23 ส.ค. 2021 เวลา 05:00 • ประวัติศาสตร์
#47 The Brain Club : History เป้ามรณะ
ในปัจจุบันประเทศญี่ปุ่นคือดินแดนในฝัน ผู้คนน่ารักเปี่ยมล้นไปด้วยวินัย อาหารอร่อย วัฒนธรรมดีงาม และข้อดีอีกมากมายนับไม่ถ้วน กลายเป็นสถานที่ปักหมุดที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องไปเยือนสักครั้ง
ในบทความนี้ผมขอเสนอเรื่องราวในอีกแง่มุมของญี่ปุ่นที่หลายคนอาจจะลืมเลือนไปแล้ว กับผลกระทบจากความโหดร้ายของสงคราม ความหลงผิดในอำนาจ ล้วนมีส่วนทำให้ญี่ปุ่นสร้างเรื่องดำมืดในประวัติศาสตร์ที่ยากจะลืมเลือนอย่าง " การสังหารโหดเชลยศึก "
ประเทศญี่ปุ่นคือมหาอำนาจทางการทหารมาตั้งแต่ยุคโบราณ ถ้าเราย้อนกลับไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นได้ลงนามสัญญาไตรภาคีร่วมกับสองประเทศมหาอำนาจอย่างเยอรมันและอิตาลี รวมพลังจนกลายเป็นฝ่ายอักษะที่ขยายอิทธิพลยึดครองพื้นที่หลายส่วนบนโลก
นอกจากความโหดร้ายที่ทหารเยอรมันกระทำต่อชาวยิวแล้ว ทหารญี่ปุ่นก็ปฏิบัติต่อเชลยศึกของพวกเขาด้วยความโหดร้ายทารุณไม่แพ้กัน
โดยชนชาติที่มีความแค้นกับญี่ปุ่นมากเป็นอันดับต้นๆ คงหนีไม่พ้นชาวจีน
เพราะพวกเขาถูกสังหารด้วยวิธีการที่โหดเหี้ยมผิดมนุษย์เกินจะคาดเดา
แต่ส่วนมากหากเชลยศึกเป็นชาวยุโรป อเมริกัน และออสเตรเลีย พวกเขาจะต้องพบกับความอดอยาก การทารุณกรรม และโดนบังคับใช้แรงงานนรกภายใต้สภาวะกดดันที่รุนแรง
โดยหนึ่งในกรณีที่เห็นได้ชัดคือการก่อสร้างทางรถไฟสายมรณะที่จังหวัดกาญจนบุรี ภาพของเชลยศึกผู้ผอมแห้งจนหนังติดกระดูก แต่ยังต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำจนกว่าจะเสร็จหรือลมหายใจจะดับไป
โดยภาพถ่ายที่ผมหยิบมาเล่าคือการยิงเป้าเชลย โดยผู้โชคร้ายคือชายหนุ่มจากกรมทหารซิกข์แห่งกองทัพอังกฤษที่พ่ายแพ้ใน " ยุทธการที่สิงคโปร์ (Battle of Singapore)"
ในตอนนั้นสิงคโปร์คือฐานที่มั่นสุดแกร่งของกองทัพอังกฤษในภูมิภาคอาเซียน เป็นด่านหน้าสำคัญที่คอยป้องกันไม่ให้ศัตรูรุกล้ำเข้าสู่มหาสมุทรอินเดีย ที่ภายในมีเขตอาณานิคมของอังกฤษอยู่เป็นจำนวนมาก
ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 1942 ญี่ปุ่นเดินทางผ่านช่องแคบรัฐยะโฮร์มาสู่เกาะสิงคโปร์ได้สำเร็จ ก่อนจะเปิดฉากโจมตีแบบสายฟ้าแลบโดยการใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดโจมตีสิงคโปร์อย่างหนัก จนกองทัพอังกฤษตัดสินใจยกธงขาวยอมจำนนอย่างหมดสภาพในอีก 7 วันต่อมา
การยอมแพ้ยุทธการที่สิงคโปร์ (Battle of Singapore)
นับเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อังกฤษ นอกจากความสูญเสียในการสู้รบแล้ว ทหารอังกฤษ ออสเตรเลีย และแขกจากอินเดียรวม 80,000 ชีวิต ต้องกลายเป็นเชลยของญี่ปุ่นในทันที
เชลยหลายคนถูกจับให้นั้งอยู่ในท่าละหมาดแบบดั้งเดิม และจะได้รับเครื่องหมายชี้เป้าติดบริเวณขั้วหัวใจซึ่งเรียกว่า " The Butts" มีเสาไม้ขนาดเล็กที่มีตัวเลขกำกับปักอยู่ด้านหน้า
สำหรับระบุตัวเชลยให้ตรงกับหมายเลขที่ได้รับมอบหมาย ช่วยป้องกันความสับสนในการยิง เพราะทหารญี่ปุ่นแต่ละคนจะได้รับมอบหมายให้สังหารเชลยแค่หนึ่งคนเท่านั้น
ยุทธการที่สิงคโปร์ (Battle of Singapore)
สิ่งที่เชลยทำได้คือการนั้งรอ พวกเขาคงรู้ชะตากรรมที่จะเกิดในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้าดี สิ่งสุดท้ายที่พอจะทำได้คือการสวดอธิษฐานต่อพระเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย
ถึงแม้เชลยจะโชคดีรอดจากการยิงเป้า พวกเขาก็ไม่รอดการตรวจสอบอยู่ดี หากพบว่าเหยื่อยังคงมีลมหายใจอยู่
ทหารญี่ปุ่นจะใช้ปืนพกสั้นเก็บงานรอบสุดท้าย
โดยภาพถ่ายน่ากลัวชุดนี้ถูกเก็บกู้มาจากบันทึกของทหารญี่ปุ่น หลังจากกองทัพอังกฤษสามารถยึดสิงคโปร์กลับมาได้สำเร็จ
นับเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่แสดงถึงความน่ากลัวของสงคราม สุดท้ายนี้ขอบอกว่า ผมไม่ได้มุ่งนำเสนอว่าญี่ปุ่นคือตัวร้ายจากสงคราม เพราะในเมื่อขึ้นชื่อว่าสงคราม ย่อมไม่เคยมีอะไรดีขึ้น ทุกฝ่ายต่างมีการสูญเสียด้วยกันทั้งนั้น
ถึงแม้สงครามโลกจะจบไปนานแล้ว ผู้คนหลายประเทศใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่บางพื้นที่ของโลกยังคงมีสงครามเช่นเดิม หลายชีวิตต้องพบเจอกับการนองเลือดมาตั้งแต่วัยกระเตาะ
ก่อนหน้านี้สโมสรสมองเคยลงบทความสงครามเรื่อง " คุณยายอายุ 106 ปี ต้องจับปืนขึ้นต่อสู้ในสงครามเพื่อปกป้องบ้านเกิด " ซึงก็น่าเจ็บปวดมากพอสมควร สามารถย้อนกลับไปอ่านได้ตามลิงก์ด้านล่างนี้ครับ
👉https://bit.ly/3j9wnw9
หลังเขียนบทความนี้จบ ผมไม่สามารถรู้ได้ว่าภาพถ่ายน่ากลัวเหล่านี้ มันจะย้อนกลับมาฉายซ้ำให้เราดูแบบสดๆ กันเมื่อไหร เพราะสงครามมันยังไม่ได้หายไปไหน เพียงแค่รอวันขยายขนาดให้รุนแรงมากยิ่งขึ้น
ถ้าหากวันนั้นมาถึงจริง พวกเราจะเข้าใจความรู้สึกของคนในอดีตมากขึ้นหรือเปล่า? เป็นคำถามที่เกิดขึ้นมาในใจ แต่ผมกลับไม่อยากรู้คำตอบเลยแม้แต่น้อย
เนื้อหา
📌 เรียบเรียงโดย : สโมสรสมอง
** กรุณาแชร์ต่อ ห้ามคัดลอกบทความไปเผยแพร่ซ้ำ
📗อ่านบน Facebook : เพจสโมสรสมอง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา