9 ต.ค. 2021 เวลา 03:30 • การเมือง
ถ้าการเมือง(ท้องถิ่น) ดี…? เลือกตั้ง อบต. 2564
Ep.01 นักการเมืองท้องถิ่นในจินตนาการ เป็นอย่างไร?
The Active รวบรวมข้อมูลสำคัญ เพื่อชวนกันร่วมคิด ร่วมสร้างจินตนาการใหม่ของการเมืองท้องถิ่นระดับเล็ก แต่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุดอย่าง “อบต.” ในโอกาสที่มีสิทธิเลือกตั้ง อบต. กลับมาอีกครั้ง หลังทิ้งหายไปนานกว่า 7 ปี
หากดูจากนักการเมืองท้องถิ่นชื่อดังในหลายประเทศ จะเห็นได้ว่า “อายุเป็นเพียงตัวเลข”
ที่กล่าวเช่นนั้น ก็เพราะไม่ว่าจะอายุน้อยหรือมาก อาจไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่จะชี้วัด ว่าท้องถิ่นหรือเมืองนั้น ๆ จะมีการพัฒนามากน้อยแค่ไหน หากแต่เป็นวิสัยทัศน์ นโยบาย และทัศนคติในตัวผู้สมัคร รวมถึงศักยภาพที่จะนำพาให้ท้องถิ่นได้รับการพัฒนา
ยูริโกะ โคอิเกะ (Yuriko Koike) ผู้ว่าราชการกรุงโตเกียว (สิงหาคม 2016 – ปัจจุบัน )
เริ่มต้นจากผู้บริหารท้องถิ่นระดับเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น ‘ยูริโกะ โคอิเกะ’ วัย 69 ปี จากอาชีพล่ามแปลภาษาอาหรับ นักข่าว และผู้ประกาศข่าว เธอเริ่มต้นงานการเมืองในปี 1992 (พ.ศ. 2535) โดยได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาที่ปรึกษา หรือสภาสูง จากพรรค Japan New Party จากนั้นตั้งแต่ปี 1993 – 2016 เธอได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างต่อเนื่อง โดยย้ายสังกัดพรรคการเมืองหลายครั้ง ระหว่างนั้นเธอยังได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม รัฐมนตรีเพื่อกิจการแห่งเกาะโอกินาวาและดินแดนตอนเหนือ รวมถึงเป็นรัฐมนตรีกลาโหมในเดือนมิถุนายน 2007 อีกด้วย
แต่อีกสองเดือนถัดมา คือในเดือนสิงหาคม เธอประกาศลาออก โดยอ้างเหตุผลการรั่วไหลของข้อมูลระบบอาวุธทางนาวีแบบครบวงจรของสหรัฐอเมริกา ที่ใช้ขีปณาวุธและเรดาร์พื้นผิวน้ำ (Aegis) ซึ่งต่อมาเธอออกมายอมรับว่า เหตุผลที่แท้จริง คือ ความขัดแย้งกับเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ในประเด็นทางการเมือง ที่อาจส่งผลต่อการนำเสนอกฎหมายเกี่ยวกับการก่อการร้ายฉบับใหม่ของญี่ปุ่น
จากนั้น ในปี 2016 เธอชนะการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงโตเกียว ซึ่งเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับตำแหน่งนี้ จากข้อมูลระบุว่า เธอมีแนวคิดทางการเมืองแบบเสรีนิยมทางเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมนิยม และชาติอนุรักษ์นิยม นอกจากนั้น ยังนับได้ว่าเธอเป็นสายเหยี่ยวด้านการต่างประเทศและความมั่นคง ขณะเดียวกัน เธอก็มีแนวคิดและนโยบายที่สนันสนุน J-Pop และส่งเสริมการใช้โทรคมนาคม การเริ่มชั่วโมงการทำงานที่ไม่พร้อมกัน เพื่อลดปัญหาความแออัดของการจราจรในชั่วโมงเร่งด่วนของกรุงโตเกียว
แนน เวลี (Nannette L. Whaley) นายกเทศมนตรีแห่งเมืองเดย์ตัน รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา (2014 – ปัจจุบัน)
นับได้ว่า ‘แนน เวลี’ เป็นนักกิจกรรมทางการเมืองตั้งแต่เรียนรู้ในระดับมหาวิทยาลัย เธอเป็นผู้แทนของรัฐโอไฮโอ ใน College Democrats of America และยังเคยทำงานในทีมรณรงค์หาเสียงของ จอห์น เคร์รี (John Forbes Kerry)
ในปี 2005 (พ.ศ. 2548) เธอได้รับเลือกตั้งเป็นกรรมการเมืองเดย์ตัน ด้วยทำสถิติใหม่เป็นผู้หญิงอายุน้อยที่สุดที่เคยรับตำแหน่งนี้ และในปี 2014 เธอได้รับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีคนที่ 56 ของเมืองเดย์ตัน โดยได้รับคะแนนเสียง 56% จากผู้ลงคะแนนทั้งหมด
นโยบายและผลงานการบริหารงานที่สำคัญของ แนน เวลี คือการตั้งกองกำลังอุตสาหกรรมแห่งภูมิภาคเดย์ตัน เพื่อแก้ปัญหาโรงงานย้ายออก ด้วยการกระตุ้นตำแหน่งงานที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและการวิจัย โดยเพิ่มการลงทุนในภูมิภาคได้สูงถึง 600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ข้อมูลที่น่าสนใจคือ ช่วงปี 2014 – 2017 อัตราการว่างงานของเมืองลดลงจาก 9.3% เป็น 5.7%
นอกจากนี้ เธอยังสนับสนุนให้โรงเรียนและนักเรียนบรรลุผลสัมฤทธิ์ในระดับใหม่ เพื่อสร้างกำลังแรงงานที่เข้มแข็งสำหรับอนาคต คือ 1) รับประกันว่าเด็กทุกคนได้เข้าเรียนในโรงเรียนที่มีคุณภาพสูง 2) รับประกันว่าเด็กทุกคนจะได้รับโอกาสเข้าโรงเรียนอนุบาลที่คุณภาพสูง 3) เพิ่มความเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาคธุรกิจกับโรงดรียน 4) จัดหาผู้สอนให้แก่เด็กเพิ่มมากขึ้น และ 5) ขยายพื้นที่สำหรับการเรียนรู้หลังเลิกเรียนและช่วงฤดูร้อน
ในปี 2016 ผู้มีสิทธิออกเสียงของเมืองเดย์ตันอนุมัติให้มีการขึ้นภาษีเงินได้ 0.25% เพื่อสนับสนุนบริการต่าง ๆ ที่จำเป็นของเมือง และเสนอบริการ 1 ปีในโรงเรียนอนุบาลที่มีคุณภาพด้วยราคาที่ย่อมเยาให้แก่ครอบครัวชาวเมืองเดย์ตันทุกคนที่มีบุตรอายุ 4 ปี
แนน เวลี มุ่งไปสู่การสร้างให้เมืองเดย์ตันเป็นชุมชนที่เป็นมิตรต่อจักรยาน เช่น การใช้โครงการแชร์จักรยาน เป็นต้น นอกจากนี้ เธอยังเป็นผู้ส่งเสริมสำคัญให้เกิดระบบธนาคารที่ดิน (Landbank System) ระดับประเทศ เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตการเคหะ
และในปี 2017 เธอได้รับเลือกตั้งให้เป็นนายกเทศมนตรีอีกครั้งแบบไร้คู่แข่ง ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเมืองเดย์ตัน
เอจา บราวน์ (Aja Brown) นายกเทศมนตรีแห่งเมืองคอมป์ตัน รัฐแคลิฟอร์เนียร์ สหรัฐอเมริกา (กรกฎาคม 2013 – มิถุนายน 2021)
ในปี 2012 (พ.ศ. 2555) หลังจากทำงานในฐานะลูกจ้างของเมืองคอมป์ตัน ‘เอจา บราวน์’ ตัดสินใจลงสมัครเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรี แม้จะเป็นหน้าใหม่ แต่เธอสามารถเอาชนะผู้สมัครอีก 12 คน รวมถึง Omar Bradley อดีตนายกเทศมนตรี และ Eric J. Perrodin นายกเทศมนตรีในขณะนั้นได้ จนเป็นนายกเทศมนตรีที่อายุน้อยที่สุดของเมืองคอมป์ตัน ด้วยวัยเพียง 31 ปี
นอกจากจะเป็นนักการเมืองท้องถิ่นที่อายุน้อย เธอยังเป็นผู้บริหารท้องถิ่น ที่ใช้ประสบการณ์ด้านการวางผังเมืองและการพัฒนาเศรษฐกิจ ในสมัยยังเป็นลูกจ้างของเมือง เพื่อกำหนดแผน 12 จุด (12-Point Plan) ที่จัดการปัญหาในหลากหลายด้านพร้อมกัน รวมไปถึงการพัฒนาเยาวชน โครงสร้างพื้นฐาน การทำงานกับกลุ่มทางการศึกษา และการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยชาวเมืองคอมป์ตันสามารถเข้าถึงแผน 12 จุดนี้ และสามารถติดตามความคืบหน้าของเมืองคอมป์ตันได้อย่างพร้อมกัน
ในปี 2014 เอจา บราวน์ เริ่มพยายามติดต่อผู้นำแก๊ง Compton Bloods และแก๊ง Crips ผ่านอดีตสมาชิกของแก๊งเพื่อเจรจาสันติภาพ โดยใช้หลักการบรรเทาความขัดแย้งแทนการใช้กำลังตำรวจอย่างรุนแรง เมื่อแก๊งต่าง ๆ เหล่านั้นเริ่มมีการประชุมกันอย่างสม่ำเสมอ กิจกรรมที่มีความรุนแรงและอาชญากรรมต่าง ๆ จึงลดลงถึง 65% เมื่อเทียบกับจุดสูงสุดเมื่อ 25 ปีก่อน
ซาดิก คาน (Sadiq Khan) นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน‬ สหราชอาณาจักร (พฤษภาคม 2016 – ปัจจุบัน)
ชายมุสลิมวัย 50 ปี จากครอบครัวชนชั้นแรงงานชาวมุสลิมนิกายสุหนี่ ได้รับความไว้วางใจจากชาวลอนดอน เลือกให้มาดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรี โดยเป็นชาวมุสลิมคนแรกและชนกลุ่มน้อยคนแรกที่ได้เป็นนายกเทศมนตรีกรุงลอนดอนและเมืองหลวงของโลกตะวันตก เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงของพรรคแรงงาน ถึงขนาดที่มีการคาดหมายกันว่าอังกฤษอาจจะมีนายกรัฐมนตรีผู้เป็นมุสลิมลูกผู้อพยพในอนาคตหรือไม่
ในวัยเด็ก คุณครูคนหนึ่งแนะนำให้เขาศึกษาด้านกฎหมายแทนที่จะอยากเป็นทันตแพทย์ เพราะบุคลิกที่ชอบถกเถียงของเขา ด้วยคำแนะนำของคุณครูท่านนั้น ประกอบกับแรงบันดาลใจจากรายการโทรทัศน์ของอเมริกันชื่อ L.A. Law เขาจึงเข้าเรียนนิติศาสตร์ที่ University of North London (ปัจจุบันคือ London Metropolitan University) ทำให้เขาเดินบนเส้นทางของการเป็นนักกฎหมาย โดยเป็นทนายความที่เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชน และทนายความหุ้นส่วน
ในปี 2016 (พ.ศ. 2559) ‘ซาดิก คาน’ ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีแห่งกรุงลอนดอน โดยชูนโยบายยุติการขึ้นค่าธรรมเนียมขนส่งมวลชนในกรุงลอนดอน 4 ปี นอกจากนี้ แม้เขาจะเคยสนับสนุนการขยายสนามบิน Heathrow ในอดีต แต่เขากลับลำมาต่อต้านและเรียกร้องให้มีการขยายสนามบิน Gatwick แทน เพราะเขาทราบว่า ผู้มีสิทธิลงคะแนนส่วนใหญ่ไม่สนับสนุนการขยายสนามบิน Heathrow
ในการรณรงค์หาเสียง ซาดิก คาน ผู้ซึ่งตระหนักถึงความรุนแรงของความขาดแคลนที่อยู่อาศัยในกรุงลอนดอน ได้กล่าวถึงมาตรการปราบปรามนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ต่างชาติ และเสนอการให้เช่าด้วย “London Living Rent” หรือค่าเช่าที่มีชีวิตอยู่ได้ในลอนดอน และหน่วยงานให้เช่าที่ไม่แสวงหากำไร เพื่อตัดราคาผู้ให้เช่าเชิงพาณิชย์และลดต้นทุนการเช่าที่สูงในลอนดอน นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้มีการสร้างบ้านบนที่ดินของการขนส่งเพื่อลอนดอน (Transport for London, TfL) โดยยืนยันว่า อย่างน้อย 50% ของบ้านที่ก่อสร้างนั้นจะ “มีราคาที่สามารถซื้อได้อย่างแท้จริง”
โพลที่จัดโดย YouGov ซึ่งเป็นบริษัทอังกฤษที่ทำวิจัยด้านการตลาดและวิเคราะห์ข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ชาวกรุงลอนดอน 31% กล่าวว่า “ไม่สบายใจ” ที่จะมีนากยกเทศมนตรีเป็นชาวมุสลิม เมื่อตระหนักถึงความไม่เชื่อถือของผู้ลงคะแนนเสียงในความจงรักภักดีของชาวอังกฤษที่เป็นมุสลิม ซาดิก คาน จึงเน้นการอุทิศตนให้ระบบคุณค่าสังคมเสรีนิยม โดยเน้นว่า ตนต่อต้านโฮโมโฟเบีย หรือ อาการเกลียดกลัวกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ และไม่อดทนต่อการต่อต้านชาวยิว เขาประณามลัทธิอิสลามหัวรุนแรงอย่างเปิดเผย และเรียกร้องให้ชุมชนมุสลิมมีบทบาทนำในการต่อสู้กับลัทธินี้
ซาดิก คาน ได้รับเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียง 57% หรือ 1.3 ล้านเสียง ซึ่งมากที่สุดเท่าที่นักการเมืองสหราชอาณาจักรคนใดเคยได้รับมา ให้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกเทศมนตรีแห่งกรุงลอนดอนคนที่ 3 (ชาวลอนดอนลงประชามติในปี ในปี 1998 รับการถ่ายโอนอำนาจจากรัฐบาลกลางเพื่อปกครองตนเอง)
นโยบายและบทบาทสำคัญของเขา คือการปฏิรูประบบขนส่งมวลชนในกรุงลอนดอน ทำให้ค่าใช้จ่ายการเดินทางลดลง และเพิ่มเวลาการให้บริการในบางเส้นทาง รวมถึงพัฒนาการเคหะของกรุงลอนดอน ให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถพักอาศัยได้ และกำหนดพื้นที่มลพิษต่ำพิเศษและจัดเก็บค่าธรรมเนียมความเป็นพิษจากรถยนต์ที่ก่อมลพิษสูงที่เข้าสู่ในพื้นที่เหล่านี้
จิม วัตสัน (Jim Watson) นายกเทศมนตรีแห่งกรุงออตตาวา แคนาดา (1997 – 2000, 2010 – ปัจจุบัน)
‘จิม วัตสัน’ เป็นอีกคนหนึ่งที่เริ่มต้นชีวิตการทำงานเป็นนักข่าวให้หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น และชนะการเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีแห่งกรุงออตตาวา ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของกรุงออตโตวาด้วยอายุเพียง 36 ปี เมื่อปี 1997
แต่ปี 2000 เขาลาออกจากตำแหน่ง เพื่อทำงานด้านการท่องเที่ยวของแคนาดา รวมถึงทำงานด้านสื่อ ทั้งรายการโทรทัศน์ สถานีวิทยุ และหนังสือพิมพ์ ในช่วงปี 2000 – 2003 และกลับมาลงสมัครเป็นนายกเทศมนตรีกรุงออตตาวาอีกครั้งในปี 2010 โดยชนะการเลือกตั้งติดต่อกัน 3 สมัย และยังคงดำรงตำแหน่งเป็นนายกเทศมนตรีกรุงออตตาวาจนถึงปัจจุบัน
เขามีนโยบายบริหารด้านการจัดการงบประมาณอย่างยั่งยืน ลดต้นทุนการดำเนินงานของเทศบาล ในขณะที่ลดการขาดดุลงบประมาณและภาระหนี้ของกรุงออตตาวา ข้อมูลระบุว่า เขายังเคยเป็น “ขวากลาง” หรือ Red Tory ที่เน้นนโยบายสังคม ชุมชน โดยรักษาวินัยทางการคลัง เคารพระเบียบทางสังคมและการเมือง นอกจากนี้ ยังเคยเป็นอนุรักษ์นิยมหัวก้าวหน้าในสมัยเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัย
โปรดติดตามตอนต่อไปที่ The Active

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา