28 ก.ย. 2021 เวลา 02:40 • หนังสือ
#87 เล่ม 3 บทที่ 20 หน้า 448 ~ 456
...
ที่สุดแล้ว 🔸การสื่อสารที่แท้จริงทุกชนิดเป็นเรื่องของความจริง🔸
และในที่สุด ความจริงแท้เพียงหนึ่งเดียวก็คือ 🔸รัก🔸
นั่นคือเหตุผลว่าทำไม
💖 เมื่อรักปรากฏกาย
💖 การสื่อสารจึงปรากฏตาม
💥 และเมื่อการสื่อสารติดขัด
💥 นั่นคือสัญญาณว่า “รักไม่ได้อยู่ตรงนั้นเท่าที่ควร”
N : งดงามนะครับ ต้องบอกว่าสื่อสารได้งดงาม
...
...
...
G : ขอบใจนะ เดี๋ยวจะสรุปรูปแบบการใช้ชีวิตในสังคมที่มีวิวัฒนาการขั้นสูงให้ฟัง :
พวกเขาใช้ชีวิตเป็นกลุ่มก้อน หรือที่เธออาจเรียกว่าชุมชนที่ถูกสร้างขึ้นอย่างตั้งใจ กลุ่มก้อนเหล่านี้จะไม่จัดระบบไปเป็นเมือง มลรัฐ หรือประเทศชาติ แต่จะมีปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มอื่นๆบนรากฐานของการร่วมมือกันอย่างเท่าเทียม
แล้วก็ไม่มีรัฐบาลในแบบที่เธอเข้าใจ ไม่มีกฎหมาย แต่จะมีสภาหรือการประชุม ซึ่งปกติจะเป็นการประชุมในหมู่ผู้อาวุโส (สภาผู้อาวุโส) แล้วก็มีสิ่งที่แปลเป็นภาษาของเธอได้ดีที่สุดก็คือ “ข้อตกลงร่วมกัน” ซึ่งถูกทอนลงเป็นแนวปฏิบัติสามด้านคือ :
⏺️“การตระหนักรู้”
⏺️“ความซื่อตรง” และ
⏺️“ความรับผิดชอบ”
สิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการขั้นสูงได้ตัดสินใจมานานแล้วว่านี่คือวิถีทางที่พวกตนเลือกจะใช้ชีวิตร่วมกัน พวกเขาไม่ได้ตัดสินใจแบบนี้บนรากฐานของโครงสร้างทางศีลธรรมหรือการเปิดเผยทางจิตวิญญาณที่สิ่งมีชีวิตอื่นบางตนหรือบางกลุ่มบอกมา แต่ตัดสินใจจาก 🔸การสังเกต🔸เพียงแค่ว่า :
▶️ ‘อะไรเป็นอะไร’ และ
▶️ ‘อะไรที่ได้ผล’
N : ที่นั่นไม่มีสงคราม และ/หรือ ความขัดแย้งใดๆเลยหรือครับ❓
G : ไม่มี หลักๆเป็นเพราะสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการขั้นสูงจะแบ่งปันทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขามี และจะให้สิ่งใดก็ตามที่เธอมุ่งหมายจะใช้กำลังเพื่อให้ได้มา
พวกเขาทำแบบนี้ด้วยการตระหนักรู้ว่าอย่างไรเสียทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นของทุกคนอยู่ดี และพวกเขาสามารถสร้างสิ่งที่พวกเขา “ให้ออกไป” ขึ้นอีกได้เสมอหากพวกเขาปรารถนาที่จะทำอย่างนั้น
1
ไม่มีแนวคิดเรื่อง “กรรมสิทธิ์ส่วนตน” หรือ “ความสูญเสีย” ในสังคมของสวส. ผู้ซึ่งเข้าใจว่าตนไม่ใช่สิ่งมีชีวิตทางกายภาพ 🔸แต่เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่มาอยู่ในรูปกายก็เท่านั้น🔸
ทั้งยังเข้าใจอีกด้วยว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดมีที่มาจากแหล่งเดียวกัน และด้วยเหตุนั้น พวกเราทั้งหมดจึงเป็นหนึ่งเดียวกัน
N : ผมรู้ว่าพระองค์พูดเรื่องนี้มาก่อนแล้ว...แต่ถึงแม้มีใครกำลังคุมคามชีวิตของสวส. มันก็จะยังคงไม่มีความขัดแย้งอยู่ดีอย่างนั้นหรือครับ❓
G : จะไม่มีการทะเลาะวิวาท พวกเขาจะเพียงทอดร่างนอนลง แล้วออกจากร่างเพื่อทิ้งร่างเอาไว้ให้เธอตรงนั้นเลย
⏺️ จากนั้นพวกเขาก็จะสร้างอีกร่างขึ้นมาใหม่หากพวกเขาต้องการด้วยการเข้าสู่โลกทางกายภาพอีกครั้งในรูปของสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างที่เติบโตแล้วอย่างสมบูรณ์ ⏺️ หรือด้วยการกลับมาในรูปของการไปเกิดใหม่เป็นลูกของคู่รักของสิ่งมีชีวิตอื่น
1
นี่เป็นวิธีกลับสู่โลกทางกายภาพอีกครั้งที่เป็นที่นิยมมากที่สุด เพราะไม่มีใครในสังคมที่มีวิวัฒนาการขั้นสูงจะได้รับเกียรติมากไปกว่าลูกหลานที่เกิดใหม่ ✨และโอกาสสำหรับการได้เติบโตอีกครั้งก็ไม่มีอะไรมาเทียบเคียงได้✨
สวส.ไม่กลัวสิ่งที่วัฒนธรรมของเธอเรียกว่า “ความตาย” เพราะสวส.รู้ว่าตนมีชีวิตนิรันดร์ ก็แค่ว่าจะเลือกอยู่ใน ‘รูป’ ไหนก็เท่านั้น
โดยปกติแล้วสวส.มีชีวิตอยู่ในรูปกายได้ไม่มีที่สิ้นสุด เพราะสวส.ได้เรียนรู้วิธีที่จะดูแลร่างกายตัวเองและสิ่งแวดล้อม หากมีเหตุผลบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับกฎทางกายภาพที่ทำให้ร่างกายของสวส.ใช้งานไม่ได้อีกต่อไป พวกเขาก็แค่ออกจากร่างไป พร้อมคืนวัตถุธาตุทางกายภาพ (ร่างกาย) สู่ธรรมชาติด้วยความเบิกบานใจเพื่อ “นำกลับไปใช้ใหม่” (ที่ภาษาของพวกเธอเรียกว่า “จากธุลีสู่ธุลี”)
N : ขอย้อนกลับไปนิดนึงนะครับ พระองค์บอกว่ามันไม่มี “กฎหมาย” แต่ถ้ามีคนไม่ประพฤติตาม “แนวปฏิบัติสามด้าน” ล่ะ แล้วจะทำยังไง❓
G : ไม่มี “การทรมาน” หรือ “การลงโทษ” แค่มีการให้ข้อสังเกตว่า “อะไรเป็นอะไร” และ “อะไรที่ได้ผล”
จะมีการอธิบายอย่างละเอียดว่า “อะไรเป็นอะไร” (สิ่งมีชีวิตนั้นได้ทำอะไรลงไป) ที่ในตอนนี้ไปขัดแย้งกับ “อะไรที่ได้ผล” และอธิบายว่า : 🔸ถ้าอะไรที่ไม่ดีหรือไม่ได้ผลต่อกลุ่ม ที่สุดแล้วมันก็จะไม่ดีหรือไม่ได้ผลกับแต่ละคนในเชิงปัจเจกด้วยเช่นกัน เพราะปัจเจกก็คือกลุ่ม กลุ่มก็คือปัจเจก🔸 สวส.ทั้งหมดจะเข้าใจเรื่องนี้ได้ไวมาก และความเข้าใจนี้ก็มักจะเกิดขึ้นตั้งแต่ ‘เยาว์วัย’ แล้ว (ตามที่เธอเรียก)
ฉะนั้นมันจึงหาได้ยากมากๆที่สวส. ที่โตแล้วจะทำอะไรๆในแบบที่ก่อให้เกิด “สิ่งที่ไม่ได้ผล”
N : แล้วถ้ามีคนทำล่ะครับ❓
G : เขาจะได้รับอนุญาตให้แก้ไขสิ่งผิดพลาดที่ตนก่อขึ้น โดยใช้ “แนวปฏิบัติสามด้าน” เป็นแนวทาง
⏺️ อย่างแรกเขาจะถูกทำให้ตระหนักถึงผลลัพธ์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เขาคิด พูดหรือทำ
⏺️ จากนั้นเขาก็จะได้รับอนุญาตให้ประเมินและประกาศว่าตนมีบทบาทอย่างไรในการก่อให้เกิดผลลัพธ์เหล่านั้น
⏺️ สุดท้ายเขาจะได้รับโอกาสให้รับผิดชอบต่อผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นโดยการหามาตรการมาแก้ไข ปรับปรุงรักษาหรือเยียวยา
N : แล้วถ้าเขาปฏิเสธที่จะทำอย่างนั้นล่ะครับ❓
G : สวส.จะไม่มีวันปฏิเสธที่จะทำอย่างนั้น มันเป็นเรื่องที่เกินกว่าเธอจะเข้าใจได้ เพราะหากเป็นอย่างที่เธอว่าก็แสดงว่าเขาไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการขั้นสูง เธอกำลังพูดถึงสิ่งมีชีวิตที่อยู่คนละระดับกับที่ฉันกำลังพูดถึงอยู่โดยสิ้นเชิง
N : สวส.เรียนรู้เรื่องทั้งหมดนี้จากที่ไหนครับ❓ ในโรงเรียนหรือ❓
G : ไม่มี “ระบบโรงเรียน” ในสังคมของสวส. มีเพียงกระบวนการของการศึกษาที่เด็กๆจะได้รับการย้ำเตือนว่า “อะไรเป็นอะไร” และ “อะไรที่ได้ผล”
เด็กๆจะได้รับการเลี้ยงดูจากผู้อาวุโส ไม่ใช่ผู้ให้กำเนิด อย่างไรก็ตามก็ไม่จำเป็นว่าเด็กๆจะต้องอยู่แยกจาก “พ่อแม่” ในระหว่างกระบวนการนั้น พ่อแม่จะมาอยู่กับลูกของตนเมื่อไรก็ได้ตามที่ต้องการ และใช้เวลาอยู่กับลูกของตนได้นานเท่าไหร่ก็ได้ตามที่พวกเขาเลือก
ในที่ที่เธอเรียกว่า “โรงเรียน” นั้น (จริงๆแล้วคำแปลที่ตรงที่สุดก็คือ “ช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้”) เด็กๆจะเป็นคนกำหนด “หลักสูตรการเรียน” ของตัวเอง โดยเลือกว่าตนอยากจะมีทักษะในด้านไหน แทนที่จะถูกบอกว่าพวกเขาต้องเรียนรู้อะไร ฉะนั้นจึงเกิดแรงจูงใจในระดับสูงสุด ทักษะชีวิตจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ง่ายดาย และด้วยใจที่เบิกบาน
“แนวปฏิบัติสามด้าน” (จริงๆแล้วมันไม่ได้เป็น ‘กฎ’ แต่มันเป็นคำที่ดีที่สุดที่พอจะหาได้ในภาษาของเธอ) ไม่ใช่สิ่งที่ถูก “กระหน่ำสอน” แก่สวส.รุ่นเยาว์ แต่เป็นสิ่งที่เด็กๆซึมซับรับเอาผ่านทางพฤติกรรมต้นแบบของ “ผู้ใหญ่”
ไม่เหมือนในสังคมของเธอ ที่ผู้ใหญ่มีพฤติกรรมต้นแบบ ‘ตรงกันข้าม’ กับสิ่งที่พวกเขาต้องการให้เด็กๆเรียนรู้ ในวัฒนธรรมที่มีวิวัฒนาการขั้นสูงนั้นผู้ใหญ่จะเข้าใจดีว่า : 🔸เด็กๆจะทำตามสิ่งที่เห็นคนอื่นทำ🔸
เรื่องที่ไม่มีวันเกิดขึ้นกับสวส.ก็คือ การให้ลูกหลานของตนนั่งอยู่หลายๆชั่วโมงหน้าอุปกรณ์ที่แสดงภาพพฤติกรรมที่ตนอยากให้พวกเขาหลีกเลี่ยง การตัดสินใจทำอะไรแบบนั้นสำหรับสวส.แล้วเป็นเรื่องที่เข้าใจไม่ได้
เรื่องที่เข้าใจไม่ได้พอกันคือ หากสวส.ทำแบบนี้แล้วต่อมาก็ปฏิเสธว่าภาพต่างๆเหล่านั้นไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมที่ผิดปกติแบบฉับพลันของลูกหลาน
ฉันจะบอกกับเธออีกครั้งว่า ความต่างระหว่างสังคมของสวส.กับสังคมของมนุษย์นั้นสามารถรวบให้เหลือคำพูดง่ายๆเพียงแค่ประโยคเดียวนั่นก็คือ :
💥การสังเกตอย่างซื่อตรง💥
ในสังคมของสวส.
✨ทุกคนจะยอมรับทุกสิ่งที่ตนเห็น
ส่วนในสังคมของมนุษย์
💢คนส่วนใหญ่จะปฏิเสธสิ่งที่ตนเห็น
▶️ พวกเขาเห็นโทรทัศน์กำลังทำลายชีวิตของเด็กๆแต่ก็ไม่สนใจ
▶️ พวกเขาเห็นความรุนแรงและ “ความพ่ายแพ้” ถูกใช้เป็น “ความบันเทิง” แต่ก็ปฏิเสธความผิดปกติในเรื่องนี้
▶️ พวกเขาสังเกตเห็นว่ายาสูบทำร้ายร่างกาย แต่ก็แสร้งทำเป็นว่ามันไม่ได้เป็นอย่างนั้น
▶️ พวกเขาเห็นผู้เป็นพ่อติดสุราและมีพฤติกรรมอันตราย แต่ทั้งครอบครัวก็ไม่ยอมรับและก็ไม่ยอมให้ใครพูดถึงเรื่องนี้
⏩ พวกเขาสังเกตเห็นมาเป็นพันๆปีแล้วว่าศาสนาของพวกตนล้มเหลวอย่างในสิ้นเชิงในการเปลี่ยนพฤติกรรมแบบรวมหมู่ แต่ก็ปฏิเสธมันเช่นเคย
▶️ พวกเขาเห็นอยู่ชัดๆว่ารัฐบาลของตนพยายามกดขี่มากกว่าให้ความช่วยเหลือ แต่พวกเขาก็ไม่สนใจ
▶️ พวกเขาเห็นระบบดูแลสุขภาพซึ่งแท้จริงแล้วคือระบบดูแลโรคภัย ที่ใช้ทรัพยากรเพียงหนึ่งในสิบไปกับการป้องกันโรค และเก้าในสิบไปกับการจัดการมัน แล้วก็ปฏิเสธจนตัวสั่นว่า ‘แรงจูงใจเรื่องผลกำไร’ ไม่ได้เป็นตัวสกัดกั้นความก้าวหน้าที่แท้จริงใดๆในการให้ความรู้และความเข้าใจแก่ผู้คนถึงวิธีปฏิบัติตน วิธีบริโภคและวิธีใช้ชีวิต ในแบบที่จะสร้างเสริมสุขภาพที่ดี
▶️ พวกเขาเห็นว่าการบริโภคเนื้อสัตว์ที่ถูกฆ่าอย่างทารุณหลักจากที่ถูกเลี้ยงดูด้วยอาหารที่บรรจงใส่สารเคมีเข้าไปอย่างหนัก ซึ่งไม่ส่งผลดีใดๆต่อร่างกายเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ปฏิเสธในสิ่งที่ตนเห็น
N : พวกเขายังทำมากกว่านั้นอีก พวกเขายังพยายามฟ้องร้องผู้ดำเนินรายการที่กล้าพูดเรื่องนี้อีกด้วย พระองค์รู้มั้ยว่ามีหนังสือที่ดีมากเล่มหนึ่งที่พูดถึงประเด็นเรื่องอาหารอะไรพวกนี้ทั้งหมดไว้ด้วยมุมมองที่เยี่ยมมาก หนังสือมีชื่อว่า Diet for a New America โดย จอห์น รอบบินส์
G : ผู้คนจะอ่านหนังสือเล่มนั้นแล้วก็ปฏิเสธ ปฏิเสธ และปฏิเสธว่ามันไม่มีเหตุผล 🔸ตรงนี้ล่ะคือประเด็น🔸
💢 มนุษย์ส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยการปฏิเสธ พวกเขาไม่เพียงแค่ปฏิเสธในสิ่งที่สังเกตเห็นได้ชัดจนน่าเจ็บปวดเกี่ยวกับผู้คนรอบตัวเท่านั้น แต่ยังปฏิเสธสิ่งที่สังเกตเห็นในตัวเองอีกด้วย พวกเขาปฏิเสธความรู้สึกของตน และในท้ายที่สุดพวกเขาก็ปฏิเสธความจริงของตัวเอง 💢
สิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการขั้นสูง (ซึ่งพวกเธอบางคนกำลังจะกลายเป็นเช่นนั้น) 🔸จะไม่ปฏิเสธอะไรเลย🔸
🛑 พวกเขาจะสังเกตว่า “อะไรเป็นอะไร” และเห็นชัดว่า “อะไรที่ได้ผล” ชีวิตจะเรียบง่ายถ้าเพียงแต่ใช้เครื่องมืออันเรียบง่ายนี้ แล้ว “ตัวกระบวนการ” ก็จะได้รับการสรรเสริญ
N : ครับ แต่ “ตัวกระบวนการ” มันทำงานยังไงครับ❓
G : การตอบคำถามนี้ ฉันต้องย้ำประเด็นที่พูดมาแล้วหลายครั้งในการพูดคุยกันนี้ว่า :
💥 ทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่าเธอคิดว่าตัวเองคือใคร
💥 และเธอกำลังพยายามทำอะไรอยู่
🌟 ถ้าเป้าหมายของเธอคือการใช้ชีวิตอย่างสงบสุข เบิกบาน และเปี่ยมไปด้วยความรัก — ถ้าอย่างนั้นความรุนแรงก็ไม่เป็นผลดี เรื่องนี้เป็นที่ประจักษ์แล้ว
🌟 ถ้าเป้าหมายของเธอคือการมีสุขภาพแข็งแรงและอายุที่ยืนยาว — การบริโภคเนื้อสัตว์ที่ตายแล้ว สูบสารก่อมะเร็งที่รู้จักกันดี ดื่มเครื่องดื่มที่ทำลายเส้นประสาทและทำให้สมองรวน ถือว่าไม่เป็นผลดี เรื่องนี้เป็นที่ประจักษ์แล้ว
🌟 ถ้าเป้าหมายของเธอคือการเลี้ยงดูบุตรหลานให้ปลอดจากความรุนแรงและความก้าวร้าว — การให้พวกเขานั่งอยู่หน้าภาพความรุนแรงและความก้าวร้าวเป็นเวลาหลายๆปี ถือว่าไม่เป็นผลดี เรื่องนี้เป็นที่ประจักษ์แล้ว
🌟 ถ้าเป้าหมายของเธอคือการดูแลโลกและจัดการทรัพยากรได้อย่างชาญฉลาด — การแสดงออกราวกับว่าทรัพยากรมีไม่จำกัดไม่ใช่เรื่องดี★ เรื่องนี้เป็นที่ประจักษ์แล้ว
[★มีไม่จำกัด กับมีเพียงพอสำหรับทุกคน อันนี้ต่างกันนะครับ ตรองดูให้ดี เพราะถลุงทรัพยากรตามอำเภอใจ กับใช้ทรัพยากรอย่างชาญฉลาดนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง ~ แอดมิน]
🌟 ถ้าเป้าหมายของเธอคือการค้นพบและบ่มเพาะความสัมพันธ์กับพระเจ้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก เพื่อศาสนาจะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้แก่วิถีชีวิตของมนุษย์ — ถ้าอย่างนั้นการสอนเรื่องพระเจ้าแห่งการลงทัณฑ์และเจ้าคิดเจ้าแค้นก็ไม่มีทางได้ผล เรื่องนี้ก็เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วอีกเช่นกัน
✨แรงจูงใจคือทุกสิ่งทุกอย่าง✨
💥เป้าหมายเป็นตัวกำหนดผลลัพธ์
💥ชีวิตเป็นไปตามเจตนา
💥เจตนาที่แท้จริงของเธอจะถูกเปิดเผยด้วยการกระทำของเธอ
💥และการกระทำของเธอก็จะถูกกำหนดด้วยเจตนาที่แท้จริงของเธอ
🔸เช่นเดียวกับทุกสิ่งในชีวิต (และกับตัวชีวิตเอง) คือ "มันหมุนเวียนเป็นวัฏจักร"🔸
🌟 สวส.เห็นวัฏจักร
💢 แต่มนุษย์ไม่เห็น
🌟 สวส.ตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นไปตามความเป็นจริง
💢 แต่มนุษย์เพิกเฉยและไม่ใส่ใจ
🌟 สวส.พูดความจริง...เสมอ
💢 แต่มนุษย์มักโกหก...อยู่เป็นประจำ ทั้งกับตัวเองและกับผู้อื่น
🌟 สวส.พูดอย่างหนึ่ง และทำอย่างที่พูด
💢 แต่มนุษย์พูดอย่างหนึ่ง และทำอีกอย่าง
ลึกๆแล้วพวกเธอรู้ดีว่ามีบางสิ่งบางอย่างผิดพลาด ว่าพวกเธอตั้งใจ “จะไปซีแอตเทิล” แต่พวกเธอกลับไปอยู่ที่ “ซานโฮเซ่” เวลานี้พวกเธอเห็นความขัดแย้งในพฤติกรรมของตัวเอง และพวกเธอก็พร้อมแล้วที่จะทิ้งมันไป พวกเธอเห็นชัดแล้วว่า "อะไรเป็นอะไร" และ "อะไรที่ได้ผล" และไม่ต้องการสนับสนุนความไม่ลงรอยกันระหว่างสองเรื่องนี้มากไปกว่านี้อีก
🛑 เผ่าพันธุ์ของพวกเธอกำลังตื่นขึ้น ช่วงเวลาแห่งความเรืองรองรออยู่ตรงหน้าแล้ว
ไม่ต้องเสียกำลังใจจากสิ่งที่ได้ยินตรงนี้ เพราะรากฐานสำหรับประสบการณ์ใหม่และความเป็นจริงที่กว้างไกลกว่าได้ถูกวางเอาไว้แล้ว ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นแค่การเตรียมความพร้อม เวลานี้พวกเธอพร้อมจะก้าวผ่านประตูแล้ว
การพูดคุยกันนี้ (โดยเฉพาะเล่มนี้) มีจุดมุ่งหมายเพื่อผลักประตูบานนั้น อย่างแรกเพื่อชี้ให้เห็น เห็นไหม❓ นี่ไง❗ เพราะแสงแห่งความจริงจะส่องสว่างหนทางให้พวกเธอเห็นไปตลอดกาล และพวกเธอก็ได้รับแสงแห่งความจริงไปแล้วในเวลานี้
🌟จงรับเอาความจริงนี้ไป
🌟และจงใช้ชีวิตไปตามนั้น
🌟โอบกอดความจริงนี้ไว้
🌟แล้วแบ่งปันออกไป
🌟จงใช้ประโยชน์จากความจริงนี้
🌟และเก็บรักษามันไว้ตลอดไป
เพราะในหนังสือทั้งสามเล่มนี้...ไตรภาคแห่งสนทนากับพระเจ้านี้ ฉันได้บอกพวกเธออีกครั้งว่า ‘อะไรเป็นอะไร’
ไม่จำเป็นต้องไปไกลกว่านี้ ไม่จำเป็นต้องถามคำถามเพิ่มเติม หรือฟังคำตอบเพิ่มเติม หรือสนองความรู้อยากเห็นเพิ่มเติม หรือให้ตัวอย่างเพิ่มเติม หรือให้ข้อสังเกตเพิ่มเติมอีก ทั้งหมดที่จำเป็นต่อการสร้างชีวิตที่ปรารถนา พวกเธอได้รับไปหมดแล้วในไตรภาคนี้ ไม่จำเป็นต้องไปไกลกว่านี้อีก
แน่นอนว่าเธอมีคำถามที่ยังค้างคา แน่นอนว่าเธอยังมีข้อสงสัยว่า “แต่ถ้า......ล่ะ” แน่นอนว่าเธอยังรู้สึกว่ามันยังไม่ “จบ” กับการสำรวจอันน่าพึงพอใจนี้ 🔸เพราะว่าเธอจะไม่มีวันจบกับการสำรวจค้นหาใดๆ🔸
มันชัดเจนว่าหนังสือเล่มนี้สามารถไปต่อได้ไม่มีที่สิ้นสุด แต่มันจะไม่เป็นอย่างนั้น
✨การสนทนากับพระเจ้าของเธอจะดำเนินสืบไป✨
ทว่าหนังสือเล่มนี้จะไม่ เพราะคำตอบต่อคำถามอื่นใดที่เธอจะถาม เธอสามารถหาได้ที่นี่ ในไตรภาคอันสมบูรณ์นี้ ทั้งหมดที่เราสามารถทำได้ในตอนนี้คือพูดซ้ำ ขยายประเด็นเดิมซ้ำ หวนกลับสู่ปัญญาข้อเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้แต่ในไตรภาคนี้เองก็เป็นอย่างนั้น ไม่มีอะไรใหม่ตรงนี้ 🔸เป็นเพียงภูมิปัญญาโบราณที่นำมาปัดฝุ่นใหม่🔸
เป็นเรื่องดีที่จะกลับไปหามันอีกครั้ง เป็นเรื่องดีที่จะทำความคุ้นเคยกับมันอีกครา นี่คือ 🔸กระบวนการแห่งการจดจำรำลึก🔸 ที่ฉันพูดถึงอยู่บ่อยๆว่าไม่มีอะไรให้เธอต้องเรียนรู้ เธอแค่ต้องจำให้ได้เท่านั้น...
🛑 ฉะนั้นจงกลับมาอ่านไตรภาคนี้บ่อยๆ จงพลิกไปหน้าต่างๆเพื่อทบทวนซ้ำไปซ้ำมา
🛑 เวลาใดที่มีคำถามที่เธอรู้สึกว่ายังไม่ได้รับคำตอบตรงนี้ จงกลับไปอ่านอีกครั้งแล้วก็อีกครั้ง จงอ่านซ้ำไปซ้ำมาหลายๆครั้ง เธอจะพบว่าคำถามของเธอได้รับการตอบไปแล้ว
แต่ถ้าเธอรู้สึกจริงๆว่ายังไม่ได้รับคำตอบ...
✨ก็จงแสวงหาคำตอบของตัวเธอเอง
✨มีบทสนทนาของเธอเอง
✨สร้างความเป็นจริงของเธอขึ้นมาเอง
✨ในการนี้ เธอจะได้มีประสบการณ์ถึงตัวตนที่แท้จริงของตัวเธอ.
(จบ – บทที่ 20)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา