Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หนังสือสนทนากับพระเจ้า
•
ติดตาม
23 ส.ค. 2021 เวลา 03:02 • หนังสือ
#61 เล่ม 3 บทที่ 13 หน้า 300 - 305
...
ไม่ว่าจะเรียกมันว่ากฎของพระเจ้าหรือกฎของมนุษย์ก็ไม่อาจหยุดยั้งผู้คนไม่ให้ฝ่าฝืนคำปฏิญาณที่ให้ไว้ในวันแต่งงานได้
N : ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นไปได้ละครับ❓
G : เพราะคำปฏิญาณที่พวกเธอกำหนดขึ้นมาเป็นประจำนั้นขัดแย้งกับกฎเดียวที่สำคัญอย่างแท้จริง
N : ซึ่งก็คือ❓
G : ✨กฎธรรมชาติ✨
...
...
...
N : แต่มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่สิ่งต่างๆในชีวิตจะแสดงถึงความเป็นเอกภาพหรือความเป็นหนึ่งเดียวกันออกมาไม่ใช่หรือครับ❓
นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมได้จากการพูดคุยนี้หรือไง❓ แล้วการแต่งงานก็เป็นการแสดงออกที่งดงามที่สุดของสภาวะนั้น เหมือนคำพูดที่ว่า “เพราะฉะนั้นสิ่งซึ่งพระเจ้าทรงผูกพันเข้าด้วยกันแล้ว ก็อย่าให้มนุษย์พรากมันออกจากกันเลย★” อะไรทำนองนั้นน่ะครับ
★วจนะของพระเยซู มาระโก 10 : 9 — ผู้แปล
G : การแต่งงานที่พวกเธอส่วนใหญ่ยึดถือกันนั้นมันก็ไม่ได้งดงามเสมอไป เพราะมันขัดแย้งกับความเป็นจริงที่เกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์ไปสองในสามด้าน
N : พระองค์จะช่วยอธิบายใหม่อีกรอบได้มั้ยครับ❓ ผมคิดว่าผมเริ่มจะได้ข้อสรุปแล้ว
G : โอเค อีกครั้ง...เริ่มตั้งแต่ต้นเลย
🔸สิ่งที่เธอเป็นคือรัก🔸
ซึ่งคุณลักษณะของ🔸รัก🔸นั้นก็คือ :
▶️ “ไร้ขีดจำกัด”
▶️ “ไม่มีที่สิ้นสุด” และ
▶️ “เป็นอิสระ”
ดังนั้น...
⏺️ นี่คือสิ่งที่เธอ ‘เป็น’
⏺️ นี่คือ ‘คุณลักษณะ’ ของตัวเธอ
⏺️ นี่คือ ‘ธรรมชาติ’ ของเธอ
และ ‘ธรรมชาติ’ ของเธอนั้นคือ :
⏹️ ความไร้ขีดจำกัด
⏹️ ความเป็นนิรันดร์ และ
⏹️ ความเป็นอิสระ
ทีนี้กรอบความคิดทางสังคม ทางศีลธรรม ทางศาสนา ทางปรัชญา ทางเศรษฐศาสตร์ และทางรัฐศาสตร์ใดๆที่มนุษย์สร้างขึ้น “ที่ขัดแย้งหรือกดทับธรรมชาติของตัวเธอเอาไว้” ก็คือ : 💢การโจมตี หรือขัดแย้งกับธรรมชาติอันเป็นแก่นแท้แห่งตัวตนของเธอ💢
💢ซึ่งเธอก็จะต่อต้านมัน💢
เธอคิดว่าอะไรคือจุดกำเนิดของประเทศของเธอ❓
ไม่ใช่ “ให้อิสรภาพแก่ข้าพเจ้า หรือมิฉะนั้นก็ให้ความตายแก่ข้าพเจ้า” หรอกหรือ❓★
★คำกล่าวของแพทริค เฮนรี่ นักปฏิวัติชาวอเมริกัน ในขณะรณรงค์เรียกร้องอิสรภาพจากจักรวรรดิอังกฤษ — ผู้แปล
และในตอนนี้ พวกเธอได้ละทิ้งอิสรภาพเหล่านั้นไปหมดแล้วในประเทศของเธอ รวมทั้งในการใช้ชีวิตของพวกเธอด้วย ทั้งหมดนี้เพื่อสิ่งเดียวก็คือ “ความมั่นคง”
พวกเธอกลัวที่จะใช้ชีวิต (กลัวตัวชีวิตนั้นเอง) กลัวมากเสียจนยอมทิ้ง ‘ธรรมชาติอันเป็นแก่นแท้แห่งตัวตนของเธอ’ เพื่อแลกกับ “ความมั่นคง”
สถาบันที่พวกเธอเรียกกันว่าการแต่งงานนั้นคือความพยายามที่จะสร้าง “ความมั่นคง” เช่นเดียวกับสถาบันที่เรียกว่ารัฐบาล
จริงๆแล้วมันคือสองรูปแบบของสิ่งเดียวกัน ‘เป็นประดิษฐกรรมทางสังคมที่ทำเทียมขึ้นมา’ เพื่อ 💢ควบคุมพฤติกรรมของกันและกัน💢
N : ให้ตายเหอะ ผมไม่เคยมองมันแบบนั้นเลย ผมคิดมาโดยตลอดว่าการแต่งงานคือคำประกาศสูงสุดของความรัก
G : อย่างที่เธอจินตนาการเอาเองน่ะใช่ แต่อย่างที่พวกเธอสร้างขึ้นมานั้นไม่ใช่ ที่พวกเธอสร้างกันขึ้นมานั้นมันคือ : 💢คำประกาศสูงสุดของความกลัว💢 ต่างหาก
หากการแต่งงานเอื้อให้เธอ “ไร้ขีดจำกัด” “ไม่มีที่สิ้นสุด” และ “มีอิสระในความรัก” แล้วล่ะก็ นั่นถึงเรียกว่า : 💖คำประกาศสูงสุดของความรัก💖
แต่อย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้ พวกเธอแต่งงานกันเพื่อลดระดับความรักลงมาสู่ระดับของ ‘คำสัญญา’ หรือ ‘การรับประกัน’
การแต่งงานกลายเป็นความพยายามที่จะรับประกันว่า “สิ่งที่เป็นเช่นนั้นจะต้องเป็นเช่นนั้นตลอดไป” หากเธอไม่ต้องการการรับประกันนี้ เธอก็ไม่จำเป็นต้องแต่งงาน
แล้วพวกเธอใช้การรับประกัน (การแต่งงาน) นี้อย่างไร❓
🟧 อย่างแรก ใช้เป็นเครื่องมือเพื่อสร้าง “ความมั่นคง” (แทนที่จะสร้างความมั่นคงขึ้นมาจากสิ่งที่อยู่ภายในตัวของพวกเธอเอง)
🟧 อย่างที่สอง หากความมั่นคงนั้นไม่คงอยู่ตลอดไป (รู้ว่าใกล้จะเกิดความไม่มั่นคงขึ้นแล้ว) พวกเธอก็จะใช้การแต่งงานเป็นเครื่องมือเพื่อ “ลงโทษกันและกัน” เพราะการละเมิดคำสัญญาตอนแต่งงานสามารถนำมาใช้ฟ้องร้องกันได้ตามกฎหมาย
พวกเธอจึงพบว่าการแต่งงานนั้นมีประโยชน์มาก★...แม้จะด้วยเหตุผลผิดๆก็ตาม
