27 ส.ค. 2021 เวลา 12:19 • หุ้น & เศรษฐกิจ
หลักการคัดหุ้นเข้าพอร์ต
หลายคนอาจจะเจอปัญหาตัวเองคัดหุ้นมาดีแล้ว แต่ทำไมมันไม่ขึ้น หรือมันยังดีไม่พอ มีดีกว่านี้ไหม หรือบางคนอาจคิดไปถึงว่า ตลาดมันอาจไม่สมเหตุสมผล
การที่เราคิดว่าซื้อหุ้นมาดีแล้ว แต่ราคามันไม่ขึ้น ทำไมไม่เห็นเหมือนหลักการที่เคยเรียนมา
แต่ความจริงแล้ว ถ้าเราอยู่ในตลาดมานานสักระยะหนึ่งก็จะรู้ว่า หุ้นทุกตัวมันมีรอบของมัน ทั้งหุ้นดีและไม่ดี ก็มีทั้งขาขึ้นและขาลงไม่ต่างกันค่ะ
เช่นนั้น อย่ามัวแต่โทษฟ้าโทษดินกันเลย มาหาวิธีป้องกันความเสี่ยงจากการลงทุนของเรา ด้วยการทำความเข้าใจถึงธรรมชาติและโอกาสความเป็นไปของหุ้น ก่อนที่จะคัดหุ้นเข้าพอร์ต แล้วให้พอร์ตเรามีโอกาสเติบโตกันดีกว่าค่ะ
📌 ให้เข้าใจว่าหุ้นทุกตัว ต่างก็มีรอบของมัน
หมายถึงว่า หุ้นทุกตัวมันจะมีทั้งรอบขาขึ้นและขาลง ไม่ได้เกี่ยวว่ามันจะพื้นฐานดีหรือไม่ก็ตาม
ดังนั้น ถึงจะซื้อหุ้นมาดีแล้ว แต่ทำไมมันยังลง นั่นก็เพราะว่า เราไปซื้อตอนขาลงของมันนั่นเอง ทางแก้ก็คือ ต้องอ่านรอบมันให้ขาดว่ามันอยู่ในรอบไหน (สายเทคนิคต้องเข้าช่วยแล้วค่ะ 😁)
📌 หุ้นพื้นฐานดี เวลาลงอาจไม่ได้ลงลึกมาก แต่ลงนาน
นี่คือสิ่งที่นักลงทุนหลายท่านอาจเจอมาแล้ว เพราะเราอาจใจร้อนไปหน่อย พอเห็นว่าหุ้นดี ราคากำลังลงก็รีบซื้อ แล้วหวังว่ามันจะขึ้น
แต่กลับกลายเป็นว่า หุ้นพื้นฐานไม่ดีมันขึ้นก่อน แถมยังขึ้นแรงกว่าสะอีก เหมือนเราถูกตบหน้าไปฉาดใหญ่เลยใช่ไหมคะ 😅
แล้วพอตอนที่หุ้นลง เราก็ไม่ได้ทำตามกฎเกณฑ์ที่วางไว้ เช่น ควรคัทลอส ตั้งแต่ตอนที่ยังไม่เสียหายหนัก จนมันลงไปมากและรอนานมากแล้ว จนรู้สึกสิ้นหวัง และสุดท้ายก็ถอดใจ มันคงไม่ขึ้นแล้วละ และก็ตัดสินใจขายมันออกไป
และนั่น ก็เหมือนสวรรค์กลั่นแกล้ง เพราะถึงเวลาการขึ้นรอบใหม่ของมันพอดี แต่.....เราขายไปแล้ว 😭😭
1
สาเหตุก็เพราะหุ้นดีในขาลงนั้น มันจะค่อนข้างหนัก เพราะเป็นหุ้นหนัก คือมีคนเข้าเยอะ และรายย่อยมักจะเข้าไปรับเยอะ ช่วงที่หุ้นหนัก แถมคนที่ขาดทุนก็ไม่ค่อยขายออก ลักษณะแบบนี้ การจะขึ้นครั้งใหม่ มันขึ้นแน่แต่จะต้องรอนานนนน....นั่นเองค่ะ
📌 หุ้นพื้นฐานไม่ดี เวลาลงก็ลงลึกสุดใจ แต่พอรอบใหม่ มันกลับเด้งขึ้นแรง
เรามักจะเจอเหตุการณ์ว่า มันลงเลยจุดที่เราตั้งใจจะคัทแล้ว ก็เลยปล่อยเลยตามเลย แล้วเราก็จะปลอบใจเราเองว่า เดี๋ยวก็คงขึ้นแหละน่า แต่มันกลับลงลึกไปอีก ลึกลงไปจนไปถึงระดับ 70-90% จึงตั้งสติได้ว่า กรูไม่ไหวแล้ว เหลือเงินแค่นี้ กรูก็เอาว่ะ!!
สุดท้ายก็ขาย....พอขายปุ๊บ เป็นไงคะ หุ้นก็เด้งขึ้นสิคะ อย่างแรงงงด้วย น้ำตาจิไหล 😂 เด้ง 1... เด้ง 2... เด้ง 3 ผู้เขียนก็เคยเมื่อนานมาแล้ว ไม่เป็นไรค่ะ ใครๆ ก็พลาดกันได้....ปลอบใจตัวเอง 🤣🤣
สาเหตุก็เพราะ เมื่อรายย่อยขายหมดแล้ว มันก็กลายเป็นหุ้นเบา หุ้นเบา มันก็มีโอกาสที่จะขึ้นไปได้เรื่อยๆ ถึงระดับหนึ่งที่รายย่อยเข้ามาเยอะๆ อีกครั้ง จนมันกลายเป็นหุ้นหนัก ในที่สุดก็จะเปลี่ยนจากขาขึ้น เป็นขาลงอีก วนเป็นวัฏจักรในตลาดหุ้นนั่นเอง
📌 ขาขึ้นจะกินเวลานานกว่าขาลง
อย่างที่เรามักจะรู้สึกเช่นเดียวกันว่า เวลามันขึ้นเหมือนขึ้นบันไดหรือบันไดเลื่อน ค่อยๆ ขึ้นไปอย่างช้าๆ กินเวลาหลายปี ส่วนขาลงนั้น มันกลับลงลิฟต์ แถมเป็นลิฟต์สลิงขาด ตู้มเดียว ติดพื้นกันเลยทีเดียว 😂😂
เพราะฉะนั้น ถ้าไม่อยากเจอเหตุการณ์นี้ ก็อย่าชะล่าใจ ทำตามกฎเกณฑ์ที่วางแผนไว้ เป็นดีที่สุดค่ะ
📌 หุ้นเบาสามารถเป็นได้ทั้งหุ้นเล็กและหุ้นใหญ่
เราอาจคิดว่า หุ้นเบาต้องเป็นหุ้นเล็ก แต่จริงๆ แล้วหุ้นใหญ่ก็เบาได้ โดยหลักการดูว่าหุ้นเบา ก็คือ
- จุดนี้รายย่อยน่าจะขายไปหมดแล้ว
- คนที่ยังมีหุ้นอยู่ ไม่มีใครอยากขายแล้ว
- ราคายังไม่สูงนัก หรือราคายังไม่สูงพอที่รายใหญ่ต้องการ (เพราะรายใหญ่ จะลากทั้งที ก็ต้องคุ้มค่า)
- Volume ยังไม่มากพอที่รายใหญ่จะออก
📌 หลักการที่ว่า ถูกและแพงเกินกว่าที่คาดคิด
คือขาขึ้นก็ขึ้นนานกว่าที่คิด และขาลงก็ลึกเกินกว่าที่คาดคิดเช่นกัน หลักการนี้ ให้ระลึกไว้เสมอว่า มันจะเกินกว่าที่เราคาดคิดเสมอ
เราจึงมักจะเห็นว่าราคาถูกแล้ว แต่มันก็ยังจะมีถูกกว่าอีก และราคาที่ว่าแพงแล้ว มันก็ยังแพงขึ้นไปต่อได้อีก
ดังนั้น เราจะคิดแค่ชั้นเดียวไม่ได้แล้ว เราต้องคิดไว้ 2 ชั้นย่อมจะดีกว่าค่ะ
โชคดีในการลงทุนทุกท่านค่ะ 😊
เรียบเรียงโดย : ลงทุนในบัญชีและภาษี
สามารถเยี่ยมชมเราผ่านช่องทางอื่นตามลิ้งข้างล่างนี้ค่ะ :
1
ขอบคุณทุกๆ กำลังใจที่มีให้กันเสมอค่ะ
🌷🌷❤❤🙏🙏🙏🙏❤❤🌷🌷

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา