1 ก.ย. 2021 เวลา 11:48 • ปรัชญา
" ... ผู้ใดผู้หนึ่งจะปรารถนานิพพานพรหม ไม่มีเลย
ย่อมมุ่งต่อโลกุตตรนิพพานด้วยกันทั้งนั้น
แต่ไม่รู้จักปล่อยวางวิญญาณ
จึงหลงไปเกิดเป็นอรูปพรหม ... "
2
ตทนนฺตรํ ลำดับนั้น
พระพุทธเจ้าจึงตรัสเทศนาต่อไปอีกว่า
อานนฺท ดูกรอานนท์
บุคคลทั้งหลายที่หลงขึ้นไปบังเกิด
ในอรูปพรหมอันปราศจากความรู้นั้น
ก็ล้วนแต่บุคคลผู้ปรารถนาพระนิพพาน
แต่ไม่รู้จักวางใจให้สิ้น ให้หมดทุกข์นั่นเอง
ไม่รู้จักวางจิตวิญญาณ
อันตนเข้ามาอาศัยอยู่กับด้วยลมของโลก
ทำความเข้าใจว่าเป็นจิตของตัว
แลเข้าใจว่าพระนิพพานมีอยู่ในเบื้องบนนั้น
ตัวก็นึกเข้าใจเอาจิตของตัวขึ้นไปเป็นสุขอยู่ในที่นั้น
ครั้นตายแล้วก็เลยพาเอาตัวขึ้นไปอยู่ในที่อันไม่มีรูป
ตามที่จิตตนนึกไว้นั้น
ดูกรอานนท์ ผู้ที่หลงขึ้นไปอยู่ในอรูปพรหมแล้ว
แลจักได้ถึงโลกุตตรนิพพานนั้นช้านานยิ่งนัก
เพราะว่าอายุของอรูปพรหมนั้นยืนนัก
จะนับว่าเท่านั้นเท่านี้มิอาจนับได้
จึงเชื่อว่านิพพานโลกีย์
ต่างกันแต่มิได้ดับวิญญาณเท่านั้น
ถ้าหากดับวิญญาณก็เป็นพระนิพพานโลกุตตรได้
ส่วนความสุขความสำราญในพระนิพพานทั้ง ๒ นั้น
ก็ประเสริฐเลิศโลกเสมอกันไม่ต่างกัน
แต่นิพพานโลกีย์เป็นนิพพานที่ไม่สิ้นสุดเท่านั้น
เมื่อสิ้นอำนาจของฌานแล้ว
ยังต้องมีเกิดมีแก่ เจ็บตาย ร้ายและดี
คุณและโทษ สุขและทุกข์ยังมีอยู่เต็มที่
เพราะเหตุนั้น
ผู้ใดผู้หนึ่งจะปรารถนานิพพานพรหม ไม่มีเลย
ย่อมมุ่งต่อโลกุตตรนิพพานด้วยกันทั้งนั้น
แต่ไม่รู้จักปล่อยวางวิญญาณ
จึงหลงไปเกิดเป็นอรูปพรหม
ส่วนโลกุตตรนิพพานนั้นปราศจากวิญญาณ
วิญญาณยังมีที่ใด
ความเกิดแก่เจ็บตายก็มีอยู่ในที่นั้น
โลกุตตรนิพพานปราศจากวิญญาณ
จึงไม่มีเกิดไม่มีแก่ ไม่มีเจ็บไม่มีตาย
มีแต่ความสุขสบาย ปราศจากอามิส
หาความสุขอันใดจะมาเปรียบได้ด้วยพระนิพพานไม่มี
ขึ้นชื่อว่าความเกิด ความตาย ความร้าย ความดี
บาปบุญคุณโทษ สุขทุกข์
ความทุกข์ยากลำบากเข็ญใจ
ทุกข์โศกโรคภัยไข้เจ็บ
สิ่งหนึ่งสิ่งใดไม่มีในพระนิพพานเลย
พระพุทธเจ้าตรัสแก่ข้า ฯ อานนท์ ดังนี้แล
อ้างอิง :

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา