18 ต.ค. 2021 เวลา 00:00 • นิยาย เรื่องสั้น
ยุทธจักรวาลกิมย้ง
ตอน 6 : เส้นแบ่งขวางของเชื้อชาติ (แปดเทพอสูรมังกรฟ้า)
Blockdit Originals ซีรีส์บทความพิเศษ
เส้นแบ่งขวางของเชื้อชาติ
ในท้ายเรื่อง แปดเทพอสูรมังกรฟ้า ซีจุ๊แต่งงานกับเจ้าหญิงหยินชวน
ในเมื่อเป็นงานของกิมย้ง ผู้ชอบให้ตัวละครแต่งงานหรือมีความสัมพันธ์กับบุคคลจริงในประวัติศาสตร์ เช่น ก๊วยเจ๋งเกือบได้แต่งงานกับหัวเจิง (華箏) ลูกสาวของ เจ็งกิส ข่าน ตั้งแกลกกับเซียงเซียงกงจู้ อุ้ยเซี่ยวป้อแต่งงานกับองค์หญิงเจี้ยนหนิง ฯลฯ ก็ย่อมไม่น่าแปลกใจที่เจ้าหญิงองค์นี้มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ นางเป็นชาวซีเสี้ย
เจ้าหญิงหยินชวนในเวอร์ชั่นต้นฉบับไม่มีชื่อ แต่ในฉบับปรับปรุง กิมย้งตั้งชื่อนางว่า หลี่ชิงลู่
ในเรื่องนางถูกนางเฒ่าทาริกาเทียนซานจับตัวไป และมีโอกาสพบซีจุ๊ ทั้งสองรักกัน
1
ตัวละครอีกคนหนึ่งที่เป็นชาวซีเสี้ยก็คือ เห้อเหลียนเถียะซู่ เป็นทหารซีเสี้ย ดูแลหน่วยงานอี้ผิ่นถาง (一品堂) ที่จัดหาจอมยุทธ์บู๊ลิ้มไปร่วมงานเป็นทหารรับจ้าง
1
ซีเสี้ยคือพวกไหน?
1
ซีเสี้ยก็คือชาวสั่งเซี่ยงหรือทังกุต
สั่งเซี่ยง (党項) หรือทังกุต (Tangut) เป็นชื่อชนเผ่า เป็นพวกที่สืบสายมาจากชาวเซียงตะวันตก (羌 Qiang)
ชาวเซียงเป็นพวกเลี้ยงแกะ อักษรเซียงในจีนจึงมีอักษรแกะ (羊) + คน (人)
ซีเสี้ย (西夏 The Western Xia) หรืออาณาจักรสั่งเซี่ยง ดำรงอยู่ในช่วงปี 1038-1227 เมืองหลวงคือซิ่งชิ่ง ครองแผ่นดินตะวันตกเฉียงเหนือของจีน
1
นามซีเสี้ยเป็นภาษาจีน ชื่อก็บอกตำแหน่งที่ตั้ง ซีคือตะวันตก หมายถึงซีเสี้ยอยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำเหลือง ขณะที่อาณาจักรเหลียวกับอาณาจักรจินอยู่ทางตะวันออก และอาณาจักรซ่งอยู่ตะวันออกเฉียงใต้
1
โปรดระวัง! ซีเสี้ยเป็นคนละอาณาจักรกับซีเหลียว
ซีเสี้ยครองแผ่นดินใกล้ทางสายไหม เชื่อมแผ่นดินกลางจีนกับเอเชียกลาง เป็นพวกที่มีความก้าวหน้าหลายด้าน ศิลปะ วรรณกรรม สถาปัตยกรรม อยู่ร่วมกับอาณาจักรอื่นๆ เช่น เหลียว ซ่ง จิน ได้เพราะยุทธศาสตร์ทางทหาร จัดระบบกองทัพได้ดีเยี่ยม กองทัพประกอบด้วยทหารม้า รถม้า พลธนู อาวุธต่างๆ รวมทั้งปืนใหญ่ที่วางบนหลังอูฐ หน่วยรบที่รบได้ทั้งบนบกและในน้ำ
1
กองทัพซีเสี้ยมีกองทหารชั้นสูงสองหน่วย คือหน่วยเหยี่ยวเหล็ก เป็นกำลังทหารม้าราวสามพันคน เชี่ยวชาญการรบกลางทุ่งราบ กับหน่วยทหารเดินป่า เชี่ยวชาญการรบบนเขา
1
แต่เมื่อทหารสองหน่วยนี้พบกับกองทัพหน้าไม้ของพวกซ่ง ซึ่งมีประสิทธิภาพสูง ก็แตกกระเจิง
1
เจ็งกิส ข่าน สมัยที่ยังใช้ชื่อ เตมูจิน เคยบุกซีเสี้ยในปี 1205 ครั้นขึ้นสู่อำนาจเป็นผู้นำสูงสุดของมองโกล ในปี 1207 ก็ยกทัพบุกซีเสี้ยอีกครั้ง บุกหลายเมือง ใกล้แม่น้ำเหลือง แต่ก็ถอยทัพในปี 1208
1
ปี 1208 พวกสั่งเซี่ยงพยายามสร้างสัมพันธ์เป็นพันธมิตรกับราชวงศ์จินของหนี่เจินเพื่อสู้กับมองโกล แต่จักรพรรดิเว่ยเส้าหวังทรงปฏิเสธ เพราะปล่อยให้ศัตรูฆ่ากันเองดีกว่า
อาณาจักรต่างๆ
ฤดูใบไม้ร่วงปี 1209 พวกอุยกูร์ตะวันตกยอมแพ้ต่อทัพมองโกล เจ็งกิส ข่าน จึงหันไปบุกซีเสี้ยอีกรอบ เจ็งกิส ข่าน ยึดเมืองและป้อมค่ายต่างๆ ใกล้แม่น้ำเหลือง ทหารมองโกลจะยึดเมืองหลวงที่มีทหาร 150,000 โดยพยายามส่งน้ำท่วมเมือง โดยเปลี่ยนทิศแม่น้ำเหลือง ปรากฏว่าคันกั้นน้ำแตก น้ำกลับไปท่วมค่ายทัพมองโกล ทำให้มองโกลต้องถอยทัพ
ฉากนี้คล้ายๆ เรื่องบุเรงนองเปลี่ยนทิศแม่น้ำไปท่วมเมืองแปรใน ผู้ชนะสิบทิศ ของยาขอบ แต่เป็นประวัติศาสตร์จริง
ในที่สุดซีเสี้ยก็คิดออกว่า การรบกับพวกมองโกลมีแต่เสียกับเสีย เปลืองชีวิตผู้คน เปลืองทรัพยากร ในปี 1210 จักรพรรดิเซียงจงแห่งซีเสี้ยยอมอ่อนน้อมต่อพวกมองโกล ยกราชธิดาให้ เจ็งกิส ข่าน ส่งเครื่องราชบรรณาการให้มองโกลเป็นอูฐ เหยี่ยว ผ้า
ปี 1211 พระราชนัดดาของจักรพรรดิเซียงจง ชื่อหลี่ซวนชี ยึดอำนาจ เป็นจักรพรรดิเสินจง (神宗) แห่งซีเสี้ย จักรพรรดิเซียงจงสวรรคตไม่นานหลังจากนั้น
2
เมื่อขึ้นครองราชย์ จักรพรรดิเสินจงเอาใจพวกมองโกลโดยช่วยโจมตีอาณาจักรต้าจินในปี 1214
1
ปี 1216 ซีเสี้ยส่งทหารไปช่วยมองโกลรบจิน และยังชวนราชวงศ์ซ่งไปรบพวกจินด้วย แต่ไม่ได้เกิดขึ้น
ฤดูหนาวปี 1217-18 มองโกลเรียกร้องให้ซีเสี้ยจัดกองทัพไปช่วยมองโกลรบทางตะวันตก ซีเสี้ยไม่ตกลง เจ็งกิสข่านปล่อยซีเสี้ยไปก่อนเพราะยังยุ่งกับการรบด้านตะวันตก
2
ต่อมาจักรพรรดิเสินจงสละราชย์ให้โอรสขึ้นครอง เป็นจักรพรรดิเสี้ยนจง
จักรพรรดิองค์ใหม่ของซีเสี้ยนามเสี้ยนจงขึ้นสู่อำนาจ ก็เริ่มเจรจาสันติภาพกับราชวงศ์จินในปี 1224 การเจรจาสำเร็จ ซีเสี้ยหันกลับไปต่อต้านมองโกล
1
ในปี 1225 เจ็งกิส ข่าน ยกทัพ 180,000 คนไปไปลงโทษซีเสี้ย แต่ได้รับบาดเจ็บ เจ็งกิส ข่าน จึงยื่นข้อเสนอให้ซีเสี้ยยอมแพ้แต่โดยดี แต่แม่ทัพของซีเสี้ยล้อเลียนพวกมองโกล และท้ารบ เจ็งกิส ข่าน โกรธ สั่งบุกและทำลายทุกอย่างให้สิ้นซาก
3
เจ็งกิส ข่าน ส่งแม่ทัพซูบูไตไปตีเมืองต่างๆ ด้านตะวันตก ส่วนทัพหลักของ เจ็งกิส ข่าน มุ่งตะวันออกไปตีซีเสี้ยโดยตรง ยึดเมืองซู่โจวกับจางเยียได้ แต่ไม่ได้ทำลายเมืองสิ้นซากเพราะเป็นบ้านเกิดของขุนศึกชากานของเขา
1
รักษาน้ำใจของลูกน้องสักหน่อย ลูกน้องก็จะสู้ถวายหัว
1
ในปี 1226 มองโกลมุ่งหน้าลงใต้ ยึดไปทีละเมือง
เดือนสิงหาคม 1226 ทัพมองโกลไปถึงเมืองเหลียงโจว เมืองใหญ่ลำดับสองของซีเสี้ย ซึ่งยอมแพ้โดยไม่ต่อต้าน
ฤดูใบไม้ร่วง 1226 เจ็งกิส ข่าน ยกทัพข้ามเขาไปยึดเมืองหลิงอู่ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงไม่ไกลนัก ถึงตอนนี้จักรพรรดิเสี้ยนจงสิ้นพระชนม์ องค์ใหม่คือจักรพรรดิเสี้ยม่อ และรับภาระหนักอึ้งที่จักรพรรดิองค์ก่อนทิ้งไว้ คือสงครามกับพวกมองโกล
จักรพรรดิเสี้ยม่อส่งทหารซีเสี้ยสามแสนคนไปสู้พวกมองโกล แต่ถูกตีพ่ายกลับมา พวกมองโกลทำลายเมืองหลิงอู่ ราบคาบ
1
เจ็งกิส ข่าน ยกทัพถึงเมืองหลวงซีเสี้ยในปี 1227 พยายามรุกแต่ไม่สำเร็จ ขณะเดียวกันมองโกลก็กันพวกจินที่ส่งกำลังมาช่วยซีเสี้ย บางทัพของมองโกลตรงไปโจมตีเมืองหลวงของจินคือไคเฟิง
1
ผ่านไปหกเดือน มองโกลยืนขอเสนอการยอมแพ้ให้ซีเสี้ย
มองโกลยังรบกับซีเสี้ยไม่จบ เจ็งกิส ข่าน ก็ตายกะทันหัน แต่ทัพมองโกลปิดบังความตายไว้ เพื่อผลทางการรบ
1
เดือนถัดมาจักรพรรดิเสี้ยม่อยอมแพ้ต่อมองโกล แต่ช้าเกินไป มองโกลไม่ยกโทษให้ จักรพรรดิถูกจับประหาร มองโกลยึดเมือง ทำลายล้าง เข่นฆ่าชาวเมือง อาณาจักรซีเสี้ยล่มสลาย ราชวงศ์ซีเสี้ยบางส่วนหนีไปได้ทางเสฉวนตะวันตก และตอนเหนือของทิเบต ตั้งรัฐอิสระเล็กๆ ที่นั่น
3
ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับที่ เจ็งกิส ข่าน รุกซีเสี้ย พวกหนี่เจินก็หันไปจัดการกับพวกซ่ง เพราะเห็นว่าซ่งอ่อนแอ เกิดสงครามจิน-ซ่ง ในปี 1125
สองปีต่อมา สิ่งที่ไม่มีใครคาดถึงก็เกิดขึ้น กองทัพจินบุกอย่างรวดเร็วไปจนถึงเมืองหลวงซ่ง จับตัวอดีตจักรพรรดิฮุยจง จักรพรรดิองค์ใหม่ ชินจง และขุนนางไว้จำนวนมาก เหตุเพราะซ่งไร้ปราการกั้นขวาง เนื่องจากรื้อถอนออกครั้งทำสนธิสัญญา
1
ภาพวาดในศตวรรษที่ 13 ชาวหนี่เจินเลี้ยงเหยี่ยว (British Museum, London)
ซ่งกลุ่มหนึ่งก็หนีไปปักหลักใต้ เป็นต้นกำเนิดของราชวงศ์ซ่งใต้
เมื่ออาณาจักรเหลียวล่ม อาณาจักรซีเสี้ยทลาย อาณาจักรซ่งเหนือแตก ก็เหลือสองอาณาจักรที่ต้องห้ำหั่นกัน
ต้าจินกับมองโกล
ความจริง เจ็งกิส ข่าน บุกอาณาจักรต้าจินมาแล้วหลายครั้ง
ในปี 1211 มองโกลยกทัพม้าห้าหมื่นคนบุกอาณาจักรต้าจิน ผูกสัมพันธ์กับกบฏชี่ตันและหนี่เจิน ต้าจินมีกองทหารม้า 150,000 คน พวกจินที่เคยทำลายอาณาจักรเหลียวราบคาบ เมื่อพบมองโกลก็เหมือนลูกแกะพบพยัคฆ์ ต้องทิ้งเมืองต้าถงซึ่งเป็นเมืองหลวงตะวันตกของต้าจิน
2
ในปี 1213 มองโกลยึดเมืองหลวงกลาง ต้าซิ่ง (ปัจจุบันคือปักกิ่ง) ต้าจินถอยไปตั้งหลักที่เมืองหลวงใต้ ไคเฟิง
2
จากนั้นก็ยอมส่งบรรณาการให้มองโกลแต่โดยดี จักรพรรดิต้าจิน เว่ยเส้าส่งราชธิดาให้ เจ็งกิส ข่าน แลกกับเมืองหลวงกลางที่มองโกลยึดไว้
2
แต่มันซื้อเวลาของการเสียเอกราชถาวรเท่านั้น
หลังจาก เจ็งกิส ข่าน ตาย โอโกได ข่าน ขึ้นครองอำนาจ ก็สั่งบุกอาณาจักรต้าจิน ในปี 1232 โดยได้รับความช่วยเหลือจากพวกซ่งและชี่ตัน
มองโกลซื้อตัวชาวฮั่นกับชี่ตันมาเป็นพวก เพื่อสู้กับต้าจิน พวกนี้เปลี่ยนข้าง และได้คุมกำลังทหารมองโกลหลายหมื่นคน
ขุนศึกชาวฮั่นหลายคนที่เคยรับใช้ราชวงศ์ต้าจิน แปรพักตร์ไปเข้ากับมองโกล เมื่อมองโกลบุกต้าจิน และวางรากฐานการเมืองให้มองโกล
ดังนั้นในกองทัพมองโกลก็มีกองทัพฮั่นที่แปรพักตร์มาจากต้าจิน และอีกส่วนหนึ่งคือทหารซ่งที่มาร่วม
รวมทั้งแขนเหวี่ยงยักษ์ห้าพันอัน ระดมยิงหินใส่กำแพงของอาณาจักรจินต่อเนื่อง
1
เมื่อเป็นเช่นนี้ อาณาจักรจินก็ไม่รอด
ทัพมองโกลยึดเมืองไคเฟิงได้ในปี 1233 จักรพรรดิไอจงหนีลงใต้ไปที่เมืองไค่โจว กองทัพผสมมองโกล-ซ่งล้อมเมือง จักรพรรดิปลงพระชนม์ ราชวงศ์ต้าจินสิ้นสุดในปี 1234
แต่ไม่นานมองโกลกับซ่งใต้ก็รบกัน เพื่อแย่งชิงความเป็นหนึ่งในแผ่นดิน ตามสัจธรรมแห่งอำนาจ
แปดเทพอสูรมังกรฟ้า ใช้ประวัติศาสตร์อาณาจักรต่างๆ มากมาย รวมทั้งอาณาจักรเอี้ยนของมู่หยงฟู่ ซึ่งล่มสลายไปนานหลายร้อยปีแล้ว แต่ก็ยังยึดมั่นในชาติพันธุ์ของตน และต้องหาทางกู้ชาติให้ได้ ไม่ว่าจะต้องใช้กลอุบายสกปรกอะไรก็ตาม
1
มู่หยงฟู่ใช้ทุกวิธีแม้ไม่สง่างามเพื่อที่จะคืนอำนาจให้ตระกูล
ความแตกต่างระหว่าง ‘เฉียวฟงเหนือกับมู่หยงใต้’ คือ ขณะที่เฉียวฟงเป็นชายชาตรี กล้าทำกล้ารับ มู่หยงฟู่ทำทุกอย่างเพื่อแสวงหาอำนาจ จนเสียคุณธรรมไป
เป้าหมายเดียวของมู่หยงฟู่คือฟื้นฟูราชบัลลังก์อาณาจักรเอี้ยนที่สูญสลาย
1
แต่แผนการกู้ชาติของมู่หยงฟู่ล้มเหลว จนเขาเสียสติ
กิมย้งอาจจะชี้ว่า เชื้อชาติและอาณาจักรเป็นสิ่งสมมุติ หากก้าวข้ามจุดนี้ ก็ ‘บรรลุธรรม’ สามารถอยู่ร่วมกันได้ แม้แต่ตัวละครเอกทั้งสามก็มีชาติกำเนิดต่างกันโดยสิ้นเชิง ตวนอี้เป็นชาวต้าหลี่ เฉียวฟงเป็นชี่ตัน ซีจุ๊เป็นชาวฮั่น
4
ความตายของเฉียวฟงเพื่อระงับสงครามก็คือภาพสะท้อนว่า การไปสู่สันติภาพโรยด้วยเลือด
2
แปดเทพอสูรมังกรฟ้า เป็นเรื่องของเส้นสมมุติแห่งเขตแดน ทั้งเขตแดนของแผ่นดิน และเส้นแบ่งขวางของเชื้อชาติ เมื่อมองในมุมกว้าง ก็จะพบว่ามันเป็นเรื่องน่าขบขันปนโศกนาฏกรรม เพราะมนุษย์มิอาจก้าวพ้นเรื่องเชื้อชาติและเส้นพรมแดนได้
1
อาจไม่สามารถไปตลอดกาล
2

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา