26 ต.ค. 2021 เวลา 15:00 • การตลาด
ใช้งบ 100 ล้านจ้างลิซ่า”มาร่วมฉลองต้อนรับปีใหม่คุ้มไหมหรือแพงไปไหม?
ที่มา DailyGizmo
ทีแรก “ยุคใหม่ฯ” มองเรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นประเด็นใหญ่โตอะไร เพราะมีการให้ข่าวเรื่องนี้ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนตุลาคม 64 แล้ว แต่ทว่าในวันนี้เรื่องนี้ก็ยังเป็นประเด็นดราม่ากันอยู่ ทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แล้วเรื่องนี้จะเป็นยังไงในแง่ของมุมมองนักการตลาดตัวเล็กๆคนหนึ่ง ลองมาติดตามกัน
การนำลิซ่า แบล็คพิงก์ ร่วมงานเคาน์ดาวน์ภูเก็ตที่พ่วงศิลปินคนดังจากอิตาลี"แอนเดรีย โบเซลลี” มีการให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อต่างๆโดย นายพิพัฒน์ รัชกิจปราการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ว่าทาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้มีการประสานงานกับเจ้าของลิขสิทธิ์เรียบร้อยแล้ว ล่าสุดยืนยันว่าลิซ่าตกลงจะมามาร่วมงาน
ในวันนี้ก็มีการให้สัมภาษณ์จาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมต.กระทรวงสาธารณะสุข ที่ออกมาบอกว่าการจ้างลิซ่าเป็นการลงทุนที่คุ้ม แต่ในขณะที่พ่องานอย่าง นายพิพัฒน์ รัชกิจปราการ กลับตอบเหมือนดาราที่ไม่ฟันธง ทั้งที่ตนเองเป็นผู้ดำเนินการแต่ทีแรก ประมาณว่าออกหน้าไหนก็ได้
ที่มา TeeNee.com
การดำเนินการจ้างลิซ่า เพื่อมาร่วมนับถอยหลัง (Count down) ที่จังหวัดภูเก็ต ที่เป็นแหล่งทำเงินด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศไทย แม้แต่ชาวต่างชาติจำนวนมากที่ไม่รู้จักประเทศไทยแต่เขากลับรู้จักภูเก็ตมากกว่า จะทำให้การทำกิจกรรมปีใหม่ของไทยได้รับความสนใจ ทั้งชื่อเสียงของประเทศและกระตุ้นการท่องเที่ยวได้อย่างลงตัว
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการที่รวมแล้วต้องใช้เงินถึง 200 ล้านบาท แบ่งคร่าวๆก็เป็นของลิซ่าครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งก็เป็นค่าจ้างแอนเดรีย โบเซลลี ในมุมของการตลาดไม่ว่าตัวเลขจะมากสักเท่าไร ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญเลยที่จะมาตัดสินว่าแพงหรือไม่แพง
การทำการตลาดหรือการทำให้คนเกิดความต้องการซื้อ ส่วนการขายคือการกระตุ้นหรือการทำให้คนตัดสินใจจ่ายเงิน ดังนั้นการที่จะบอกว่าแพงได้มีอยู่กรณีเดียวคือ ค่าใช้จ่ายที่ลงทุนไปมันไม่คุ้มกับผลลัพธ์ที่ได้มากกว่า บางเรื่องก็ไม่ได้เอาระยะเวลามาเป็นตัววัด แต่บางเรื่องก็ต้องนำมาวัดด้วยโดยเฉพาะการลงทุนที่ใช้เงินทุนที่สูงมาก
ที่มา Spring News
การตัดสินใจทำเรื่องใหญ่ๆ เป็นไปไม่ได้ได้เลยว่าจะไม่มีคนเห็นต่าง หลายครั้งหลายคราผู้ที่ตัดสินใจก็ต้องดำเนินการทั้งที่มีกระแสต่อต้าน เพราะเขามั่นใจว่าเรื่องนั้นมันสร้างผลประโยชน์ให้กับผู้คนจำนวนมาก เราลองย้อนกลับไปในช่วงที่รัชกาลที่ 5 ที่ทรงมีพระราชดำหริให้สร้างถนนราชดำเนิน คิดว่าผู้คนส่วนมากในช่วงเวลานั้นเห็นด้วยหรือไม่ แต่พอสร้างเสร็จแล้วเกิดคุณูประการมากมายกับประเทศไทย
หรือย้อนกลับไปในช่วงที่มีนโยบายการย้ายตลาดนัดสนามหลวงออกไปอยู่ที่จตุจักรในปัจจุบัน จำได้เลยว่าตอนนั้นเป็นข่าวใหญ่โต มีการต่อว่าด่าทอผู้ดำเนินการในครั้งนั้นอย่างเสียๆหายๆ แล้วปัจจุบันผลเป็นอย่างไรกันบ้าง แล้วถ้าหากปล่อยให้ดำเนินการต่อในการเปิดตลาดนัดสนามหลวง คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างหล่ะ
ที่มา  PANTIP.COM : K9658026 ภาพเก่าเล่าเรื่อง.. ตลาดนัดสนามหลวงวันอาทิตย์ .. จักรยานเช่า ในอดีต [ประวัติศาสตร์]
ทุกครั้งที่มีการทำเรื่องใหญ่ๆ ผู้คนจำนวนมากก็จะบอกว่าให้ไปทำเรื่องนั้นก่อนไหม เอาเงินไปช่วยผู้ยากไร้หรือซื้อวัคซีนก่อนไหม ขอบอกตามตรงเลยว่าวิธีการพูดหรือนำเสนอแบบนี้ ไม่ใช่วิธีที่สร้างสรรค์เลย แม้ว่าจะไม่เห็นด้วยหรือมองว่าไม่คุ้มก็ตาม
แต่การนำเสนอควรเป็นการให้แนวคิดในการไปต่อ ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอว่าการลงทุนในครั้งนี้ คิดว่าประเทศไทยจะได้อะไรกลับมาบ้าง หากดูว่าคุ้มก็สนับสนุนให้ดำเนินการต่อไป หากไม่คุ้มเราลองหาวิธีใหม่ดีกว่าไหม คนทำงานก็จะได้มีกำลังใจ ไม่ว่าจะได้ทำหรือไม่ได้ทำก็ตาม
ที่มา  Freestylethailand
ส่วนตัวแล้ว “ยุคใหม่ฯ” มองว่าการลงทุนครั้งนี้คุ้มแสนคุ้ม (ล้านคุ้มก็ยังได้) เพราะเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกครึ่งค่อนโลก แฟนคลับลิซ่ามีจำนวนหลายร้อยล้านคน ไม่แน่อาจจะเป็นหลักพันล้านก็ได้ มีหรือที่เขาจะไม่ติดตามข่าวลิซ่า แล้วคนที่ยังไม่รู้จักลิซ่าแต่จู่ๆเห็นข่าวดัง ใครๆก็อยากมาติดตาม ประเทศไทยได้ทั้งขึ้นทั้งล่องเลย บอกเลยว่างบก้อนนี้ถือว่าใช้น้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับผลที่จะได้รับ
ลองคำนวณดูคร่าวๆ หากมีผู้สนใจติดตามลิซ่าในวันดังกล่าว ประมาณ 500 ล้านคน แล้วมีคนที่มีกำลังจ่ายที่สนใจจะมาเที่ยวประเทศไทยประมาณ 10 ล้านคน เฉลี่ยแล้วแต่ละคนจะใช้จ่ายประมาณ 1 แสนบาท ก็เท่ากับว่า การจ้างลิซ่า 100 ล้านบาท แต่สร้างรายได้เข้าประเทศได้ 1 ล้านล้านบาท แล้วเงินก้อนนี้หมุนไปอีก 8 รอบ ก็จะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 8 ล้านล้านบาท
การลงทุนในการโปรโมทหรือโฆษณาประเทศไทย ใช้งบประมาณมากกว่านี้ด้วยซ้ำ ทั้งถ่ายทำวีดีโอทั้งถ่ายทำภาพนิ่ง การหาช่องทางในการนำไปเผยแพร่ และอีกมากมายหลายสิ่ง หลายครั้งที่ทำไปผู้คนก็ไม่ได้ให้ความสนใจเท่าที่ควร การลงทุนครั้งนี้ยังไงก็คุ้ม
YouTube: Techdent Shared
ภาครัฐมีนโนบายที่ดีแต่พลาดมากถึง 2 อย่าง นั่นคือภาวะผู้นำโดยเฉพาะของรัฐมนตรีท่องเที่ยว ที่ออกมาแทงกั๊กในการให้สัมภาษณ์ อีกเรื่องก็คือการให้ข้อมูลที่ชัดเจนกับประชาชน
หลายเรื่องที่เรามั่นใจจะมีข้อมูลและผ่านการใช้วิธี ค.ว.ย. (คิด-วิเคราะห์-แยกแยะ)แล้ว แต่คนส่วนมากไม่เห็นด้วย นั่นเพราะเขาไม่รู้เท่าเรา ก็ลุยได้เลยเรื่องแบบนี้ “มันจะไปยากอะไร” พี่ปูกล่าวไว้
3
สามารถติดตามข้อมูลแนวคิดทางการตลาดยุคใหม่ได้ที่
Instagram: Modernization Marketing (ยุคใหม่การตลาดของไทย)
Face Book Page: Thailand Modern Marketing
YouTube Channel: Modernization marketing (ยุคใหม่การตลาดของไทย)
ท่านที่สนใจลงทุนธุรกิจแฟรนไชส์ตู้กาแฟหยอดเหรียญ ที่สามารถขายแฟรนไชส์และมีรายได้จากการขยาย
สามารถสร้างรายได้ทั้งรายวันและรายสัปดาห์และรายเดือนได้
ติดต่อได้ที่

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา