15 ต.ค. 2021 เวลา 07:23 • หุ้น & เศรษฐกิจ
วิธีสังเกตุพฤติกรรมราคาพื้นฐานในการเทรด
วิธีสังเกตุพฤติกรรมราคาพื้นฐานในการเทรด
หลายคนให้ความในสนใจในตลาดforex มากขึ้น แต่วิธีการเทรดให้ได้แบบยั่งยืนนั้นออกจะยากสักหน่อย หากเราไม่เข้าใจพื้นฐานที่ดีพอ หรือเข้าใจแบบถูกที่ถูกทาง ยิ่งโดยเฉพาะมือใหม่หัดเทรดยิ่งแล้ว มักจะยังไม่เข้าใจระบบการเทรดว่ามันเป็นแบบไหน แล้วดียังไง แล้วแบบไหนที่เหมาะสมกับตัวเอง วันนี้แอดจะมาแนะนำวิธีสังเกตุพฤติกรรมราคาพื้นฐานในการเทรด
พฤติกรรมราคา คือลักษณะหรือรูปแบบของกราฟ ซึ่งอาจแสดงออกเป็น Pattern ที่ซับซ้อน, รูปแบบ Price Action ต่าง ๆ แต่สิ่งสำคัญคือ เราพิจารณาพฤติกรรมราคาผ่าน "ลักษณะของทิศทาง" หลังจากที่ราคาได้กระทบ "แนวรับ-แนวต้าน" ซึ่งถือเป็นแนวราคาที่สำคัญ หรือพูดอีกอย่าง คือ เราจะสังเกตพฤติกรรมราคาเมื่อราคามาถึงจุดที่สำคัญ ๆ
1. Range คือลักษณะที่กราฟแท่งเทียนเคลื่อนเป็นกรอบ ในตลาดที่มีสภาพคล่องมาก ๆ พฤติกรรมราคาแบบนี้กินระยะเวลาส่วนใหญ่ของทั้งตลาด เทรดเดอร์ระดับตำนานมักกล่าวว่า "ตลาดส่วนใหญ่เป็นไซด์เวย์" พฤติกรรมราคาที่เป็น Range จะเหมาะกับเทคนิคการเทรดโดยนิยมใช้เครื่องมือในกลุ่ม Oscillator ในการหาสัญญาณเข้าเทรด ซึ่งก็มักเป็นกลยุทธ์ในกลุ่ม Swing Trade, Mean Reversion เป็นต้น
2.Breakout เราจะสังเกตปฏิกิริยาได้ตรงบริเวณแนวรับหรือแนวต้านที่เป็นกรอบของ Range โดยการ Breakout ของราคาที่ถือว่าแข็งแรงจะเป็นลักษณะ "แท่งเทียนขนาดใหญ่" ลองสังเกตแท่งเทียนที่ Breakout ออกมาจะยาวกว่าค่าเฉลี่ยของแท่งอื่น ๆ ในกรอบ หลังจากสามารถยืนยันการเกิด Breakout ได้แล้วว่าไม่ใช่ "เบรกหลอก" เทรดเดอร์ก็จะรอใช้เทคนิคการเทรดในกลุ่ม Trend Following หรืออาจรอจังหวะ Pullback กลับมา แล้วเข้าเทรด
3.Reversal พฤติกรรมราคาที่ "กลับตัว" เช่นเดียวกันกับ Breakout ที่ต้องพิจารณาตามแนวรับ-แนวต้าน และจะเรียกว่าเป็น Reversal ได้ถนัดปาก กราฟแท่งเทียนควรกลับตัวภายใน 2-3 แท่ง เมื่อเกิดสัญญาณกลับตัว แท่งต่อมาก็ควรกลับทิศทางเลย จึงนับว่าเป็น Reversal ที่มีคุณภาพ
การเทรด Reversal สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้คือ ระยะในการ Take Profit เพราะหากเกิดเป็น Reversal จริง ๆ ระยะทางที่เกิดขึ้นจะค่อนข้างไกล มันจะวิ่งไปอย่างน้อยก็แนวรับ-แนวต้านถัดไป หรืออาจจะใช้เทคนิค Fibonacci Trading เข้ามาช่วยอีกทางก็ได้
หากเราใช้ระบบเทรดนี้ โดยธรรมชาติของระบบเทรดในส่วนของข้อดี คือ มันจะได้ระยะกลางที่ไกลต่อการเทรด 1 ครั้ง ซึ่งเราสามารถเก็บกำไรได้ประมาณ 4-5% จากความเสี่ยง Stop Loss ที่ 2% นั่นแปลว่า ระบบเทรดแบบนี้จะได้ Risk/Reward ที่ดี หรือพูดง่าย ๆ ผลกำไรคุ้มค่ากับความเสี่ยงในแต่ละครั้ง
แต่หากเมื่อใดที่เราต้องถือ Position เป็นระยะเวลานาน "ธรรมชาติที่เป็นข้อเสีย" ของระบบแบบนี้ คือการที่มันจะต้องเจอความผันผวนระหว่างสัปดาห์ ทำให้กำไรที่ถืออยู่ อาจจะหายไปทีละ 30-50% ซึ่งหากเราไม่เข้าใจธรรมชาติของกราฟตรงนี้ เราก็อาจจะมีแนวโน้มที่ออกจาก Position เร็วกว่าที่ควรจะเป็นมาก ๆก็ต้องรู้จักพลิกแพลงและกำหนดเป้าหมายให้สั้นลง หรือกินกำไรเป็นรายวันก็ได้ เอาที่เราถนัดนะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก admiralmarket.com
"สนับสนุนบทความนี้ด้วยการส่งเพชร 💎ส่งดาว🌟 และกดติดตาม ใน Blockdit ของเรา "
โฆษณา