10 ต.ค. 2021 เวลา 13:03 • หนังสือ
บางทีหากคุณอยากประสบความสำเร็จในเป้าหมายที่วางไว้ ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของคุณก็คือ “การเอาชนะความกลัว” ความกลัวคือศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติมาโดยตลอด คำถามคือ...สิ่งที่คุณกำลังกลัวหรือกังวลอยู่ในขณะนี้ คุณมีวิธีรับมือกับมันหรือยัง?
1
สรุปหนังสือ Flight plan ตอนที่ 12
บทที่ 1 คุณได้ destination แล้ว
บทที่ 2 คุณได้รวบรวมเส้นทางที่ใช้ในการเดินทางได้แล้ว
บทที่ 3 คุณมีแผนการหรือแผนที่ที่ใช้ในการเดินทางแล้ว
บทที่ 4 คุณเตรียมความพร้อมเรียบร้อยแล้ว และคุณรู้แล้วว่า “อะไรคือสิ่งเลวร้ายสุดที่อาจเกิดขึ้นได้สำหรับการเดินทางไปสู่จุดหมายในครั้งนี้”
บทที่ 5 คุณได้เริ่มต้นลงมือทำบางสิ่งบางอย่างนั้นแล้ว
บทที่ 6 คุณได้เตรียมความพร้อมรับมือกับสภาพอากาศที่แปรปรวนแล้ว
บทที่ 7 คุณมีวิธีเตรียมรับมือกับภาวะวิกฤตแล้ว ถ้าหากมันเกิดขึ้นจริง
บทที่ 8 คุณรู้วิธีเร่งเครื่อง เพื่อลดระยะเวลาในเดินทางไปสู่จุดหมายปลายทาง
บทที่ 9 คุณรู้วิธีเปิดและใช้ระบบการบินอัตโนมัติ หรือจิตเหนือสำนึกในตัวคุณแล้ว
บทที่ 10 คุณรู้วิธีดึงตัวเองกลับมา หากบังเอิญหลงทางหรือหลุดออกนอกเส้นทางของเป้าหมาย
ในบทนี้แอดก็จะพูดถึงเรื่องของ "ความกลัว" ว่าจริงๆแล้ว มันเกิดจากอะไรกันแน่ แล้วเราจะจัดการกับความรู้สึกนี้ยังไงดีนะ?
เครดิตภาพจาก https://www.greelane.com
แฟลงคลิน ดี. รุสเวลท์ อดีตประธานาธิบดีคนที่ 32 ของสหรัฐอเมริกา ที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุด และเป็นประธานาธิบดีเพียงคนเดียวที่ดำรงตำแหน่งถึง 4 สมัย เป็นผู้นำประเทศผ่านพ้นช่วงวิกฤติเศรษฐกิจและสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาเอาชนะการเลือกตั้งเหนือ เฮอร์เบิร์ต ฮูเวอร์ ในปี 1932 และได้กล่าวประโยคที่โด่งดังต่อไปนี้ในสุนทรพจน์สาบานตนเข้ารับตำแหน่งของเขา
“ผมขอยืนกรานความเชื่อของผมที่ว่า สิ่งเดียวที่เราควรหวาดกลัว ก็คือความกลัวนั่นเอง”
Brian Tracy อธิบายว่า...อันที่จริงสิ่งที่เรากลัวมันยังไม่น่ากลัวเท่ากับความรู้สึกที่เรากลัวสิ่งนั้น พูดง่ายๆ ก็คือ เรื่องที่เรากลัวมันไม่ได้ใหญ่โตเท่ากับความรู้สึกที่มันขยายขนาดอยู่ในจินตนาการของเราเลย เราล้วนแต่กลัวไปเองและถึงแม้ว่าเรื่องที่เรากลัวมันจะเกิดขึ้นจริง ส่วนใหญ่แล้วมันก็ไม่น่ากลัวเท่าที่เราคิดเอาไว้
Brian Tracy บอกว่า...
รากฐานของความกลัวมันเกิดขึ้นตั้งแต่วัยเด็กซึ่งมักจะเกี่ยวข้องกับการที่เรามักจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ ไม่ว่าจะเป็นจากพ่อแม่ คุณครู หรือว่าเพื่อนร่วมชั้นก็ตาม คำวิจารณ์เหล่านี้แหละทำให้เกิดเป็นความกลัว 2 แบบ
1.กลัวล้มเหลว
2.กลัวถูกปฏิเสธ
สองความกลัวนี้แหละที่ทำให้คำพูดว่า “ฉันทำไม่ได้ ฉันไม่กล้าทำ” สองคำนี้วนเวียนอยู่ในหัวของเราไม่รู้จบ และเมื่อเป็นอย่างนี้ก็เลยทำให้เราเป็นคนที่คิดถึงแต่ในมุมที่ว่า “แล้วถ้าเกิดว่าทำไม่ได้ล่ะ จะต้องเสียเงิน เสียเวลาไปเท่าไหร่? แถมยังต้องเสียหน้าอีกด้วยนะ” เรามักจะแคร์คำพูดและคำวิจารณ์ของคนอื่นมากเกินไป สุดท้ายก็เลยไม่กล้าลงมือทำอะไรเลยสักอย่าง
1
นอกจากนี้ความกลัวยังเกิดจาก “ความไม่รู้” ด้วยเช่นกัน
เมื่อเรามีข้อมูลจำกัด ความสงสัยจะเข้าครอบงำเรา เราจะเครียดและไม่แน่ใจถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดจากการกระทำของเรา ความไม่รู้ทำให้เรากลัวการเปลี่ยนแปลง กลัวสิ่งที่ไม่รู้จัก และหลีกเลี่ยงการพยายามทำสิ่งใหม่ๆ หรือสิ่งที่ต่างออกไปจากเดิม
แต่ความรู้ช่วยให้คุณไม่กลัว การรวบรวมข้อมูลที่ดีขึ้นและมากขึ้นเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งจะช่วยเพิ่มความกล้าและความมั่นใจของเราในเรื่องนั้นๆ คุณจะมองเห็นปรากฏการณ์เช่นนี้ในบางด้านของชีวิตคุณซึ่งคุณไม่รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย เพราะคุณรู้ว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่ คุณรู้สึกมั่นใจในฝีมือของตนเองอย่างเต็มเปี่ยมในการรับมือกับอะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้น
โชคดีที่เราสามารถเรียนรู้ที่จะฝึกฝนให้ความกล้าหาญกลายเป็นนิสัยได้ไม่ต่างจากการฝึกฝนนิสัยอื่นๆ
เราจำเป็นต้องเผชิญหน้าและเอาชนะความกลัวของเราอย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมสร้างความกล้าหาญ ซึ่งจะช่วยให้เรารับมือกับเรื่องดีและร้ายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในชีวิตของเราอย่างไม่หวาดหวั่น และจุดเริ่มต้นของการเอาชนะความกลัวและการเสริมสร้างความกล้าหาญก็คือ “การวิเคราะห์ปัจจัยที่ทำให้เรารู้สึกหวาดกลัว”
1
Brian Tracy ได้แนะนำ 4 ขั้นตอนค่ะ ในการฝึกรับมากับความกลัวที่เกิดขึ้นในจิตใจของเราและเสริมสร้างความกล้าหาญ เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกกังวล ไม่สบายใจกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งอยู่ แอดอยากให้เพื่อนๆ ลองนั่งวิเคราะห์สิ่งต่างๆ ตามขั้นตอนนี้ดูค่ะ
เรามาเริ่มกันเลยค่ะ!!!
จำไว้ว่ามนุษย์ทุกคนล้วนมีสิ่งที่กลัวด้วยกันทั้งนั้น มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่มนุษย์เราจะกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยทางร่างกาย ทางอารมณ์ และทางการเงิน รวมถึงเป็นห่วงเป็นใยคนที่คุณรักด้วย
ผู้กล้าหาญไม่ใช่ผู้ที่ปราศจากความกลัว แต่"ความกล้าหาญคือการต่อสู้กับความกลัวหรือการควบคุมความกลัวโดยที่ความกลัวนั้นไม่ได้หายไป"
1
เวลาที่คุณเผชิญกับความกลัวและเลือกที่จะค้นหาสาเหตุของความกลัว ความกลัวของคุณจะหดหายไป แล้วความภูมิใจและความมั่นใจในตนเองก็จะเข้ามาแทนที่ ดังข้อเขียนของอีเมอร์สัน กวีชาวอเมริกันที่กล่าวว่า “จงทำในสิ่งที่คุณกลัว แล้วความกลัวจะสูญสลายไปอย่างแน่นอน”
ให้เขียนความกลัวทั้งหมดของคุณออกมาให้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ที่ทำให้คุณกลัว เครียด หรือกังวล ทั้งในด้านชีวิตส่วนตัวหรือชีวิตการทำงานของคุณ ที่ความกลัวอาจจะกำลังเหนี่ยวรั้งคุณเอาไว้หรือบีบให้คุณยังคงทู่ซี้อยู่กับงานหรือความสัมพันธ์ต่อไปแม้ว่าคุณจะไม่มีความสุขเลยก็ตาม แน่นอนว่าความกลัวที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดก็คือ ความกลัวที่จะล้มเหลว และความกลัวที่จะถูกปฏิเสธ
คนที่กลัวความล้มเหลวจะทุ่มเทพลังมหาศาลไปกับการแก้ตัวหรือปกปิดความผิดพลาดที่พวกเขาก่อขึ้น ส่วนคนที่กลัวการถูกปฏิเสธจะหมกมุ่นอยู่กับภาพลักษณ์ของตนเองในสายตาผู้อื่นอย่างมากจนไม่อาจตัดสินใจทำอะไรได้อย่างมีอิสระเลย พวกเขาไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้จนกว่าพวกเขาจะแน่ใจว่าคนอื่นๆ จะให้การยอมรับจริงๆ
เมื่อคุณระบุออกมาได้แล้วว่ามีความกลัวใดบ้างที่คุณคิดว่าอาจส่งผลต่อความคิดและพฤติกรรมของคุณ ก็ให้เรียงลำดับความสำคัญด้วย ความกลัวใดที่ส่งผลกระทบรุนแรงที่สุดต่อพฤติกรรมของคุณ ความกลัวใดที่เหนี่ยวรั้งการกระทำของคุณมากกว่าความกลัวอื่นๆ ความกลัวใดน่าจะมาเป็นลำดับที่สอง และความกลัวใดน่าจะเป็นลำดับที่สาม
1.ที่ผ่านมาความกลัวที่ว่านั้น มันฉุดรั้งชีวิตของฉันเอาไว้อย่างไรบ้าง?
[เช่น สมมติว่าถ้าเรากลัวว่าเราจะไม่มีเงินใช้ สิ่งที่ความกลัวแบบนี้ฉุดรั้งเราไว้นั่นคือ มันทำให้เราเป็นคนที่ไม่กล้าเสี่ยง ทำอะไรก็ play safe ตลอด]
2.ความกลัวที่ว่านั้นมันช่วยผลักดันอะไรฉันบ้างหรือเปล่า?
[พูดง่ายๆ ก็คือว่า บางความกลัวมันอาจจะฉุดรั้งเราไว้ แต่ในขณะที่อีกบางความกลัวก็อาจจะผลักดันให้เราทำอะไรบางอย่างได้ด้วย เช่น ความกลัวว่าจะไม่มีเงินใช้ มันอาจจะผลักดันให้เราขยันทำงานก็ได้]
3.ถ้าเรากำจัดความกลัวนี้ให้หายไปได้เราจะได้อะไรเป็นการตอบแทน
[เช่น ถ้าเรากำจัดความกลัวไม่มีเงินใช้กำจัดมันทิ้งไป เราก็อาจจะกลายเป็นคนที่กล้าเสี่ยง กล้าคว้าโอกาสมากขึ้น มองหาความมั่งคั่ง]
1
ให้เราฝึกวิเคราะห์แบบนี้ไปเรื่อยๆ แล้วความกลัวมันจะตัวเล็กลง เพราะเรารู้แล้วว่าเรากลัวอะไร และเราจะจัดการกับความกลัวนั้นอย่างไรดี
สิ่งใดก็ตามที่คุณฝึกฝนครั้งแล้วครั้งเล่าท้ายที่สุดแล้วก็จะกลายเป็นนิสัยใหม่ของคุณ
1
ความกล้าหาญที่สำคัญที่สุดซึ่งจะนำคุณไปสู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ได้ก็คือ ความกล้าที่จะเริ่มต้น ลุกขึ้นยืน และก้าวเท้าออกไปด้วยความเชื่อมั่นสู่เป้าหมายของคุณ นี่คือความกล้าที่จะลองทำสิ่งใหม่ๆ หรือสิ่งที่ต่างไปจากเดิม...กล้าที่จะก้าวออกจาก comfort zone ของตัวเอง...โดยไม่มีอะไรรับประกันถึงความสำเร็จ
วิธีปลุกความกล้าหาญในตัวคุณ...
วิธีที่ 1 : เมื่อใดก็ตามที่คุณรู้สึกกลัวหรือกังวล และคุณต้องการปลุกความกล้าขึ้นภายในใจ ให้หันเหความสนใจไปที่เป้าหมายของคุณแทน ให้นึกภาพว่าเป้าหมายของคุณเป็นจริงแล้ว ให้จินตนาการว่าคุณเป็นอย่างที่คุณต้องการแล้ว และกำลังมีความสุขกับชีวิตที่คุณปรารถนา
1
วิธีที่ 2 : ในแต่ละช่วงเวลา จิตสำนึกของคุณสามารถจดจ่ออยู่กับความคิดใดๆ ได้เพียงความคิดเดียว นั่นคือ ระหว่างความคิดที่เปี่ยมไปด้วยความปรารถนาหรือความคิดที่เปี่ยมไปด้วยความกลัว
เมื่อคุณสร้างวินัยให้ตัวเองคิดและพูดอย่างต่อเนื่องถึงเป้าหมายของคุณ คุณจะลดพลังของความกลัวและกำจัดมันทิ้งไปได้ในที่สุด เมื่อคุณมุ่งความสนใจไปยังวิธีการบรรลุเป้าหมายของคุณ ความมั่นใจและความกล้าหาญของคุณจะเพิ่มขึ้น คุณจะเข้าควบคุมอารมณ์และอนาคตของคุณได้อย่างเบ็ดเสร็จ
1
ส่วนตัวแอดเอง แอดมาสังเกตว่าเวลาที่เราหงุดหงิดกับบางเรื่อง แท้ที่จริงแล้วมันอาจจะเป็นความกลัวซ่อนอยู่ก็ได้ เพียงแต่เราแสดงออกไปในอารมณ์โกรธ โมโห หงุดหงิด
แต่ถ้าเรารู้เท่าทันตัวเราเอง และค้นพบว่าแท้จริงแล้วที่เราหงุดหงิดนั้น อาจเป็นเพราะเรากลัวอะไรบางอย่างอยู่ แล้วเราวิเคราะห์ได้ว่าความกลัวนั้นบางครั้งมันยังไม่เกิดขึ้นเลย เราอาจจะกลัวไปก่อนก็ได้
1
พอคิดได้แบบนี้ แอดพบว่าจิตใจเราจะสงบขึ้นค่ะ เราใจเย็นลง เราบอกกับตัวเองว่าสิ่งที่เรากลัวนั้นยังไม่เกิดขึ้นสักหน่อย และมันก็อาจจะไม่เกิดขึ้นด้วย สุดท้ายอารมณ์โกรธ โมโห หงุดหงิดของเราจะลดลงไปได้ด้วยเช่นกันค่ะ
1
โฆษณา