14 ก.ย. 2021 เวลา 13:00 • การตลาด
วันนี้มีโจทย์มาชวนคิดค่ะ 🙂 ถ้าเราเป็นบริษัททำรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ไม่ได้ดังเท่า Tesla เราจะทำยังไงให้คนรู้จักเราดีคะ? 🙂
บริษัทที่ว่าคือ EDF Energy ค่ะ ในเพื่อสู้ในตลาดโฆษณาปกติไม่ได้ก็เลยต้องใช้กลยุทธ์การทำการตลาดผ่านผู้มีชื่อเสียงที่มีภาพลักษณ์เข้าถึงง่ายอย่าง Micro Influencer เพื่อทำให้ตนเองเป็นที่รู้จักเทียบรุ่นกับเจ้าดังที่มีอยู่ก่อน
ก่อนอ่านไปต่อ ขอนิยามคำว่า Influencer กันก่อนนะคะ Influencer แปลเป็นไทยง่ายๆว่าคนที่จูงใจคนอื่นได้ หรือก็คือผู้มีชื่อเสียง ซึ่งเราคุ้นชินกับการใช้ Influencer กันมาอยู่แล้วตั้งแต่สมัยไหนๆซึ่งก็คือการใช้ดาราโฆษณานั่นเอง แต่ในโลกยุคนี้ บริษัทไซส์เล็กและกลางย่อมจ้างดาราดังไม่ไหว ทำให้มีศัพท์ใหม่ขึ้นมาค่ะ
👉Macro Influencer คือบุคคลที่มีผู้ติดตามตั้งแต่ 100,000 Followers ขึ้นไป
👉Micro Influencer คือบุคคลที่มีผู้ติดตามตั้งแต่ 5,000 – 100,000 Followers
👉Nano Influencer คือบุคคลที่มีผู้ติดตามตั้งแต่ 1,000 – 5,000 Followers
วันนี้เพจรีวิวทุกอย่างที่อ่านออกจึงมาเล่าวิธีที่แบรนด์ EDF Energy ผู้จัดหาพลังงานสะอาดและปัจจุบันยังเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของ Influencer 6 คนในรูปแบบวิดีโอซีรีส์เพื่อเปลี่ยนเรื่องคลุมเคลือชวนให้เข้าใจผิด (Bust Myths) ของรถยนต์ไฟฟ้าเช่น ก่อผลเสียมากกว่ามีผลดีให้กับสิ่งแวดล้อม, เสื่อมเร็ว, ราคาแพง, แบตเตอรี่หมดเร็วและยังหาที่ชาร์จได้ยาก
แผนการตลาดนี้เกิดจากบริษัท EDF Energy ในประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นบริษัทจัดหาพลังงานสะอาดเบอร์ต้น ๆ ในสหราชอาณาจักรเลยทีเดียวที่เผชิญกับผู้บริโภคที่มีความกังวลใจในระบบความปลอดภัยของรถยนต์ไฟฟ้า ดังนั้นสองบริษัทเอเจนซี่ Gleam Futures และ Brilliant Noise จึงร่วมมือกันคิดแคมเปญเรียกความมั่นใจของผู้บริโภคกลับมา เรียกว่าได้แคมเปญการตลาดนี้คือการเดิมพันครั้งสำคัญเพื่อรักษาตำแหน่งทางธุรกิจก็ว่าได้
เป้าหมายของวิดีโอซีรีส์นี้คือเพื่อสร้างการรับรู้ (Brand awareness) ที่ถูกต้องเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าและโปรโมทบริษัทให้เกิดภาพจำว่านี่คือบริษัทด้านพลังงานสะอาดที่ก้าวหน้า สร้างสรรค์ และคูลกว่าแบรนด์ไหน ๆ โฆษณาชุดนี้มีชื่อว่า ‘Electric Adventures’ มีทั้งหมด 6 ตอน ทั้ง 6 ตอนนี้ดำเนินเรื่องแบบสารคดีกึ่งการท่องเที่ยว มี Influencer ดัง ๆ ในสหราชอาณาจักร 6 คนที่พาไปบนถนนดัง ๆ ทั่วสหราชอาณาจักร เราขอยกตัวอย่างตอนที่ 5 ดำเนินเรื่องราวโดย Camilla Thurlow เป็นนางงามจากเมือง Edinburgh ประเทศอังกฤษ แจ้งเกิดจากซีรีส์ Love Island ในปี 2015 ที่ดังในสก็อตแลนด์
ในวิดีโอตอนที่ 5 นี้เธอพาเราขับรถไปเที่ยวที่ประเทศสก็อตแลนด์และชวน Dylis Price หญิงอายุ 86 ปี ไปทำกิจกรรมกระโดดร่มสูดอากาศสะอาดแบบเต็มปอด เราชอบการถ่ายทอดของวิดีโอนี้เพราะรู้สึกเหมือนได้มีส่วนร่วมในการผจญภัยจริง ๆ
ผลลัพธ์ที่ไม่ธรรมดาเพราะบริษัทเอเจนซี่ Gleam Futures ได้ศึกษาว่าคนส่วนใหญ่จะรับชมโฆษณาไม่เกิน 30 วินาทีซึ่งเป็นเวลาที่น้อยมาก ๆ ไม่เพียงพอต่อการให้ข้อมูลรถยนต์ไฟฟ้าได้ครบถ้วนแน่ ๆ จึงเป็นไอเดียให้ทำโฆษณาโดยใช้ Influencer เพื่อดึงดูดความสนใจ
ในที่สุดความยาวของแต่ละวิดีโอจะอยู่ที่ 3.40 นาที มีการถ่ายทำแบบกึ่งสารคดีทำให้ผู้ชมเกิดความเพลิดเพลินด้วยสาระความรู้และบรรยากาศที่น่าเที่ยวในสหราชอาณาจักร แล้วผลการตอบรับในโลกออนไลน์ก็ดีขึ้นโดยเฉพาะความกังวลของผู้บริโภคในการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าจะหาที่ชาร์จยาก แต่ในวิดีโอจะเห็นจุดชาร์จอยู่ทั่วเมือง ตรงนี้ก็ทำให้หลายคนหายกังวลจนตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
ทีนี้มาดูการวัดผลแคมเปญพบว่าแต่ละตอนมีผู้ชมไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน มียอดเข้าชมหน้าสั่งจองรถยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์นี้ (landing page) เพิ่ม 194% แคมเปญนี้ได้รับรางวัล Gold Winner จากเว็บไซต์ Influencer Marketing Awards ปี 2020 ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นโฆษณาที่สร้างการมีส่วนร่วมกับผู้ชมได้มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยม
สิ่งที่ชอบเกี่ยวกับโฆษณานี้คือความรู้สึกของการมีส่วนร่วมเพราะคัดเลือกเหล่า Influencer ที่มาจากหลากหลายแวดวงทั้งนักเดินทาง, นักวิทยาศาสตร์, นักแสดง, และอื่นๆ ที่มีการผูกเรื่องราวให้เข้ากับเนื้อหาในแต่ละตอน อีกเหตุผลก็คือช่วยแก้ข้อกังวลใจเกี่ยวกับความเข้าใจผิดของรถยนต์ไฟฟ้าได้ชัดเจน
เราก็มีข้อมูลจากเว็บไซต์ Influencer Marketing Hub ที่มีข้อมูลว่าการใช้ Influencer-driven marketing campaign ช่วยให้แบรนด์สร้างความโดดเด่นได้เพิ่มขึ้น 56% เมื่อเทียบกับโฆษณาทีวีแบบเก่าและยิ่งใช้ Micro influencer จะยิ่งเพิ่มอัตราการมีส่วนร่วมหรือการมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์มากว่าการใช้ศิลปิน ดาราที่มีชื่อเสียง การใช้ Influencer ยังดีต่อการวัดผลความคุ้มค่าของการลงทุนหรือที่เรียกว่า Return of Investment (ROI) อีกด้วยซึ่งการใช้เหล่า Influencer นี้จะช่วยให้วัดผลความคุ้มค่าของการทำโฆษณาได้ 67% ซึ่งถือว่าเป็นทางเลือกที่วัด ROI ได้แม่นยำกว่าวิธีอื่น ๆ ค่ะ 🙂
โฆษณา