★การแต่งงานจึงกลายเป็นการแสวงหาผลประโยชน์ไป ในเมืองนอก (ผมไม่แน่ใจว่าเมืองไทยเป็นแบบนี้ด้วยไหม) เมื่อฟ้องหย่ากันแล้ว ทรัพย์สินที่เกิดขึ้นหลังแต่งงานต้องแบ่งกัน หรือถ้าหาหลักฐานได้ว่าอีกฝ่ายทำให้เกิดความเสียหายต่อร่างกายและจิตใจตนอย่างไร ศาลก็จะสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหายตามหลักฐานนั้น ซึ่งถ้าไม่แต่งก็อด แต่ถ้าแต่งแล้วหย่าทีหลังก็ได้ส่วนแบ่งแน่ๆ — แอดมิน
🟧 การแต่งงานยังเป็นการรับประกันอีกด้วยว่า ความรู้สึกที่เธอมีให้อีกฝ่ายจะต้องไม่มีให้กับใครอื่นอีก หรืออย่างน้อยที่สุดเธอจะต้องไม่แสดงออกกับคนอื่นในแบบเดียวกัน
N : ซึ่งก็คือ...ในเรื่องทางเพศ
G : ซึ่งก็คือ...ในเรื่องทางเพศ
สุดท้าย การแต่งงานอย่างที่พวกเธอสร้างกันขึ้นมาคือวิธีที่จะบอกว่า “ความสัมพันธ์นี้พิเศษ ฉันยกความสัมพันธ์นี้ไว้เหนือความสัมพันธ์อื่น”
N : แล้วมันผิดตรงไหนครับ❓
G : ไม่ผิดหรอก มันไม่ใช่เรื่องของ “ผิด” หรือ “ถูก” ถูกและผิดไม่มีอยู่จริง
แต่มันเป็นเรื่องของ ✨อะไรที่เป็นประโยชน์กับเธอ✨
เป็นเรื่องของ ✨อะไรที่จะรังสรรค์ตัวเธอขึ้นใหม่ตามมโนภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดขั้นต่อไปที่เธอมีต่อตัวเอง (ว่าตัวตนที่แท้จริงของเธอคือใคร)✨
หากตัวตนที่แท้จริงของเธอคือ “ความสัมพันธ์นี้ ความสัมพันธ์ที่กำลังมีอยู่ ณ ขณะนี้พิเศษกว่าความสัมพันธ์อื่นใดทั้งหมด” การแต่งงานแบบที่เธอสร้างขึ้นมาก็ตอบโจทย์เธออย่างเหมาะเจาะที่สุด
📌 แต่ทว่ามีอะไรที่น่าสนใจให้เธอสังเกตคือ : แทบไม่มีใครที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นคุรุทางจิตวิญญาณ (ทั้งในอดีตและในปัจจุบัน) จะ ‘แต่งงาน’
N : มันแน่อยู่แล้ว เพราะคุรุทางจิตวิญญาณเหล่านั้นประพฤติพรหมจรรย์ พวกเขาไม่มีเซ็กซ์
G : ไม่ใช่
💥 เป็นเพราะคุรุทางจิตวิญญาณเหล่านั้นไม่อาจกล่าวในสิ่งที่การแต่งงานพยายามจะกล่าวได้อย่างซื่อตรง
💥 พวกเขาไม่อาจกล่าวว่าคนๆนั้นคนเดียวพิเศษกับพวกเขามากกว่าคนอื่น
💥 คุรุทางจิตวิญญาณจะไม่พูดอะไรแบบนี้
✴️และพระเจ้าก็จะไม่พูดอะไรแบบนี้ด้วยเหมือนกัน✴️
ความจริงก็คือคำปฏิญาณหรือคำสาบานในพิธีแต่งงานอย่างที่พวกเธอคิดกันขึ้นมาในปัจจุบัน 🔸ทำให้พวกเธอต้องเอ่ยคำปฏิญาณที่ไม่ศักดิ์สิทธิ์เอามากๆ🔸
ที่กลับตาลปัตรที่สุดก็คือ พวกเธอคิดว่านั่นเป็นคำสัญญาที่ศักดิ์สิทธิ์สูงสุดเหนืออื่นใด
✴️ซึ่งในความเป็นจริงแล้วพระเจ้าไม่มีวันให้คำสัญญาอะไรแบบนั้น✴️
แต่เพื่อ ‘หาความชอบธรรมให้กับความกลัวของมนุษย์’ พวกเธอจึงจินตนาการว่า 💢พระเจ้าต้องมีพฤติกรรมแบบเดียวกันกับพวกเธอ💢
ดังนั้นพวกเธอจึงเอ่ยอ้างถึง “พันธะสัญญา” ที่พระเจ้ามี “ต่อกลุ่มคนที่ถูกเลือก” และกล่าวอ้างถึงข้อตกลงระหว่างพระเจ้าและคนที่พระเจ้ารัก...‘เป็นพิเศษ’
🌟พวกเธอไม่อาจทนกับแนวคิดที่ว่า : ไม่มีใครที่พระเจ้ารักในแบบที่พิเศษกว่าคนอื่นๆได้🌟
พวกเธอจึงต้องแต่งเรื่องของพระเจ้าที่รักเฉพาะคนบางคนด้วยเหตุผลบางอย่าง แล้วพวกเธอก็เรียกเรื่องแต่งนี้ว่า “ศาสนา” แต่ฉันเรียกมันว่า “การดูหมิ่น”
💢เพราะแนวคิดใดๆที่บอกว่าพระเจ้ารักคนใดคนหนึ่งมากกว่าอีกคนนั้นคือความผิดพลาด — และพิธีกรรมหรือการประพฤติปฏิบัติใดๆที่เรียกร้องให้ ‘พวกเธอ’ ต้องประกาศ ‘ถ้อยคำแบบเดียวกันนี้’ ก็มิได้เป็นพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ แต่เป็นการลบหลู่💢
N : โอ้ พระเจ้า หยุดก่อนครับ หยุดก่อน❗
พระองค์กำลังลบล้างความคิดดีๆและความรู้สึกดีๆที่ผมมีต่อการแต่งงานไปหมดแล้ว นี่ไม่ใช่พระเจ้าเขียนแล้วมั้ง พระเจ้าจะพูดแบบนี้กับเรื่องศาสนาและการแต่งงานได้ยังไง❗
G : เรากำลังพูดถึงศาสนาและการแต่งงาน 🔹ในแบบที่พวกเธอสร้างกันขึ้นมาเอง🔹
เธอคิดว่าการที่ฉันพูดแบบนั้นมันแรงเกินไปงั้นหรือ❓
ฉันจะบอกกับเธอว่า :
💢 พวกเธอลบหลู่ดูหมิ่นพระวจนะของพระเจ้า
💢 ทำให้มันเลวร้ายลงเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับ ‘ความกลัว’ ของพวกเธอเอง
💢 แล้วก็หาเหตุผลมารองรับวิธีการประพฤติปฏิบัติต่อกันแบบเสียสติ
💢 พวกเธอสรรหาวิธีให้พระเจ้าพูดทุกอย่างที่พวกเธออยากให้พูด
💢 เพื่อจะได้คงไว้ซึ่ง ‘การจำกัดขอบเขตกันและกัน’ ‘ทำร้ายกันและกัน’ รวมถึง ‘เข่นฆ่ากันและกัน’ 🔸ในนามของฉัน🔸
💢 ใช่ พวกเธอสวดสรรเสริญพระนามของฉัน โบกสะบัดธงที่เป็นสัญลักษณ์ถึงฉัน ถือไม้กางเขนเข้าฟาดฟันกันในสมรภูมิมานานนับร้อยนับพันปี
💢 ทั้งหมดนี้เพื่อพิสูจน์ว่าฉันรักคนหนึ่งมากกว่าอีกคน
💢 และเรียกร้องให้พวกเธอประหัตประหารผู้อื่นเพื่อพิสูจน์มัน
แต่ฉันจะบอกกับเธอว่า :
💖 รักของฉันนั้น “ไม่มีขีดจำกัด” และ “ไม่มีเงื่อนไข” 💖
▶️ นี่คือเรื่องที่พวกเธอไม่ยอมรับฟัง
▶️ คือความจริงที่พวกเธอไม่ยอมยึดถือ
▶️ คือความจริงที่พวกเธอรับไม่ได้
▶️ คือถ้อยแถลงที่พวกเธอไม่ยอมรับ
💢เพราะการยอมรับในเรื่องนี้จะทำลายไม่เพียงแต่สถาบันการแต่งงาน (อย่างที่พวกเธอสร้างขึ้น) เท่านั้น หากยังรวมถึงสถาบันทางศาสนาและการปกครองทั้งหมดด้วย💢
เพราะพวกเธอได้สร้างวัฒนธรรมทางสังคมที่ยืนอยู่บนรากฐานของ 💢การปฏิเสธหรือไม่ยอมรับซึ่งกันและกัน💢 — แล้วค้ำยันมันด้วยมายาคติทางวัฒนธรรมที่ว่าด้วยพระเจ้าต้อง 💢เป็นผู้เลือกที่รักมักที่ชัง💢
แต่ทว่าวัฒนธรรมของพระเจ้านั้นตั้งอยู่บนรากฐานของ “การเปิดรับ” 💖พระเจ้านั้นรักทุกคน💖 (ไม่ได้รักเพียงแค่บางคนและไม่รักอีกคน ยอมรับเพียงบางคนและไม่ยอมรับอีกคน) ทุกๆคนจะได้รับคำเชิญให้เข้าสู่อาณาจักรของพระเจ้า
แล้วเธอก็เรียกความจริงนี้ว่า :
💢“การลบหลู่ศาสนา”💢
💥 แต่พวกเธอจำเป็นต้องทำอย่างนั้น (จำเป็นต้องลบหลู่) เพราะหากพวกเธอยอมรับความจริงนี้ ทุกสิ่งที่พวกเธอสร้างขึ้นในชีวิตก็จะผิดพลาดไปหมด เป็นเท็จทั้งหมด ขนบธรรมเนียมประเพณีทั้งหมดของมนุษย์ และทุกๆสิ่งที่มนุษย์ได้สร้างขึ้นจะผิดพลาดและเป็นเท็จไปตามระดับของข้อจำกัด ระดับของขอบเขต และระดับของการไม่เป็นอิสระ
N : สิ่งใดสิ่งหนึ่งจะ “ผิดพลาด” ไปได้ยังไงในเมื่อไม่มีสิ่งที่เรียกว่า “ถูก” และ “ผิด” ❓
G : สิ่งใดสิ่งหนึ่งจะผิดพลาดได้ก็ต่อเมื่อมัน 🔸ไม่ได้รับใช้วัตถุประสงค์หรือจุดมุ่งหมายของตัวมัน🔸
ถ้าหากประตูปิดและเปิดไม่ได้ เราจะไม่บอกว่าประตู “ผิด” แต่จะบอกแค่ว่าการติดตั้งหรือการใช้งานเกิด ‘ความผิดพลาด’ เพราะมันไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการใช้งาน
💥 สิ่งใดก็ตามที่เธอสร้างขึ้นในชีวิตหรือในสังคมมนุษย์ 🔸แล้วไม่เป็นไปตามจุดมุ่งหมายของการเป็นมนุษย์จะถือว่ามันคือความผิดพลาด เป็นการสร้างขึ้นอย่างผิดพลาด🔸
N : และ (ขอทวนหน่อยนะครับ) จุดมุ่งหมายของผมในการเป็นมนุษย์ก็คือ❓
G : ⏺️ เพื่อตัดสินใจ และ ประกาศออกไป ⏺️ เพื่อสร้างสรรค์ และ แสดงออก ⏺️ เพื่อมีประสบการณ์ และ บรรลุถึงตัวตนที่แท้จริงของเธอ
⏺️ เพื่อสร้างสรรค์ตัวเองขึ้นมาใหม่ ‘ในทุกขณะ’ ตามมโนภาพที่สูงส่งที่สุดที่เธอเคยมีต่อตัวเองว่าตัวตนที่แท้จริงของเธอคือใคร
🌟นั่นคือ : จุดมุ่งหมายของเธอในการเป็นมนุษย์🌟
🌟และคือ : จุดมุ่งหมายของทุกสรรพชีวิต🌟
...
...
...
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
หนังสือสนทนากับพระเจ้า เล่ม 3
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย