Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
8 ก.ย. 2021 เวลา 23:30 • นิยาย เรื่องสั้น
6.10. ปมอดีตดับตะวัน
เทียเภา นักรบทวนแกร่ง - ฮองตง ขุนพลยิงตะวัน - เงียมหงัน ขุนพลนายพรานเฒ่า
เงาอดีตของขุนพลเฒ่า ฮองตง มีปมซับซ้อนมากมายนัก หากจะไล่เรียงกัน คงเป็นประมาณนี้ มันเริ่มต้นจากชื่อเดิม ฮองตงหยวน อัจฉริยะด้านบู๊แห่งหุบเขากันดารทางแดนใต้ พี่ชายร่วมสายเลือดกันกับฮองเสงหงัน อัจฉริยะด้านบุ๋นในเผ่าเดียวกัน
ด้วยความผิดหวังที่หญิงคนรักมีใจให้กับน้องชายแท้ๆของตนเอง ประกอบกับมันเบื่อหน่ายชีวิตจืดชืดในดินแดนรกร้าง ทำให้มันตัดสินใจ ฝ่าฝืนคำสั่งบรรพชน ขโมยของวิเศษประจำเผ่า หลบหนีเข้าสู่เมืองจีน ภายใต้การปกครองของราชวงศ์ฮั่น
เบื้องต้น มันปกปิดร่องรอยตนเอง มุ่งมั่นฝึกฝนวิทยายุทธ์ โดยเฉพาะวิชาเกาทัณฑ์เพิ่มเติมอยู่อีกหลายปี ถึงกับรับเฟิงเซียน เด็กน้อยพเนจร ไว้คอยรับใช้ตนเอง และเป็นลูกศิษย์คนแรกที่ได้รับการถ่ายทอดวิชายิงเกาทัณฑ์ โดยไม่แยแสถามไถ่ชื่อแซ่ที่แท้จริง จนสุดท้าย หลบหนีมาท่องยุทธภพตามลำพังอยู่พักใหญ่ ค่อยใช้ชื่อ ฮองฮูสง สมัครเข้าเป็นมือปราบชั้นต้นในเมืองหลวง
สาเหตุที่แท้จริงที่มันผละจากไปไม่ร่ำลา เพราะหวาดระแวงว่า คนของหมู่บ้านโบราณตามไล่ล่ามาถึง เกรงภัยจะลามมาถึงลูกศิษย์ด้วยนั่นเอง แต่การจากลากันไปอย่างกระทันหันครั้งนั้น สร้างความบอบช้ำในจิตใจของเด็กพเนจรที่ไม่เข้าใจเหตุผลเบื้องหลังการกระทำ ซึ่งภายหลัง เฟิงเซียนก็ฟันฝ่าอุปสรรคชีวิตขึ้นมาเป็น ลิโป้ ทวนไร้น้ำใจ ยอดขุนพลอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดินในอดีต
ชีวิตมือปราบนั้น แม้จะมีความก้าวหน้า ก็มิใช่ว่าสุขสบายนัก มันทุ่มเททำคดีสำคัญ ติดตามคนร้ายไปต่างเมืองแล้วเกิดพลาดท่า ถูกศัตรูลอบทำร้ายจนดวงตาพร่ามัว ตกอับจนกลายเป็นกระยาจกไร้คนสนใจ อาศัยอยู่ศาลเจ้าให้พอประทังชีิวิตรอด
ที่ศาลเจ้านั่นเอง มันได้ช่วยชีิวิตเจ้าอ้วนน้อย ลูกศิษย์คนที่สองจากเหตุการณ์ไฟไหม้ในศาลเจ้า จนเกิดความผูกพัน และได้สอนวิธีเกาทัณฑ์ เพื่อให้ช่วยยิงสัตว์ป่า เช่น หมูป่า ไก่ป่า กระต่ายป่า มาแบ่งปันกันกิน จนกระทั่งมีขบวนพ่อค้าเร่ร่อน นำโดยม้าอ้วนยี่ ผ่านมา และชวนไปรักษาดวงตากับผู้วิเศษเตียวก๊กที่เมืองเสเหลียง อาจารย์ตามัวกับเจ้าอ้วนน้อย ซึ่งก็คือ แฮหัวเอี๋ยน จึงสิ้นสุดวาสนาต่อกันเพียงแค่นั้น
เมื่อไปถึงเมืองเสเหลียง ผู้วิเศษเตียวก๊กกำลังผันตัวเองเปลี่ยนเป็นประมุขพรรคฟ้าเหลือง หวังล้มล้างราชวงศ์ฮั่นไปแล้ว มันเองได้รับการรักษาโรคจนดวงตาหายเป็นปกติก็จริง แต่ก็ถูกชักจูงให้เป็นสมุนโจรไปด้วยเช่นกัน พอมีโอกาส มันจึงแอบติดต่อส่งข้อมูลลับให้กับโลติด หัวหน้าเก่าสมัยที่เป็นมือปราบเมืองหลวง ซึ่งได้เลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นแม่ทัพปราบขบถ คู่กันกับจูฮี แม่ทัพชั้นเอกอีกคนหนึ่งไปแล้ว
ต่อมา มันถูกม้าอ้วนยี่ ผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มจับพิรุธได้ และเกิดการต่อสู้กัน จนมันพลั้งมือฆ่าสหายผู้มีพระคุณตาย จึงต้องหลบหนีออกจากค่ายโจร แต่ถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัส ของวิเศษประจำเผ่าที่เก็บซุกซ่อนมานานก็สูญหายไป ยังดีที่ได้รับการช่วยเหลือให้ที่หลบซ่อนจากคุณชายเตียวหยุน จึงได้ถ่ายทอดวิชารับเกาทัณฑ์ให้ในช่วงเวลาสั้นๆ นับเป็นลูกศิษย์คนที่สามในกลุ่มแรกของช่วงชีิวิต
จากนั้น มันจึงกลับไปใช้ชีวิตขุนนางอยู่กับโลติด จูฮี อาศัยความรู้และประสบการณ์ที่อยู่ในพรรคฟ้าเหลือง จัดการกับกองกำลังต่างๆได้อย่างเฉียบขาด จนได้รับการเลื่อนขั้นขึ้นเป็นขุนพลเอกคนที่สามแห่งกองทัพปราบโจรแดนตะวันตก นาม ฮองฮูสง และกำเนิดเป็น ห่วงสัมพันธ์สามขุนพลแห่งราชวงศ์ฮั่น ร่วมกับสหายร่วมงานทั้งสองคน
แต่แล้ว ชื่อเสียงอันเกรียงไกรของสามขุนพลผู้เลื่องชื่อ กลับดับวูบไปอย่างกระทันหัน และมีเงื่อนงำ เปิดทางให้โฮจิ๋น ตั๋งโต๊ะ ก้าวขึ้นมาแทนที่ และฉายรัศมีในวงการการเมือง ขับเคี่ยวกับศึกนอก คือ โจรแดนตะวันตกที่กลายสภาพเป็นพรรคฟ้าเหลือง และศึกใน คือ สิบขันที จนแผ่นดินเสื่อมโทรม และเข้าสู่กลียุคไปแทน จึงนับว่า การหายสาบสูญของห่วงสัมพันธ์สามขุนพลคือส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง
การที่สองผู้เฒ่ามากล่าวหาต่อฮองตงว่าเป็นคนทรยศหักหลังเพื่อนพ้องเช่นนี้ ย่อมแสดงว่า ต้นเหตุความพลิกผัน อาจจะมาจากขุนพลคนที่สาม ฮองฮูสง ซึ่งก็คือ ขุนพลยิงตะวัน ฮองตงในปัจจุบัน นั่นเอง
สิ่งที่ทราบอยู่เพิ่มเติมคือ ฮองฮูสงในวัยกลางคน กลับไปเป็นมือปราบอีกครั้งในนาม ฮองตง และเผชิญหน้ากับเผิงเสียน คนร้ายที่เพิ่งฆ่าปลัดอำเภอตาย ทั้งสองคนต่อสู้กันหลายครั้ง และตามล่าข้ามไปหลายหัวเมือง จนฝ่ายฮองตงหลงทาง เป็นไข้ป่าปางตาย โชคดีที่พรานป่า เงียมหงัน นำขบวนเล่าเจี้ยงล่าสัตว์ผ่านทางมา ช่วยชีวิตเอาไว้ ทำให้ฮองตงเข้าสู่สังกัดของเล่าเจี้ยงในฐานะนักรบอีกรอบหนึ่ง
สุดท้าย ฮองตงผิดหวังต่อการดูแลจัดการของเล่าเจี้ยง และสูญเสียพลังฝีมือไปในการต่อสู้ที่เมืองหลวง จนต้องเป็นคนไข้ในความดูแลของหมอฮัวโต๋ จึงได้แต่ปักหลักอยู่ที่เมืองเตียงสา เปิดสำนักยุทธ์เลี้ยงชีพ ทนรับใช้เจ้าเมืองปลายแถวอย่างฮันเหียนไปตามกระแสการเมือง จนได้มาเข้าร่วมกับเล่าปี่ ค่อยเรียกคืนชื่อเสียงกลับมาอีกครั้ง โดยเฉพาะศึกเมืองฮันต๋งที่พลาดพลั้งสังหารแฮหัวเอี๋ยน ลูกศืษย์ของตนเอง
...
ด้านนอก ฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี จากสว่างแจ้งกลายเป็นขมุกขมัว บนหลังคาห่างออกไปเล็กน้อย ยังมีคนปิดหน้าในชุดพรางกายสองคนแอบซ่อนอยู่ จับตามองความเคลื่อนไหวภายในห้องโถงใหญ่อย่างสนใจ คนหนึ่งถือกระบี่ สะพายถุงผ้าใบใหญ่อยู่ด้านหลัง ส่วนอีกคนหนึ่งกลับถือเป็นทวนใหญ่ทรงแปลกตา
“ที่แท้ ฮองตงก็คือฮองฮูสง ยามที่มันมีชื่ออยู่ในดินแดนรกร้างกับเล่าเจี้ยง ฮันเหียน จึงไม่ค่อยพบปะผู้คน จนผ่านวันเวลาไปเนิ่นนานนัก ค่อยยอมเปิดสำนักสอนวิชาเล็กๆน้อยๆหาเลี้ยงชีวิต ที่แท้ ก็เป็นเพราะมันหวั่นเกรงร่องรอยในอดีตจะถูกค้นพบนี่เอง คนบาปแห่งเมืองหลวง ผู้ทำลายห่วงสัมพันธ์สามขุนพล” คนแรกซึ่งสมควรจะเป็นซุนเกี๋ยน เมธีพิณสังหาร บอกกับผู้ร่วมทาง
“ข้าเองจดจำมันได้อย่างแม่นยำ ในช่วงเวลาที่ห่วงสัมพันธ์สามขุนพลกำลังรุ่งโรจน์นั้น ข้าพยายามสมัครเป็นนายทหารประจำกองทัพ เคยถูกมันกีดกัน และขับไล่ออกจากเมืองหลวง ต้องระหกระเหินไปหลายเมือง จนมาสวามิภักดิ์ต่อท่านแทน” คนที่สอง ซึ่งสมควรเป็นนักรบทวนแกร่ง ตอบคำ
พวกมันพบเห็นความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของสองเฒ่าอาวุโสที่เป็นเสมือนถุงเงินถุงทองของดินแดนกังตั๋ง จึงแอบติดตามมา และได้พบกับเหตุการณ์สำคัญในครั้งนี้
นักรบทวนแกร่งผ่านประสบการณ์มาโชกโชน เพียงทบทวนความทรงจำ ก็ยิงคำถามที่น่าขบคิดออกมา “เพียงแต่ชื่อเสียงของฮองตง มือปราบจ้าวแห่งเกาทัณฑ์ ก็มีมายาวนานในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ ฮองฮูสง ยังเป็นหนึ่งในสามขุนพลห่วงสัมพันธ์ คนหนึ่งเป็นมือปราบชื่อดัง คนหนึ่งเป็นขุนพลสำคัญ เป็นไปได้อย่างไรกัน”
ซุนเกี๋ยนไม่หันมามองเพื่อนร่วมทาง แต่กล่าวเฉลยได้ในทันที “เป็นเพราะมันคือคนสองคนที่ชะตาชีวิตมาบรรจบกันโดยบังเอิญ ตอนนั้น มือปราบฮองตงกำลังจะเดินทางไปรับตำแหน่งใหม่ที่หัวเมืองแห่งหนึ่ง แต่กลับพบพานขุนพลฮองฮูสงที่กำลังจนตรอก จึงเกิดการประลองฝีมือเชิงเกาทัณฑ์กัน ฮองตงตัวจริงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ถูกยิงตาย ฮองฮูสงจึงเกิดความคิดพิสดาร สวมรอยเป็นจ้าวแห่งเกาทัณฑ์แทนนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาน่ะสิ”
ช่วงชีวิตที่เป็นรอยต่อของอาชีพการงาน มือปราบชื่อดังที่กำลังย้ายถิ่นฐานใหม่ กลับกลายเป็นคนอื่นมาสวมรอยรับสมอ้างแทนอย่างแนบเนียนมาตั้งหลายสิบปี ปมอดีตของฮองตงหยวนช่างซับซ้อนยิ่งนัก เหอะ เหอะ ใครจะเชื่อว่า ฮองตงที่โลดแล่นในประวัติศาสตร์ กลับมิใช่ฮองตงตัวจริง
นักรบทวนแกร่ง งงงันวูบ แอบกลอกตาสงสัยว่า เหตุไรซุนเกี๋ยนจึงได้ล่วงรู้รายละเอียดเช่นนี้ได้ แต่ไม่ทันเอ่ยคำถามต่อ พอดี ซุนเกี๋ยนชิงกล่าว “ในเมื่อท่านเคยมีเรื่องราวแค้นเคืองกันกับมันผู้นี้ เราก็มาช่วยกันปิดบัญชีแค้นในอดีตกันเถอะ”
เห็นทีว่า ซุนเกี๋ยนเกิดความคิดสังหารอดีตขุนพลเลื่องชื่อทั้งสามคนเสียแล้ว
…
ฮองตงจ้องมองท่าทีของสองอดีตขุนพลผู้ยิ่งใหญ่ที่กลายเป็นผู้เฒ่าท่าทางองอาจตรงหน้าด้วยความสะทกสะท้อนใจ การตัดสินใจผิดพลาดเพียงชั่ววูบของตนเองครั้งนั้นทำให้สหายรักตกอยู่ในฐานะลำบาก แทบถูกฆ่าล้างตระกูลด้วยกฏระเบียบทางทหาร
ย้อนกลับเมื่อครั้งที่ทั้งสามคือห่วงสัมพันธ์สามขุนพลแห่งแผ่นดินฮั่น มีผลงานปราบโจรขบถแดนตะวันตกที่ต่อมารู้จักกันในนาม พรรคฟ้าเหลือง อย่างต่อเนื่อง ตนเองได้รับข้อมูลสายข่าวเชื่อมโยงเตียวเหยียง หัวหน้ากลุ่มสิบขันทีโฉดว่าเป็นสายลับของพรรคฟ้าเหลือง จึงนัดแนะกันกับโลติด จูฮี เพื่อแอบบุกวังหลวงในยามค่ำคืน ชิงลงมือจับกุมสิบขันทีไว้ก่อน ค่อยกราบทูลในภายหลัง
แต่แล้ว เกิดข่าวลับรั่วไหลไปได้อย่างไรไม่ทราบ พวกสิบขันทีถึงกับจัดฉากให้กษัตริย์เลนเต้ย้ายที่บรรทมมาเป็นการส่วนตัว จนคล้ายพวกมันคิดลอบสังหารฮ่องเต้ และเป็นสายของโจรขบถเสียเอง อีกทั้ง สิบขันทียังอาศัยโฮฮองเฮาชักนำขุนพลโฮจิ๋น ตั๋งโต๊ะ เข้ามาอารักขา จึงเกิดการต่อสู้กันภายในวังหลวงท่ามกลางความมืดมิดในยามค่ำคืน เหล่าองครักษ์และทหารทั้งสองฝ่ายต่างบาดเจ็บล้มตายไปอย่างงมงายเสียมากมาย
ทั้งสามตระหนักถึงความผิดพลาด และโทษทัณฑ์ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง จึงได้แต่แสร้งตายในเหตุการณ์ครั้งนั้น แล้วแยกย้ายหลบหนีออกจากเมืองหลวง ยังดีที่ฮ่องเต้ไม่อยากให้แผ่นดินวุ่นวาย จึงปิดข่าวขบถห่วงสัมพันธ์ไว้ เพียงสับเปลี่ยนให้โฮจิ๋นขึ้นเป็นขุนพลใหญ่แทนโลติดที่หายสาบสูญไปอย่างลึกลับพร้อมกับจูฮี ฮองฮูสง นั่นเอง
เนื่องจากโลติด จูฮี หนีลงทางใต้ไปด้วยกันเพียงสองคน ฮองฮูสงคล้ายหายสาบสูญไปจากโลกนี้แล้ว และเบาะแสเริ่มต้นมาจากฮองฮูสงที่หายหน้าไปตามลำพัง ทั้งสองจึงคาดเดาว่า ฮองฮูสงคือต้นตอปัญหา อาจจะหักหลังเพื่อนพ้อง ทำลายห่วงสัมพันธ์ เพื่อเปิดทางให้โฮจิ๋น ตั๋งโต๊ะ กับสิบขันทีได้ครองอำนาจทางการเมืองแทน
ฮองตงมิใช่คนโง่เขลาย่อมคาดเดาความคิดของสหายเก่าได้หลายส่วน ในที่สุด จึงลุกขึ้นประสานมือคารวะเจ้านายเก่า เพื่อแสดงความจริงใจก่อน หากแต่จูฮีหวาดระแวง จึงง้างเกาทัณฑ์ในมือ เล็งใส่ขุนพลเฒ่าเป็นการป้องกันไว้ก่อน
ในอดีตนั้น ฝีมือเกาทัณฑ์ของจูฮีไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าฮองฮูสงเลย ขุนพลใหญ่โลติดในฐานะคนกลาง เคยประเมินแยกแยะไว้ว่า จูฮีได้เปรียบเรื่องความรุนแรง และความเร็ว ฮองฮูสงโดดเด่นเรื่องกระบวนท่า และความพลิกแพลง
...
ซุนเกี๋ยนเห็นเป็นจังหวะทองในการก่อกวนเรื่องราว จึงรีบซัดกระบี่ในมือใส่จูฮี ปักทะลุไหล่ขวา ส่งผลให้ลูกเกาทัณฑ์ที่ง้างไว้ หลุดจากคันพุ่งเข้าใส่ฮองตงอย่างกระทันหัน ฮองตงไม่คาดคิดว่าสหายเก่าจะตั้งใจลงมือจริงจัง จึงเคลื่อนไหวช้าไปวูบหนึ่ง ใช้วิชามือเปล่ารวบได้แค่ส่วนปลาย แต่คมเกาทัณฑ์ทะลุเข้าซี่โครงไปถึงสามสี่นิ้ว โลหิตชุ่มโชกเสื้อผ้าจนฮองตงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ไปอีกคราแล้ว
ยังมีเพียงโลติดที่ปลอดภัยไร้เรื่องราว ทวนแกร่งจึงเลือกเป็นเป้าหมายลงมือ ทวนทรงแปลกตาปะทะกับกระบี่เหล็กดังถี่ยิบ โลติดสูงวัยกว่า อีกทั้งห่างเหินการฝึกฝีมือ ไม่อาจต้านทานแรงกระแทกได้เนิ่นนาน จึงทำกระบี่หลุดมือ ถูกทวนแทงทะลุท้อง บาดเจ็บสาหัส แต่จงใจยึดกุมทวนเอาไว้สุดกำลัง เปิดโอกาสให้คนอื่นได้ล้างแค้นให้กับตนเอง
จูฮีคุ้นเคยกับโลติดมานานหลายสิบปี ย่อมอ่านความคิดออกในทันที รีบคว้ากระบี่เหล็กที่หล่นตรงหน้า ใช้ยิงแทนลูกเกาทัณฑ์ใส่กลางหลังของคนปิดหน้าตรงหน้าทันที โลติด จูฮีล้วนเป็นขุนพลกรำศึกสงคราม ย่อมไม่คำนึงถึงหน้าตาชื่อเสียง ขอเพียงลงมือได้ผล มีชีวิตรอดคือชัยชนะของการต่อสู้แล้ว
นักรบทวนแกร่งเยี่ยมยุทธ์เกินไป ไม่ทันคาดคิดจะถูกทำร้ายจากระยะไกลได้อีก จึงโดนยิงใส่ข้างหลังเต็มแรง จึงปล่อยทวนหลุดจากมือ หันมาหมายจะใช้ฝ่ามือทั้งสองฟาดใส่จูฮี แต่ฮองตงที่เลือดท่วมกาย ขยับลอยตัวถีบเข้าใส่จากด้านข้างโดยแรง จนล้มลงไปทั้งคู่ เปิดจังหวะให้จูฮีดีดตัวใช้คันเกาทัณฑ์ต่างกระบี่ แทงซ้ำเข้าที่กลางท้องของนักฆ่าปิดหน้าอีกครั้ง บาดแผลเช่นนี้น่าจะหยุดฝ่ายตรงข้ามได้แล้ว
แต่แล้ว จูฮีที่กำลังยันตัวเองขึ้นจากพื้น กลับสะดุ้งสุดตัว ก้มมองปลายกระบี่ที่แทงทะลุอกมาจากด้านหลัง นักฆ่าคนที่สองเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบ ลอบลงมือเลียนแบบตนเองไม่ผิดเพี้ยนกันเลย เห็นทีว่า ชีวิตเฒ่าของมัน และสหายเก่าทั้งสองคน คงจบสิ้นพร้อมกันแล้วในคราวนี้
...
โลติด จูฮี และฮองตง ยังคงจมกองเลือดอยู่กับพื้นดิน เพียงรอคอยความตายมาเยือน ซุนเกี๋ยนจึงปล่อยกระบี่คาร่างจูฮีไว้ ปลดห่อผ้าสะพายหลัง ก้าวไปดูอาการบาดเจ็บของนักรบทวนแกร่งก่อน พร้อมส่งเสียงเรียก "เทียเภา สหายเรา ยังไหวอยู่หรือไม่”
เทียเภา หรือ นักรบทวนแกร่ง นัยน์ตาเลื่อนลอย เอื้อมมือกระชากผ้าปิดหน้าออก พลางกล่าวสั่งเสียให้กับเจ้านายครั้งสุดท้าย “ส่งข่าวการตายให้กับเทียหยก น้องชายข้าด้วย”
เทียเภาสิ้นลมหายใจ ซุนเกี๋ยนนึกเสียใจที่ประเมินสถานการณ์ผิดพลาด แทนที่จะสังหารฮองตงกับพวกได้อย่างง่ายดาย กลับถูกห่วงสัมพันธ์สามขุนพลในอดีตทำร้ายสมุนเอกตายไปอย่างน่าเสียดาย
...
"เทียเภา คืออดีตขุนพลมีชื่อของซุนเกี๋ยน หายสาบสูญไปพร้อมกับความตายของเจ้านายเมื่อหลายสิบปีก่อน ที่แท้ เรื่องราวก็เป็นเช่นนี้เอง ทั้งนายทั้งบ่าวล้วนแกล้งตายหลอกคนทั้งแผ่นดิน เพื่อหลบซ่อนก่อการใหญ่ให้กับพวกสกุลซุนอีกทางหนึ่ง ช่างลึกซึ้งยิ่งนัก เมธีพิณสังหาร ซุนเกี๋ยน" เสียงฮองตงลอยมาอย่างเนิบนาบ กล่าวสรุปเรื่องราวที่ปะติดปะต่อขึ้นได้ในทันที สมกับที่เคยเป็นมือปราบชื่อดังของแผ่นดิน
ซุนเกี๋ยนเหลือบมองฮองตงที่ค่อยๆยันตัวขึ้นยืนโซเซไปมา ในมือปราศจากอาวุธ ดูจากร่างกายที่ชุ่มโชกด้วยเลือด บ่งบอกว่า ขุนพลเฒ่าไม่น่ารอดจากความตายได้นานนัก มันจึงเปิดผ้าปิดหน้าออก วางใจพูดคุยกับอดีตมือปราบตรงหน้าต่อไป "เก่งมาก มือปราบฮองตง แต่เจ้าคงคาดไม่ถึงว่า พวกเจ้าคือหมากในกระดานของข้ามาโดยตลอดเช่นกัน ครั้งนั้น เป็นข้าที่ร่วมมือกับอ้วนเสี้ยว โจโฉ วางแผนทำลายห่วงสัมพันธ์สามขุนพล ผลักดันให้โฮจิ๋นขึ้นสู่อำนาจทางทหารในครั้งนั้นเอง เมื่อพวกเจ้าหายหน้าไป ย่อมเปิดทางสะดวกให้พวกเราทั้งสามก้าวหน้าทางการทหารได้สะดวกยิ่งขึ้น”
ยามนั้น อ้วนเสี้ยว ซุนเกี๋ยน โจโฉเป็นนายทหารคนสำคัญในสังกัดโลติดทั้งสาม โดยเฉพาะอ้วนเสี้ยวที่เป็นสายข่าว หากอ้วนเสี้ยวปรับแต่งข่าวลวงเข้ามา ย่อมจะมีทางเป็นไปได้ แต่สองเฒ่ามัวคิดถึงแต่ฮองฮูสง ไม่นึกว่า นายทหารคนอื่นจึงจะเป็นพิษภัยที่แท้จริง โลติด จูฮี นอนตาเบิกโพลง หันไปมองหน้าฮองตงด้วยความละอายระคนเสียใจที่หลงเข้าใจผิดสหายเก่ามาเนิ่นนานนัก
“ที่จริง เส้นทางอาชีพของฮองฮูสง นับว่า กีดขวางชีวิตของข้าอยู่บ่อยครั้ง ครั้งแรก ข้าเริ่มรับราชการในสายมือปราบ มีมันเป็นคนเด่นในเมืองหลวงอยู่ก่อนแล้ว จึงลอบทำร้ายมันให้ตาบอดมัว เพื่อรับมอบตำแหน่งมือปราบแห่งเมืองหลวงแทน คาดไม่ถึงว่า กลับเป็นการเปิดช่องทางให้มันกลายเป็นสายในรังโจร รับตำแหน่งขุนพลชั้นเอกมาแบบก้าวกระโดด ถึงกับย้อนมาอยู่เหนือหัวข้าได้อีกรอบ ข้าจึงจำเป็นต้องลงมืออีกครั้งหนึ่ง เพื่อทำลายสามขุนพลห่วงสัมพันธ์”
ซุนเกี๋ยนยังกล่าวต่อไป “ครั้งที่สองนี้เอง ข้าต้องการป้ายสีใส่ร้ายฮองฮูสงให้ถึงที่สุด เมื่อแผนทำลายล้างสำเร็จแล้ว จึงสะกดรอยตามไป หมายจะสังหารมันให้สิ้นเรื่องราว คิดไม่ถึงว่า ตัวมันดันไปมีเรื่องกับฮองตงตัวจริง จนพลั้งมือฆ่าตาย แล้วยังสวมรอยเข้ารับตำแหน่งมือปราบแทน แต่โชคร้ายที่เกิดคดีคนร้ายปล้นฆ่าปลัดอำเภอในท้องที่ใหม่ของมัน จนมันต้องไล่ตามวุ่นวายและหายสาบสูญไปเลย เราติดตามล่าช้าไปครึ่งค่อนวัน กลับไม่พบร่องรอยไปอีกนานหลายปี”
ฮองตง ตกใจไม่น้อยที่คนคนหนึ่งถึงกับอยู่เบื้องหลังอดีตของมันมาหลายครั้ง และยังล่วงรู้ความลับสุดยอดเรื่องหนึ่งในชีวิต อดีตที่มันกลบเกลื่อนมาโดยตลอด แม้แต่เมื่อครั้งที่เล่าเรื่องให้หลานสาว ยังเคยบิดเบือนให้ผิดเพี้ยนด้วยซ้ำ
ซุนเกี๋ยน เชื่อมั่นว่าถือไพ่เหนือกว่า จึงกล่าวต่อไป “พวกเจ้ากลับได้มาพบพานกันในวันนี้ ถือว่าเป็นโชคร้ายที่ข้ามาพบเห็นโดยบังเอิญ สามขุนพลห่วงสัมพันธ์จะกลับมาหรือไม่ ข้าไม่ได้สนใจแต่อย่างใด แต่เห็นว่า สมควรต้องลงมือเสียก่อน เพื่อประกันว่า ทรัพย์สินและกิจการของพวกเจ้าทั้งสองสกุลจะยังคงอยู่เสริมเติมความมั่งคั่งให้กับกังตั๋งตลอดไป พวกเจ้าทั้งสามล้วนแก่ชราเกินไปแล้ว โลซก ดาวเด่นของสกุลโลก็จากลาไปแล้ว คงเหลือเพียงจูเหียน ทายาทสำคัญของสกุลจูที่ยังพอมีประโยชน์ต่อกังตั๋งอยู่บ้างเท่านั้น”
ช่วงเวลาที่ผ่านมา สกุลโลกับสกุลจูเป็นคหบดีมั่งคั่งที่ผลักดันเศรษฐกิจพื้นฐานให้กับดินแดนกังตั๋งไม่น้อยไปกว่าเจ้าพ่อเกียวชวนเลย ดังนั้น คำเฉลยของซุนเกี๋ยนจึงสร้างความแค้นเคืองให้ผู้เฒ่าทั้งสองอย่างหนัก ศัตรูที่ลอบทำร้ายพวกมันอย่างสาหัสตลอดชีวิต ก็คือมัน คนที่ชักใยรีดเค้นประโยชน์จากสกุลโล และจู มาโดยตลอด ก็ยังเป็นมัน ซุนเกี๋ยน จอมวางแผนที่อำมหิตผู้นี้
โลติด ยังติดใจเรื่องหลานชายของตนเองที่ถูกพาดพิง จึงเอ่ยถาม “แล้วเจ้าเกี่ยวข้องกับการตายของโลซกด้วยงั้นหรือ"
"ถูกต้อง คนร้ายลงมือจับมันมัดมือถ่วงน้ำไว้ในบ่อลึกทั้งเป็น คิดว่ามันจะไม่รอด แต่โลซกเยี่ยมยอดกว่า ถึงกับมีหนทางหลุดรอดออกมาได้ ดีที่ข้าพบเห็นเข้าจึงช่วยสงเคราะห์ซ้ำเติมให้อีกคราหนึ่ง โลซกหมดสิ้นเรี่ยวแรง ไม่อาจรอดซ้ำได้อีก และคนร้ายก็ไม่รู้ตัวว่า มันทำงานผิดพลาดด้วยซ้ำ"
คาดไม่ถึง ซุนเกี๋ยนถึงกับเคยสอดแทรกหักเหลี่ยมลกซุน กุนชือพยัคฆ์คะนองมาแล้วด้วย
...
เสียงม้าร้องแว่วมาแต่ไกล ซุนเกี๋ยนมองท้องฟ้า เห็นเป็นเวลาที่ขบวนเกี้ยวของฮองเย่อิงกำลังจะมาถึง จึงหยิบกระบี่เหล็กของโลติดขึ้นปิดฉากการสังหารหมู่ในครั้งนี้ บรรจงเดินไปปาดกระบี่ใส่ลำคอฝ่ายตรงข้ามทีละคน โลติดเป็นคนแรก ตามด้วยจูฮี และฮองตง
แต่แล้ว ฮองตงกลับหงายหลังหลบคมกระบี่ พร้อมใช้วิชาดรรชนียิงตะวัน ในกระบวนท่า เกาทัณฑ์ไร้ลักษณ์ขั้นสูงสุด มันสู้อุตส่าห์ถ่วงเวลาพูดคุยกับซุนเกี๋ยน เพื่อรวบรวมพลังชีวิตที่เหลือ ใช้ออกในกระบวนสุดท้ายของชีวิต แม้จะมีพลังรุนแรงแค่สามสี่ส่วน แต่ยามลงมือกระทันหันใส่ซุนเกี๋ยนที่กำลังย่ามใจ สังหารผู้คนมาทีละคน จึงยังคงได้ผล พลังดรรชนีพุ่งทะลุดวงตาด้านซ้าย เรียกเลือดได้ทันที
ซุนเกี๋ยนตกใจสุดขีดที่จู่ๆได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ เสียเชิงให้กับขุนพลเฒ่าจนได้ จึงรีบซัดกระบี่เหล็กใส่ฮองตงอีกครั้ง และคว้าห่อผ้าใหญ่หลบหนีไปโดยเร็ว ตัดใจทิ้งร่างไร้วิญญาณของเทียเภา สมุนเอกไว้อย่างอับจนปัญญา
...
ฮองเย่อิงมาถึงได้ทันก่อนวาระสุดท้ายของฮองตง ผู้เป็นญาติอาวุโส แต่ไม่อาจสื่อสารอะไรกันได้ เพราะกระบี่ที่ปักคาอกอยู่ แสดงว่า คนร้ายยังไปได้ไม่ไกลนัก เงียมหงันกับทหารองครักษ์บางส่วนรีบออกติดตามอย่างคนมีประสบการณ์ นางจึงลองใช้ตัวยายืดชีวิตที่มีติดตัวมา แม้ว่าจะไม่เลอเลิศเท่าโอสถชั้นเลิศของหมอฮัวโต๋ แต่ก็หวังเพียงต่อชีวิตให้พอทราบเบาะแสคนร้าย
ฮองตงมีสีหน้าแช่มชื่นขึ้นเล็กน้อย ส่งเสียงอย่างแหบเครือ “เย่อิง หลานเรา คนร้ายเป็นซุนเกี๋ยนที่อยู่เบื้องหลังหนี้เลือดในครัั้งนี้ ฝากวานให้จูกัดเหลียงล้างแค้นให้ด้วยเถิดนะ”
ฮองเย่อิง แอบสงสัยเพราะใครๆก็ทราบว่า ซุนเกี๋ยนตายไปเนิ่นนานหลายปีแล้ว หรือว่า ท่านลุงเลอะเลือนเกินไป “ท่านลุงหมายถึงซุนกวนแห่งกังตั๋ง ใช่หรือไม่”
“เป็นซุนเกี๋ยน เมธีพิณสังหารเป็นซุนเกี๋ยนที่ตาซ้ายมืดบอดแล้ว” ฮองตงย้ำอีกครั้งหนึ่ง
ฮองเย่อิงนิ่งอึ้งในคำพูดสุดท้าย มัวแต่ทบทวนความคิด จนไม่ทันระมัดระวังตนเอง ทำให้คนร้ายย่องมาด้านหลังอย่างเงียบเชียบ พร้อมฟาดลงที่ต้นคอ และแล้ว สติสัมปชัญญะของนางก็ดับวูบไปในทันที
…
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 6 - พญายมถล่มแดนดิน
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย