1 ก.ย. 2021 เวลา 17:03 • หุ้น & เศรษฐกิจ
expert view – STOCKS: หุ้นเวียดนาม
สรุปจาก: “The UpTrend” [Q&A] "ตอน เปิดตัวช่วง ธีมแนะนำ : เวียดนามโอกาสลงทุนใกล้ตัวคุณ” (https://youtu.be/tgTs3rH9amU)
ที่มาภาพประกอบ: "freepik" (Woman photo created by tawatchai07 - www.freepik.com)
เศรษฐกิจของเวียดนามนั้นมักจะถูกนักวิเคราะห์นำมาเปรียบเทียบกับเศรษฐกิจของประเทศไทยอยู่บ่อย ๆ สัดส่วนประชากรของเวียดนามในปัจจุบันมีความเหมาะสมต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจเนื่องจากประชากรส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงาน (25-40 ปี) นอกจากนี้ประชากรวัยนี้ยังมีกำลังในการบริโภคสูง ซึ่งก็ย้อนกลับไปส่งเสริมให้เศรษฐกิจเกิดการเติบโตเช่นกัน
จากการใช้แบบจำลองทางสถิติคาดว่าประชากรของเวียดนามจะยังคงเพิ่มขึ้นจนไปถึงระดับสูงสุดที่ประมาณปี 2055 แล้วค่อยเริ่มปรับตัวลดลง หมายความว่าประชากรกลุ่มนี้จะช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจภายในประเทศจากการบริโภคต่อไปอีกประมาณ 35 ปี และเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วจะพบว่า สัดส่วนสำคัญของ GDP มักจะมาจากการบริโภคในประเทศ ดังนั้นจึงเชื่อว่าเศรษฐกิจของเวียดนามจะเติบโตได้อย่างยั่งยืนไปอีกหลายปีนับจากนี้
นอกจากจำนวนประชากรแล้ว GDP Per Capita ของเวียดนามก็ยังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วซึ่งหมายถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคภายในประเทศที่มากขึ้น ทำให้สัดส่วนคนยากจนที่เคยสูงถึงประมาณ 20% ของจำนวนประชากรในปี 2010 ปัจจุบันมีสัดส่วนลดลงเหลือเพียง 6-7% เท่านั้นในปัจจุบัน อย่างไรก็ดีหากวัดจาก GDP Percapita เวียดนามก็ถือว่าไม่ใช่ประเทศที่ร่ำรวย จึงทำให้ยังมี upside ให้เศรษฐกิจยังสามารถเติบโตต่อไปได้
อีกมุมหนึ่งคือเวียดนามยังมีสัดส่วนของสังคมเมือง (Urbanization) ที่น้อยเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของทั้งโลก จึงทำให้ยังมีโอกาสที่จะมีการเปลี่ยนสู่สังคมเมืองมากขึ้น ซึ่งการเปลี่ยนสู่สังคมเมืองจะช่วยเพิ่มการบริโภคให้กับสินค้าที่ไม่ใช่สินค้าจำเป็น
เมื่อมองที่แนวโน้มด้านการค้าระหว่างประเทศของเวียดนามก็จะพบว่า เวียดนามอยู่ในข้อตกลงการค้าที่สำคัญหลายข้อตกลงไม่ว่าจะเป็น ASEAN, TPP, RCEP, APEC ฯลฯ ซึ่งในแต่ละข้อตกลงล้วนประกอบด้วยประเทศที่มีประชากรจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นจีน อินเดีย สหรัฐ หรือแม้แต่อาเซียนเอง นอกจากนี้ยังมีข้อตกลงที่ยังอยู่ในระหว่างการเจรจาอีกหลายฉบับด้วยเช่นกัน แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มในการเติบโตทางด้านการค้าระหว่างประเทศของเวียดนาม
เมื่อมองในด้านการลงทุนจากต่างชาติหรือ FDI (Foreign Direct Investment) พบว่าเวียดนามมีสถิติการเข้ามาลงทุนของต่างชาติที่โดดเด่นและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยนับตั้งแต่ปี 2009 จะพบว่ามูลค่าของเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติเพิ่มขึ้นจากเดิมถึงประมาณ 16,120 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบัน เหตุผลมาจากการที่เวียดนามมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มีนโยบายด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มีประสิทธิภาพ และมีการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรม ซึ่งนอกจากจะช่วยให้คนเวียดนามมีงานทำและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นแล้ว ก็ยังช่วยให้ได้รับการถ่ายทอด know-how เพื่อให้สามารถนำไปต่อยอดได้อีกด้วย
เมื่อมองในมุมของเศรษฐกิจมหภาค เวียดนามมีการเติบโตของ GDP ที่โดดเด่นมาตลอดหลายปี แม้กระทั่งในปี 2020 ที่ต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะเดียวกันอัตราเงินเฟ้อก็ไม่ได้สูงมากจนกระทบต่อนโยบายทางการเงิน ทำให้ผู้กำหนดนโยบายยังเหลือพื้นที่สำหรับการลดดอกเบี้ยได้ในกรณีที่เศรษฐกิจเกิดชะลอตัวหรือถดถอยเพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจยังสามารถเติบโตต่อไปได้ ซึ่งในกรณีนี้แตกต่างจากสถานกาณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศแถบละตินอเมริกา
เวียดนามยังมีอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่สูง ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมให้เกิดธุรกิจสตาร์ทอัพได้ง่าย ทำให้คาดการณ์การเติบโตในอีก 5 ปีนับจากนี้ชี้ว่าขนาดของเศรษฐกิจดิจิทัลของเวียดนามจะสูงกว่าปัจจุบันมากกว่า 3 เท่า ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่จะทำให้เศรษฐกิจของเวียดนามเติบโตได้อย่างยั่งยืนเนื่องจากไม่จำเป็นต้องพึ่งการใช้แรงงานเพียงอย่างเดียว
เมื่อมองที่ดัชนีตลาดหุ้นของเวียดนามก็พบว่า เวียดนามเป็นเพียงไม่กี่ตลาดในโลกที่นักวิเคราห์มีคาดการณ์กำไรต่อหุ้นหรือ EPS ของทั้งตลาดสูงกว่าดัชนี S&P 500 แต่กระนั้นดัชนีหุ้นของเวียดนามก็มีความผันผวนสูงเนื่องจากตลาดหุ้นเวียดนามยังคงถูกจัดอยู่ใน Frontier Market ทำให้มีสัดส่วนของนักลงทุนรายย่อยอยู่ในตลอดค่อนข้างมาก
แต่เมื่อเปรียบเทียบความถูกแพงด้วยค่า P/E กับดัชนี S&P 500 ก็พบว่าตลาดหุ้นเวียดนามนั้นไม่ได้อยู่ในจุดที่แพง (ประมาณ -1 S.D.) ดังนั้นถ้าเมื่อใดที่นักลงทุนเริ่มมีมุมมองที่ดีต่อตลาดหุ้นเวียดนามมากขึ้น P/E ของตลาดหุ้นเวียดนามก็จะสามารถปรับตัวสูงกว่านี้ได้ อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นเวียดนามยังคงมีข้อจำกัดสำหรับนักลงทุนต่างชาติไม่ว่าจะเป็น กฎเกณฑ์ในการจำกัดการเข้าถึง และมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนค่อนข้างสูง ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนต่างชาติจะไม่ให้ P/E กับหุ้นเวียดนามสูงมากนัก เว้นเสียแต่ว่าในอนาคตจะมีการแก้ไขเพื่อให้เป็นมิตรกับนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น
ความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม
1. ความผันผวนที่สูง มีการเปลี่ยนแปลงของราคาได้ง่าย
2. เป็นประเทศที่ถูกจัดอันดับว่ามีการคอรัปชั่นค่อนข้างสูง (ได้คะแนน 36/100 เป็นอันดับที่ 104 จาก 180 ประเทศ) โดยมีค่าเฉลี่ยของเงินสินบนที่ต้องจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่รัฐในการดำเนินการแต่ละครั้งสูงถึง 15% ทำให้กลายเป็นต้นทุนส่วนเพิ่มให้กับผู้ประกอบการ เป็นปัจจัยที่อาจกดดันการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว
โดยรวมยังมองว่าการลงทุนในหุ้นเวียดนามระยะยาวยังถือเป็นการลงทุนที่ดี เมื่อมองจากแนวโน้มการเติบโตทางการค้า แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล รวมถึงสัดส่วนและคุณภาพของประชากร และจะยิ่งน่าสนใจมากขึ้นหากสามารถแก้ไขปัญหาที่ทำให้ปัจจัยเสี่ยงทั้ง 2 ข้อได้ ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว
สนใจสร้างพอร์ต #กองทุนรวม ผ่าน #FINNOMENA เลือกกองทุนได้จาก 22 บลจ.(กองภาษี 5 บลจ.) ไม่มีค่าบริการเพิ่ม โดยมีผม ทศพล สุวรรณสุต ใบอนุญาตจากกลต.เลขที่ 115000 เป็นที่ปรึกษาส่วนตัว เพียงยืนยันตัวตนด้วย NDID และทำแบบประเมิน KYC ออนไลน์ อนุมัติใน 1 สัปดาห์ (กรุณากรอก Referral code: 115000) >>> https://link.finnomena.com/ifa?refcode=115000
ติดตามผ่านโซเชียลมีเดีย: https://linktr.ee/2fi_finance_fitness
"2Fi-รายวัน" ประจำวันที่ 2021.09.02 ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบ ขอให้ทุกท่านมีการเงินดี มีสุขภาพดี และมีชีวิตที่ดี แล้วพบกันใหม่ครับ 😊
#การเงินส่วนบุคคล #ลงทุน #เศรษฐกิจ #กองทุนรวม #FINNOMENA #ฟินโนมีนา

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา