เกี่ยวข้องเริ่มทะยอยล้มตายไปแล้ว เป็นความลับที่เริ่มต้นมาจากหัวขวาน-เตียวล่อ ผู้แหกกฏเกณฑ์ด้วยการย้อนเวลาโดยพลการ
เสียงสวบสาบดังขึ้นที่หน้าต่าง ร่างของชายชราในชุดดำพุ่งผ่านเข้ามาราวกับภูตผีวิญญาณ ลอยทะยานเข้ามาคล้ายจะประสงค์ร้าย หวดเจ้งคาดเดาว่าเป็นมือสังหารทั่วไป จึงรีบคว้าเอากระบอกปักษาพิฆาตที่เพิ่งได้มา กดยิงสวนเข้าใส่ในทันที
ประกายสายรุ้งของละอองน้ำพิษกระจายครอบคลุมไปทั่วทั้งห้อง สวยงามราวกับนกยูงรำแพนหาง แต่ยังไม่เร็วพอสำหรับมือสังหารคนนี้ เห็นมันคว้าหนังสือจากหิ้งหนังสือใกล้มือ คลี่ขยายกลายเป็นกำแพงแผ่นกระดาษบดบังร่างกายไว้ทันพอดี
เสียงซ่าซ่าดังต่อเนื่อง กำแพงแผ่นกระดาษเปื่อยยุ่ยราวกับโดนน้ำกรดสาดใส่ ตัวคนรอดจากการโจมตีด้วยน้ำพิษได้อย่างหวุดหวิด และเดินตรงเข้ามาอีกครั้ง
ในเมื่อจู่โจมไม่สำเร็จ นกยูง-หวดเจ้งก็ได้แต่ต้องใช้วิถีบุ๋นตอบโต้แทน ประสานมือยอมแพ้อย่างเร่งร้อน จนเผลอปัดป่ายเอาถ้วยน้ำชาด้านข้างหล่นแตกกระจายลงกับพื้น แต่คล้ายไม่ทันรู้ตัว “ท่านจูกัดยอดเยี่ยมเกินไป ข้าน้อยขอยอมรับความพ่ายแพ้แล้ว”
จูกัดกุ๋ยงงงันวูบ ฝ่ายตรงข้ามไม่เคยพบพานกัน กลับระบุตัวตนได้ในทันที แสดงว่า สติปัญญาไม่ใช่ย่อย สมกับเป็นกุนซือมีชื่อเสียง จึงประสานมือคารวะตอบ “มิกล้า มิกล้า เพียงแต่น่าเสียดายที่ท่านกีดขวางอยู่บนเส้นทางของผู้อื่น จึงจำเป็นต้องเชิญท่านลงสู่นรกไปก่อน ขออภัยด้วย” กล่าวจบ จูกัดกุ๋ยก็ตวัดมือดีดเม็ดหมากล้อมในมือ พุ่งเข้าใส่หน้าผากของหวดเจ้งอย่างรวดเร็ว
เสียงตวาดดังก้องจากด้านข้าง พร้อมพลังดรรชนีที่พุ่งกระแทกเม็ดหมากล้อมให้หันเหทิศทางออกไป เห็นเป็นฮองตง ขุนพลยิงตะวััน ในชุดลำลอง ก้าวเข้ามาขวางทางผู้บุกรุกยามวิกาล เสียงถ้วยน้ำชาหล่นแตกคงสะกิดความสงสัยของขุนพลเฒ่าให้ออกมาตรวจดูความผิดปกติ นับว่า ลูกไม้ตื้นๆของหวดเจ้งกลับได้ผลอย่างไม่คาดหมาย
จูกัดกุ๋ยก็คาดเดาได้ในทันทีเช่นกัน นึกขุ่นเคืองอยู่ภายในใจ แต่ก็รีบใช้หนังสือใกล้มืออีกหลายเล่ม ซัดแผ่นกระดาษภายในออกต่อเนื่องราวกับเป็นแผ่นเหล็กบางคมที่กรีดบินเข้าใส่ สลับกันกับเม็ดหมากล้อมที่พกมาเอง ยังดีที่ฮองตงมีกำลังภายในแก่กล้า และสายตาคมกริบ จึงใช้พลังดรรชนีจี้ทำลายอาวุธลับไปทีละชุดๆเช่นกัน
ฝ่ายหวดเจ้งที่หลบอยู่ด้านหลังฮองตง รีบฉวยจังหวะดังกล่าว ส่งจดหมายลับที่ถือค้างไว้เมื่อตอนที่ถูกบุกรุกนั้น ใส่เข้ากระถางไฟเป็นการทำลายหลักฐานเชื่อมโยงถึงหน่วยปักษาตามปกติที่เคยทำ และหยิบเอากระบอกปักษาพิฆาตชุดสำรองขึ้นมาถือไว้ พร้อมที่จะป้องกันตัวได้อีกรอบแล้ว
ด้านนอกห้อง เริ่มมีเสียงทหารองครักษ์ตะโกนสั่งการ ไม่ช้าคงจะมีกองกำลังเข้ามาเพิ่มเติม จูกัดกุ๋ยประเมินสถานการณ์แล้ว เห็นว่า เสียเปรียบ จึงซัดแผ่นกระดาษเพิ่มเติมอีกชุดใหญ่พร้อมซัดระเบิดควันลงพื้นเป็นการอำพรางกาย ค่อยลอยตัวทะลุหน้าต่างกลับออกไปโดยเร็ว พอควันขาวค่อยเบาบางลง ฮองตงขยับตามไปถึงกรอบหน้าต่าง แต่หวดเจ้งร้องห้ามเอาไว้ก่อน ในขณะที่เหล่าทหารองครักษ์เริ่มเบียดเสียดตัวเข้ามาในห้องสิบกว่าคนแล้ว เพื่อให้ตนเองมีส่วนร่วมในผลงานบ้าง
สถานการณ์ในห้องจึงยังคงดูสับสนวุ่นวาย พลันปรากฏเม็ดหมากล้อมเม็ดหนึ่งพุ่งผ่านเหล่าทหารองครักษ์ที่เพิ่งเข้ามา กระแทกเข้าที่หลังมือของหวดเจ้งที่กำลังกำกระบอกปักษาพิฆาตอยู่ในมือ จนอาวุธร้ายร่วงหล่นลงกับพื้น กลับกระตุ้นกลไกพิสดาร จนเกิดประกายสีรุ้งแผ่กว้างออกมาทั่วห้องอีกครั้ง
มีเพียงฮองตงที่ตาไวไหวตัวทัน รีบทิ้งตัวออกไปนอกหน้าต่างได้ทันเวลา แต่ทหารองครักษ์ที่ยืนเบื้องหน้าสิบกว่านาย รวมทั้งกุนซือหวดเจ้ง ผู้ถืออาวุธมรณะกลับไม่รอดพ้น โดนละอองน้ำพิษสาดกระเซ็นอย่างจัง ร่างกายจึงถูกกัดกร่อนละลาย และลุกลามอย่างรวดเร็ว ส่งเสียงร้องโหยหวนกันระงม จนกลายเป็นเพียงโครงกระดูกและหย่อมเลือดสีดำกระจายนองอยู่เต็มพื้นห้องหนังสือนั้น
ฮองตงและกลุ่มทหารองครักษ์ที่โชคดีอยู่นอกรัศมีละอองน้ำพิษตกตะลึงในความร้ายกาจของอาวุธพิสดาร จนลืมติดตามคนร้ายไปชั่วขณะ ทำให้จูกัดกุ๋ยสามารถเล็ดรอดหลบหนีออกไปได้อย่างง่ายดาย จบสิ้นภารกิจกำจัดเสี้ยนหนามให้กับลูกชายแล้ว
อย่างไรก็ต้องยกย่องชมเชยจูกัดกุ๋ยที่มีไหวพริบ สติปัญญา พลังฝีมือที่สูงส่ง และกำลังขวัญที่กล้าแข็งยิ่งนัก ถึงกับคิดค้นแผนการเหนือชั้นใช้ช่วงเวลาที่ควันอำพรางกายยังไม่ทันจางลง แสร้งอ้อมเป็นวงกว้างจากจุดที่หลบหนีไปนอกหน้าต่าง จับตัวทหารองครักษ์มาเปลี่ยนชุด และย้อนปะปนเข้ามาพร้อมกับเหล่าทหารองครักษ์ จนมีโอกาสสังหารหวดเจ้งได้ในอีกทิศทางหนึ่ง
…
แผนหนึ่งลวงสองจริงที่ขงเบ้ง-จูกัดเหลียงนำเสนอต่อเล่าปี่ครั้งนั้น หนึ่งลวงคือกองทัพม้าเฉียว ก่อกวนล่อลวงให้แฮหัวตุ้นถูกตรึงกำลังไว้ที่เมืองเตียงอัน สองจริงคือกองทัพฮองตงบุกยึดเมืองฮันต๋ง และกองทัพกวนอูบุกยึดเมืองอ้วนเซีย แม้ว่าเวลาจะคลาดเคลื่อนกันไปบ้าง แต่ผลการรบก็ยังตรงตามที่คาดคิดในตอนแรก เพียงเสียดายที่สุดท้าย สมรภูมิเมืองอ้วนเซียกลับพลิกผัน โดนพวกกังตั๋งสอดแทรกเข้ามา ทำให้ฝ่ายโจโฉสามารถยึดเมืองกลับไปได้ และสูญเสียกวนอูกับเมืองเกงจิ๋วตามจังหวะของสถานการณ์
อันที่จริง จูกัดเหลียงยังมีการเดินหมากลับไว้เป็น “จริงที่สาม” นั่นคือ การจู่โจมทางลับเพื่อลอบสังหารหวดเจ้ง กุนซือเดชนกยูง ในยามที่เล่าปี่กำลังรุ่งโรจน์สุดขีด ในช่วงเวลานี้ มีเพียงหวดเจ้งกับตัวมันที่เป็นกุนซือเอกของเล่าปี่ หากขาดหวดเจ้งในยามนี้ จะทำให้ตัวมันมีคุณค่าต่อเล่าปี่เป็นที่สุด มันจึงต้องพึ่งพาบุคคลที่ไว้วางใจได้ และมีวิทยายุทธ์ยอดเยี่ยม ซึ่ง จูกัดกุ๋ย บิดาผู้ที่หายสาบสูญไปเนิ่นนานหลายปี กลับมาเติมเต็มแผนการได้ทันเวลาพอดี
การจู่โจมจริงสองสายแรกนั้น เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับเล่าปี่ แต่สายที่สามนี้กลับเป็นการสร้างความมั่นคงต่อตัวเองโดยตรง และสอดคล้องกับแนวทางที่บิดาสรรค์สร้างเอาไว้ด้วยเช่นกัน หวดเจ้ง กุนซือเดชนกยูง จึงกลายเป็นเพียงอดีตที่มากสีสันไปแล้ว
แม้ว่ากระบอกปักษาเคยถูกนำมาใช้หลายครั้งแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เปิดเผยสู่สายตาบุคคลภายนอกให้ได้พบเห็น ภายหลัง ความสวยงามที่แฝงด้วยความน่าสะพรึงกลัวของอาวุธพิสดารนี้ จึงถูกแต่งเติมเสริมต่อกันในนาม “ประกาศิตขนนกยูง” กลายเป็นสุดยอดอาวุธในตำนานตามฉายาของกุนซือเดชนกยูง หวดเจ้ง นี่เอง
ข่าวการตายของกุนซือหวดเจ้ง นับว่าสะเทือนขวัญผู้คนเกินไป ปลุกกระแสความตื่นตัวเรื่องการลอบสังหารชนชั้นผู้นำ ทางหนึ่ง ทำให้พวกคนสำคัญ รวมทั้ง ขุนนางนายทหาร รัดกุมเข้มงวดต่อการอารักขาตนเองมากยิ่งขึ้น เปิดทางให้คนมีฝีมือในยุทธภพหลั่งไหลเข้ามาสมัครเป็นนักสู้ผู้พิทักษ์ ทดแทนทหารองครักษ์ทั่วไป คนสายอาชีพมือสังหารและนักฆ่ากลับกลายเป็นกลุ่มคนที่มีคุณค่าในการใช้สอย ไม่ว่าจะใช้จู่โจมศัตรู หรือป้องกันตนเอง เพราะเรียนรู้และเข้าใจวิถีของการลอบสังหารเป็นอย่างดี
…
ณ ชายป่าแห่งหนึ่ง นางแอ่น-เตียวหุย ในคราบหญิงชาวบ้านวัยสี่สิบปลายๆ กำลังนั่งซึมเซามองดูสายน้ำลำธารที่เคลื่อนผ่าน ในขณะที่ หัวขวานกับเหยี่ยวดำในชุดพ่อค้าเร่ เนื้อตัวมอมแมม นั่งห่างออกไปเล็กน้อย ทั้งสามกำลังตัดสินใจถึงทิศทางของหน่วยในยามที่หลงเหลือสมาชิกเพียงแค่สามหรือสี่คนสุดท้ายในวัยที่ร่วงโรยแล้ว
ภารกิจลับที่จริงกำหนดไว้จนถึงยามที่แผ่นดินแตกเป็นสามส่วนชัดเจน และตัวละครที่มีปัญหาถูกขจัดออกจากระบบ นั่นคือ อ้วนเสี้ยว โลซก และ ขงเบ้ง ซึ่งตามแผนสมควรจะถูกทดแทนด้วยสมาชิกหน่วยทั้งหมด แต่ด้วยเหตุการณ์ที่ผันแปร ทุกอย่างจึงผิดเพี้ยนไปจากเดิม ตอนนี้ แผ่นดินมีเค้าโครงตามที่ต้องการ เพียงแต่ขงเบ้งตัวจริงกลับยังโลดแล่นอยู่ พร้อมกับขุมกำลังลับที่เชื่อมโยงพัวพันกันไปมาจนยุ่งเหยิง ภายใต้สมการความผันแปรที่คนของหน่วยปักษาสวรรค์ก่อความวุ่นวายเอาไว้เสียเอง
พอเฒ่ากระเรียน และหัวขวานที่ย้อนอดีต เข้าไปก่อกวนเส้นทางชีวิตของผู้อื่นในประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม มันจึงทำให้การพัฒนาการของตัวละครแต่ละตัวเปลี่ยนแปลงไป มาบัดนี้ นกฮูก-ฮัวโต๋ นกยูง-หวดเจ้ง ล้วนตกตายไปเสียแล้ว คู่ต่อสู้ก็เป็นคนที่ไม่อาจลงมือล้างแค้นกลับคืน จึงเป็นการสูญเสียที่หน่วยปักษาต้องกล้ำกลืนเอาไว้เองอีกเช่นเคย ทำให้พวกนางแอ่นคับแค้นใจ และเริ่มท้อแท้เสียแล้ว
“เราก่อเรื่องวุ่นวายในยุคสมัยโบราณนี้มานานหลายสิบปี สมควรจะหยุดได้แล้ว” นางแอ่นเร่ิมเปิดประเด็น “ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามชะตากรรม แผ่นดินกำลังจะแยกเป็นสามส่วนในรูปแบบของมันเอง พวกเราไม่สามารถเข้าไปแก้แค้นให้กับใครโดยไม่กระทบประวัติศาสตร์ ดังนั้น พวกเราก็อย่าได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวอีกเลย ทำใจเสียเถิด”
“พี่นางแอ่นมีครอบครัวสุขสบายแล้ว ย่อมไม่อยากกลับมาใช้ชีิวิตลำบากเหมือนแต่ก่อน แต่ต่อไปภายหน้า ลูกสาวฝาแฝดของท่านก็ยังต้องถูกเชิดชูให้เป็นตัวละครหลักอยู่ดี ถึงเวลานั้น ท่านจะยอมได้หรือไม่เล่า” หัวขวานโต้แย้ง
“รอให้ถึงเวลานั้น ซิงไช่ซิงเหออาจจะไม่ถูกเล่าเสี้ยนเลือกเข้าไปเป็นฮองเฮาก็เป็นได้ ปล่อยให้เวลาเป็นบทพิสูจน์เถอะ” นางแอ่นพูดลอยๆ “ว่าแต่ กระตั้วเป็นคนทรยศหรือไม่ ก็ยังไม่รู้ชัด พวกเราอาจจะต้องหลบๆซ่อนๆไปอีกนาน”
“เรื่องนั้น พี่เก้าไม่ต้องกังวล ตัวข้าจะแฝงตัวซ่อนกายอยู่แถวเมืองหลวงเอง จนกว่าจะแน่ใจว่า กระตั้วทรยศพวกเราหรือไม่ ข้าถึงจะวางใจได้” เหยี่ยวดำ น้องเล็กที่ถือว่าอายุน้อยที่สุดในกลุ่ม ยังคับข้องใจ จึงอาสาจับตาคนที่น่าสงสัยต่อไป
“น่าเสียดายที่ข้ายังหาทางซ่อมเครื่องย้อนเวลาไม่ได้ ไม่งั้น พวกเราก็แค่ยกเลิกภารกิจ กลับไปอยู่ในยุคสมัยเดิมของพวกเรากันได้” หัวขวานหยิบเอาอุปกรณ์เจ้าปัญหาขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง “หรือแม้แต่ย้อนเวลากลับไปช่วยพวกเราที่เป็นคนดีๆ ไม่ให้ตายก็ได้”
…
เครื่องย้อนเวลาชิ้นนี้คือสิ่งของลึกลับที่กระตั้ว-กาเซี่ยงค้นพบว่าซุกซ่อนอยู่ในค่ายกลอรหันต์ และยัดใส่มือของเหยี่ยวดำออกมาอย่างฉุกละหุก พวกปักษาสวรรค์คาดเดากันว่า เครื่องย้อนเวลาชุดนี้เป็นชุดที่นำตัวเตียวหยุน-เตียวจูล่งมาจากโลกอนาคตแห่งใดแห่งหนึ่งในกาลเวลา จนมาปรากฏตัวขึ้นกลางพรรคฟ้าเหลือง แล้วหัวขวานคนที่ย้อนเวลากลับไปเป็นเตียวล่อได้แอบนำมาซุกซ่อนไว้ในค่ายกลที่ตนเองจัดสร้างขึ้น เช่นเดียวกันกับดาบปริศนาเล่มโตของเตียวหยุน
เบื้องแรก หมอฮัวโต๋ยังคิดอาศัยพึ่งพาสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้อยู่บ้าง จึงมอบหมายให้หัวขวานลองหาทางแก้ไขให้ใช้งานได้ แต่เพราะเครื่องย้อนเวลาชิ้นนี้คล้ายผ่านการใช้งานมาแล้วหลายครั้ง และคงอยู่ในกาลเวลาต่างๆ มาอีกระยะหนึ่ง จึงเสื่อมสภาพจนยากจะแก้ไขด้วยเครื่องมืออันจำกัดในยุคโบราณจริงๆ
…
นางแอ่นรีบคว้าเครื่องย้อนเวลามาเก็บเข้าอกเสื้อ นึกหวั่นเกรงต่อความคิดสติเฟื่องของอัจฉริยะสติเฟื่องอีกครั้ง พลางกล่าว “ตอนนี้ ข้ามีอาวุโสสูงสุด ขอใช้สิทธิ์เก็บเครื่องนี้เอาไว้ก่อน อย่างน้อยตอนนี้ พี่อินทรีก็กลับไปสุขสบายในโลกอนาคตแล้วคนนึง จะได้ไม่ต้องกลับมาติดกับดักในกาลเวลาอย่างพวกเราอีก”
หัวขวานลอบสบตากันกับเหยี่ยวดำ ไม่กล้าเฉลยความจริงที่อินทรีมือเหล็กถูกจูล่งสังหารตายคามือ หากนางแอ่นรับรู้ความจริง คงไม่อาจทำใจอยู่ร่วมชีวิตกับสามีคนนี้ได้อีก จึงได้แต่พยักหน้ายอมรับ พลางประสานมือคารวะ “ตัวข้าเป็นนักประดิษฐ์ไร้ชื่อเสียง ย่อมไม่มีเหตุการณ์ใดให้ตื่นเต้นต่อไปอีก จึงขออำลาไปใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่แถวเมืองเกงจิ๋ว คอยดูสถานการณ์ฝ่ายซุนกวนอยู่ห่างๆให้อีกแรงหนึ่ง”
ที่จริง หัวขวานสนใจวัดป่าน้อยที่สอง ซึ่งมีร่องรอยกลไกพิสดารที่ตนเองในโลกคู่ขนานได้สร้างไว้ที่เมืองซินเอี๋ย จึงคิดจะไปใช้เวลาศึกษา และคิดค้นสิ่งประดิษฐ์พิสดารไปตามประสาของตน ไม่แน่ว่า ตัวมันอีกคนหนึ่งอาจจะมีของพิเศษซุกซ่อนไว้ให้ตนเองอีก
…
รอคอยให้หัวขวานจากไปแล้ว นางแอ่นจึงกวักมือเรียกเหยี่ยวดำน้องรัก “ข้าค้นพบกระบวนท่าฝ่ามือชุดนี้ในความฝัน ขอแบ่งปันวิชาให้เจ้าไว้ก่อนลาจากกัน”
นางแอ่นใช้เวลาไม่นานนัก เหยี่ยวดำก็จดจำฝ่ามือสยบมังกรของกวนอูได้ครบถ้วน เห็นว่า สุดยอดฝ่ามือต้องใช้พลังภายในแกร่งกล้าตามแนวทางของกวนอู จึงสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงได้ง่าย ทำให้ขบคิดกับกระบวนท่าที่ตนเองเคยดัดแปลงมาจากต้นกำเนิดวิชาเดียวกัน ต่อยอดออกไปเป็นวิชาที่พิสดารขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง จึงตั้งชื่อเป็นกระบวนท่ามังกรฟ้า ที่ผสมผสานทั้งฝ่ามือ กระบี่ ดรรชนี และท่่าเท้า แทน
ส่วนนางแอ่น-เตียวหุย เห็นความเปลี่ยนแปลงเช่นนั้น จึงประยุกต์วิชาฝ่ามือชุดเดียวกันนี้ไปในแนวทางอ่อนหยุ่นตามแนวทางหยินบ้าง กลับกลายเป็นกระบวนท่าวิหคสวรรค์ ที่ประหยัดพลังภายใน และมีประสิืทธิภาพรุนแรงไปในอีกแนวทางหนึ่ง
หยิน-วิหคสวรค์ หยาง-มังกรฟ้า อานุภาพรุนแรงไม่แพ้กัน สองปรมาจารย์การต่อสู้ ค้นพบสุดยอดวิชาใหม่ในวิถีของตนเอง จึงหัวร่อฮาฮาขึ้นพร้อมกัน มองรอบข้างมืดค่ำมากแล้ว จึงตบมืออำลา และเดินจากกันไปคนละเส้นทาง โดยไม่กล่าววาจาใดๆกันอีก
…
ณ กระท่อมที่พักแห่งเดิม อิ๋นฉาง ปราชญ์คุณไสย โอดครวญต่อลกซุนผู้ที่ถือเสมือนเป็นสหายลืมวัย “พิษร้ายบนตัวช้างเผือกสมควรออกฤทธิ์ช้า เพียงก่อให้เกิดโรคระบาดในระยะยาว แต่ด้วยภูมิอากาศอาจผิดเพี้ยน หรือแหล่งน้ำมีปัญหา ทำให้เชื้อโรคกลายพันธุ์ แทบทำให้ผู้คนทั้งเมืองล้มตายในทันที คาดไม่ถึงจริงๆ”
ลกซุนใคร่ครวญต่อ บ่อน้ำที่พวกสกุลโจนำมาใช้สาดใส่ช้างเผือก อาจจะเป็นบ่อเดียวกันกับที่ตนเองเคยทิ้งเศษกระบี่ฟ้าสังหารเอาไว้ หวังให้ก่อเกิดพิษสะสมในร่างกาย หรือว่า พิษร้ายสองสิ่งผสมผสานกัน จึงทำให้เกิดเป็นพิษที่รุนแรงยิ่งกว่า
“เรื่องนี้ ข้าจะรับเอาไว้จัดการเอง ตัวท่านจงวางใจเถอะ” ลกซุนปลอบใจปราชญ์พิษผู้เฒ่าที่หันมาสนับสนุนต่อสกุลซุนอย่างจริงจัง ภายภาคหน้า ยังอาจต้องพึ่งพากันอีก
…
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 6 - พญายมถล่มแดนดิน
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย