6 ธ.ค. 2021 เวลา 00:00 • นิยาย เรื่องสั้น
ยุทธจักรวาลกิมย้ง
ตอน 13 : อำนาจผลัดมือ
Blockdit Originals ซีรีส์บทความพิเศษ
ประวัติศาสตร์ก็เช่นล้อเกวียน มันหมุนไปตามรอยเดิม บนทางสายเดิม
บางทีเพราะการย่ำทับรอยเดิมง่ายกว่าถางทางใหม่
1
นี่อาจเป็นนิสัยของมนุษย์
1
หรืออาจเป็นโศกนาฏกรรมของมนุษยชาติ?
1
ราชวงศ์หยวนของ กุบไล ข่าน ก้าวขึ้นมาจากกองเลือดและซากศพ เมื่อทำลายล้างซ่งใต้ราบคาบ รวบแผ่นดินจีนเป็นหนึ่งเดียวภายใต้ราชวงศ์หยวน ทว่าเมื่อถึงจุดจุดหนึ่งมันก็เสื่อม บ้านเมืองระส่ำระสาย ข้าราชการฉ้อราษฎร์บังหลวง เมื่อราษฎรเดือดร้อนหนักเข้าก็จับอาวุธปลดแอก
3
เป็นที่มาของราชวงศ์หมิง
ทว่าเกวียนแห่งหมิงก็เดินตามรอยเดิม ไม่ช้านานก็เข้าสู่วงจรของความเสื่อม บ้านเมืองระส่ำระสาย ข้าราชการฉ้อราษฎร์บังหลวง และอีกครั้งเมื่อราษฎรเดือดร้อนหนักเข้าก็จับอาวุธปลดแอก
1
ครานี้มีตัวแปรใหม่คือแมนจูที่จ้องเสียบอำนาจเช่นกัน
3
แมนจูก็คือพวกหนี่เจินเดิมนั่นเอง พวกที่เคยก่อตั้งราชวงศ์จิน ช่วงปี 1115–1234 ต่อมากลายเป็นราชวงศ์จินยุคหลัง (Later Jin dynasty) และสืบทอดมาเป็นราชวงศ์ชิงโดยหวังไท่จี๋ ผู้เปลี่ยนชื่อหนี่เจินเป็นแมนจู
1
ราชวงศ์ชิงขยายอำนาจ รุกเข้าไปในที่ราบสูงมองโกล และโชซอน (เกาหลี) ใช้กองทัพผสมของพวกฮั่น มองโกล พยายามรุกอาณาจักรหมิงหลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จ ก็กลับไปปรับปรุงกองทัพและอาวุธ รวมทั้งการใช้ปืนใหญ่ ที่เรียกว่า หงอี๋เพ่า (紅夷炮)
1
ท้ายที่สุดด้วยกลยุทธ์และจังหวะที่ดี ก็พิชิตอาณาจักรหมิงได้สำเร็จ
3
นี่ก็คือฉากของนวิยายอิงประวัติศาสตร์เรื่องนี้
3
ผลงานหมายเลข 2 ของกิมย้ง
เพ็กฮวยเกี่ยม / กระบี่เลือดเขียว / เทพบุตรงูทอง (碧血劍 / Sword Stained with Royal Blood)
ตีพิมพ์ครั้งแรกในหนังสือพิมพ์ Hong Kong Commercial Daily ตั้งแต่ 1 มกราคม - 31 ธันวาคม 1956
ฉากของ เพ็กฮวยเกี่ยม คือรัชสมัยฮ่องเต้ฉงเจิน แห่งปลายยุคราชวงศ์หมิงที่กำลังเสื่อมโทรม เต็มไปด้วยการฉ้อราษฎร์บังหลวง
1
ตัวเอกชื่อ หยวนเฉิงจื้อ หรืออ้วงเซ้งจี่ เป็นบุตรของแม่ทัพซื่อสัตย์คนหนึ่ง ผู้จงรักภักดีต่อราชวงศ์ แต่ถูกใส่ความ และจักรพรรดิฉงเจินสั่งประหาร แต่ลูกน้องพ่อช่วยเขารอดมาได้ พาไปฝากไว้ที่สำนักหัวซาน ฝึกวิชากับอาจารย์มู่เหรินชิง
เมื่อโตขึ้น หยวนเฉิงจื้อก็ออกท่องยุทธจักร หาทางแก้แค้นและล้างมลทินให้พ่อ ครั้งหนึ่งเขาพลาดท่าถูกล้อม ตกเขา ได้พบกับกระบี่งูทอง และคัมภีร์ของเทพบุตรงูทองเซี่ยเซียะอี๋ จอมยุทธ์ที่ตายไปนานแล้ว เขาฝึกวิชาสำเร็จ ท่องไปทั่วยุทธจักร
3
หยวนเฉิงจื้อพบหญิงสาวชื่อเวินชิงชิง พบว่านางเป็นลูกสาวของเทพบุตรงูทอง และสตรีอีกคนหนึ่งนามอาจิ่ว (อาเก้า) ผู้หลงรักเขา
หยวนเฉิงจื้อต้องการล้างมลทินให้พ่อ เขาไปร่วมวงกับกลุ่มกบฏหลี่จื้อเฉิง เพื่อล้มล้างราชวงศ์หมิง ช่วยค้นหาทองที่ถูกปล้นไป และทำลายคลังแสงของต่างชาติที่ส่งให้ทางการหมิง
5
แม้หยวนเฉิงจื้อต้องการโค่นราชวงศ์หมิงที่กำลังเสื่อม แต่ก็กังวลต่อการก้าวเข้ามาของพวกแมนจูทางตะวันออกเฉียงเหนือ เขาลอบเข้าไปในวังแมนจู หมายลอบสังหารจักรพรรดิแมนจู หวงไท่จี๋ แต่ปฏิบัติการล้มเหลวจนต้องหนี
1
หยวนเฉิงจื้อต้องการแก้แค้นจักรพรรดิฉงเจินที่ประหารบิดาตน ก็ลอบเข้าไปในวังหมายปลงพระชนม์ เขาพบอาจิ่วที่นั่น
5
ที่แท้อาจิ่วก็คือเจ้าหญิงฉางผิง ราชธิดาของจักรพรรดิฉงเจินปลอมตัวเป็นสามัญชน ท่องยุทธจักร เพราะมีนิสัยชอบวิทยายุทธ ระหว่างทางมีโอกาสพบหยวนเฉิงจื้อ โดยไม่รู้ว่าพระบิดานางเป็นคนสั่งฆ่าพ่อของคนที่นางรัก
1
แต่หยวนเฉิงจื้อเปลี่ยนใจไม่ลอบปลงพระชนม์ เพราะในวังเกิดเหตุกบฏโดยกลุ่มเจ้าชายฮ่วยหวัง เขาจึงช่วยฮ่องเต้ เพราะประเมินว่าวิธีนี้จะทำให้กบฏของหลี่จื้อเฉิงมีโอกาสสำเร็จมากขึ้น
3
ต่อมาเมื่อทัพกบฏหลี่จื้อเฉิงมาประชิดเมืองหลวง ฮ่องเต้ก็ตั้งพระทัยจะฆ่าองค์หญิงฉางผิงและพระราชวงศ์ เพื่อไม่ให้ตกอยู่ในมือของพวกกบฏ แต่คมกระบี่เพียงตัดแขนซ้ายนางขาด หยวนเฉิงจื้อช่วยนางไว้ทัน
1
กลุ่มกบฏหลี่จื้อเฉิงก่อการล้มหมิงสำเร็จ ฉงเจินฮ่องเต้องค์สุดท้ายของราชวงศ์หมิง ผูกพระศอสวรรคต แต่หยวนเฉิงจื้อผิดหวังที่กลุ่มใหม่ก็ไม่รักษาสัญญา ยังคงไขว่หาอำนาจ ชาวบ้านเดือดร้อน เลวร้ายไม่ต่างกัน
อาจิ่วรู้ว่าว่าหยวนเฉิงจื้อมีคนรักแล้ว จึงตัดสินใจบวชเป็นชี แล้วไปจากชีวิตของเขา
1
อาจิ่วได้เป็นศิษย์ของบักซึงเต้าหยิน เจ้าสำนักกระบี่เหล็ก เมื่อเป็นนางชี ใช้นามว่า แม่ชีเก้าลั้ง (จิ่วหนาน) มีบทบาทต่อไปในเรื่อง อุ้ยเซี่ยวป้อ
3
ในเวลาเดียวกัน ขุนพลหมิงคนหนึ่งคือ อู๋ซานกุ้ย (โง้วซำกุ่ย) ทรยศไปเข้ากับฝ่ายแมนจู และปล่อยให้แมนจูเข้ามาผ่านด่านซานไห่กวนของกำแพงใหญ่ หลี่จื้อเฉิงพ่ายสงคราม แมนจูเข้ามาปกครองแผ่นดินจีน
ด้วยความสิ้นหวังต่อระบอบใหม่ หยวนเฉิงจื้อตัดสินใจจากยุทธจักรและวงการเมืองไป
1
ในประวัติศาสตร์จริง จักรพรรดิฉงเจินเป็นฮ่องเต้องค์ที่ 17 ของราชวงศ์หมิง และเป็นองค์สุดท้าย
ทรงพบศึกสองด้าน ด้านหนึ่งเป็นศัตรูข้างนอกคือ แมนจู อีกด้านหนึ่งเป็นศัตรูภายในคือกบฏชาวนานำโดยสามัญชน
เมื่อพระชนมายุสี่พรรษา พระมารดาของจักรพรรดิฉงเจิน ถูกไท่ชางฮ่องเต้ พระบิดาสั่งประหาร ใช้ชีวิตวัยเด็กอย่างเงียบๆ หลังจากพระบิดา ไท่ชางฮ่องเต้ สิ้นพระชนม์ในปี 1620 พระราชโอรสองค์โตครองราชย์ พระนามเทียนฉวี่ฮ่องเต้
เทียนฉวี่ฮ่องเต้สวรรคตในปี 1627 ไร้รัชทายาท ฉงเจินวัยสิบหกก็ขึ้นครองราชย์ เป็นห้วงเวลาที่ราชวงศ์หมิงกำลังเสื่อม การฉ้อราษฎร์บังหลวง เน่าเฟะ พระคลังว่างเปล่า ทำให้บ้านเมืองระส่ำระสาย ทรงลงโทษข้าราชการจำนวนมาก ประหารทหาร แม่ทัพ รวมทั้งแม่ทัพหยวนฉงห้วน ผู้กำลังทำหน้าที่ป้องกันแผ่นดินจากแมนจู
ในปี 1639 เกิดโรคระบาดใหญ่ ทุพภิกขภัย ชาวราษฎร์เดือดร้อนแสนสาหัส ทางการไม่สามารถช่วยชาวบ้าน นอกจากนี้ยังเก็บภาษีและเก็บข้าวไปด้วย
จักรพรรดิฉงเจิน
เมื่อราษฎรเดือดร้อนแสนสาหัสถึงจุดจุดหนึ่ง ก็ลุกขึ้นมาจับอาวุธ เกิดการลุกฮือทางเหนือที่ส่านซี ต่อต้านทางการหมิง เป็นจุดกำเนิดกบฏ แพร่ขยายไปหลายเขตอย่างรวดเร็ว
ชายสองคนเข้าร่วมกลุ่มกบฏ คนหนึ่งคือหลี่จื้อเฉิง คนหนึ่งคือจางเสี้ยนจง ทั้งคู่มาจากส่านซี ทั้งสองมีบทบาททั้งรวมกันและแยกกัน
1
เล่าเรื่องจางเสี้ยนจงก่อน
จางเสี้ยนจงมีฉายาเสือเหลือง เข้าร่วมกลุ่มกบฏในปี 1630
1
จางเสี้ยนจงนำคนบุกปล้นเมืองต่างๆ ซ่อนตัวในเขา ทางการหมิงปราบหนัก เมื่อปราบหนัก ก็เก็บตัว แล้วออกมาใหม่
ในปี 1635 จางเสี้ยนจงร่วมกลุ่มกับกบฏอีกกลุ่มของหลี่จื้อเฉิง ร่วมกันบุกเมืองต่างๆ ต่อมาสองกลุ่มแยกทางกัน จางเสี้ยนจงไปหูเป่ย
ในปี 1637 จางเสี้ยนจงร่วมกับกลุ่มอื่นๆ ได้กำลังคนถึงสามแสนคน บุกอานฮุย เจียงซู และเกือบไปถึงนานจิงรอมร่อ แต่ถูกกองทัพหมิงต้านอย่างหนัก และกลับไปตั้งหลักที่หูเป่ย
1
จางเสี้ยนจงรบกับกองทัพราชวงศ์หมิงหลายปี ชนะบ้าง แพ้บ้าง
ปี 1643 จางเสี้ยนจงยึดเมืองอู่ชาง สังหารเจ้าชายหมิงพระองค์หนึ่ง ตั้งตนเป็นฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ซี ต่อมาทัพหมิงยึดเมืองคืนกลับไปได้
เมื่อถูกตีคืนหนักขึ้น จางเสี้ยนจงก็เริ่มจัดการคนที่ต่อต้าน เกิดการสังหารหมู่ที่เสฉวนในปี 1645 จางเสี้ยนจงสั่งสังหารคนที่สงสัย รวมทั้งพระเยซูอิต
เมื่อราชวงศ์หมิงถูกหลี่จื้อเฉิงล้ม พวกแมนจูยึดจีนได้ ส่งกำลังไปจัดการจางเสี้ยนจงที่เสฉวนในปี 1646 จางเสี้ยนจงหนีไปส่านซี กองทัพชิงตามไป และฆ่าจางเสี้ยนจง เล่ากันว่าเขาถูกคนของเขาทรยศ อันเนื่องมาจากไม่พอใจการฆ่าหมู่ที่เสฉวน เขาถูกทหารแมนจูยิงด้วยธนู
3
กบฏชาวนาก็เหลือแต่หลี่จื้อเฉิง เป็นผู้นำหลัก
1
ส่วนหลี่จื้อเฉิงเกิดปี 1606 ในครอบครัวชาวนายากจน ที่เหยียนอาน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของส่านซี
3
เล่ากันว่าในปี 1630 หลี่จื้อเฉิงมิได้จ่ายหนี้สินที่ค้างไว้ จึงถูกเจ้าหน้าที่จับสวมปลอกคอเหล็กและล่ามโซ่ ชาวบ้านยื่นน้ำให้หลี่จื้อเฉิงดื่ม แต่ถูกตบ ชาวนากลุ่มหนึ่งจึงโจมตีเจ้าหน้าที่ ปลดปล่อยหลี่จื้อเฉิงเป็นอิสระ หลี่จื้อเฉิงกลายเป็นผู้นำกลุ่ม ใช้อาวุธเท่าที่หาได้ สู้กับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่ไปจับ และยึดอาวุธมาได้ สะสมเป็นกำลังกองกบฏ
นี่อาจเป็นเรื่องเล่าหรืออาจเป็นเรื่องจริง แต่ที่เป็นความจริงแน่ๆ คือในปี 1633 หลี่จื้อเฉิงเข้าร่วมกองทัพกบฏที่นำโดยเกาหยิงเสียง
1
ในช่วงสามปีหลี่จื้อเฉิงรวมกองทัพได้สามหมื่นคน พวกกบฏบุกฆ่าเจ้าหน้าที่ เข้าเมืองในหลายเมือง หลี่จื้อเฉิงชนะศึกมากครั้ง ทำให้มีคนมาร่วมมากขึ้น เหตุผลหนึ่งเพราะหลี่จื้อเฉิงมักปล้นอาหารและข้าวของจากพวกหมิงไปแจกจ่ายชาวบ้าน นอกจากนี้หลี่จื้อเฉิงประกาศว่าจะใช้นโยบายแบ่งที่ดินให้เท่าเทียมกัน ยกเลิกภาษีข้าวเปลือก ทำให้ราษฎรพึงใจ มาร่วมด้วยมากขึ้นเรื่อยๆ
5
ในปี 1641 ขณะที่จางเสี้ยนจงยึดเซียงหยาง หลี่จื้อเฉิงก็บุกยึดเมืองลั่วหยาง ตามด้วยการยึดเมืองไคเฟิง
1
ภาพวาดเก่ากบฏหลี่จื้อเฉิง (ไม่ทราบที่มา)
ขณะที่จางเสี้ยนจงยึดเมืองอู่ชาง สังหารเจ้าชายหมิงพระองค์หนึ่ง ตั้งตนเป็นฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ซี หลี่จื้อเฉิงก็ตั้งตนเป็นฮ่องเต้ บ้าง ก่อตั้งราชวงศ์ซุ่น และเตรียมบุกปักกิ่ง
ในปี 1642 ราชวงศ์หมิงง่อนแง่นเต็มที เสียสี่เมืองสำคัญนอกด่านซานไห่ให้พวกแมนจู
ถึงจุดนี้ ราชวงศ์หมิงก็ร่อแร่จวนล้มเต็มที จักรพรรดิฉงเจินทรงบัญชาให้แม่ทัพคนใหม่ไปต้านหลี่จื้อเฉิง แต่ไม่สำเร็จ ทัพหลี่จื้อเฉิงข้ามแม่น้ำหวางเหอปลายปี 1643
1
จักรพรรดิหมิงพบศึกสองด้าน ภายนอกคือแมนจู ภายในคือกลุ่มกบฏหลายกลุ่ม
ในเมืองปักกิ่งแนวรบอ่อนกำลังลง ทหารไม่มีกิน เพราะพวกขันทีที่มีหน้าที่เตรียมเสบียงฉ้อราษฎร์บังหลวง ทหารไม่ได้เงินเดือนมาเป็นปี
ทัพหลี่จื้อเฉิงยึดเมืองต่างๆ หลายป้อมค่ายยอมแพ้ต่อหลี่จื้อเฉิงโดยไม่ต่อสู้
3
ครั้นถึงเดือนเมษายน 1644 หลี่จื้อเฉิงมุ่งหน้าสู่ปักกิ่ง ยื่นคำขาดต่อจักรพรรดิให้ยอมแพ้ การเจรจาไม่บรรลุผล หลี่จื้อเฉิงเตรียมบุก จักรพรรดิเรียกตัวอู๋ซานกุ้ย (โง้วซำกุ่ย) มาต้านพวกกบฏที่ปักกิ่ง และส่งแม่ทัพถังทงกับขันทีวังชื่อตู้ซิน ไปเสริมกำลังที่ด่านซานไห่
1
แต่แม่ทัพถังทงกลับไปเข้ากับพวกกบฏหลี่จื้อเฉิง
ส่วนอู๋ซานกุ้ยเมื่อได้รับราชบัญชา ก็ยกทัพจากหนิงเหยี่ยน ข้ามด่านซานไห่ไปที่ปักกิ่ง แต่ยังเดินทางไม่ถึงเมืองหลวง ฝ่ายกบฏก็ล้อมปักกิ่ง ส่งขันทีตู้ซินไปโน้มน้าวจักรพรรดิให้ยอมแพ้ แต่ทางวังปฏิเสธ
1
จักรพรรดิฉงเจินทรงดำเนินไปที่เนินเขา แขวนพระศอบนต้นไม้ ทิ้งจดหมายข้อความว่า “ข้าฯตายไปโดยมิสามารถมองหน้าบรรพบุรุษในโลกอื่น...”
2
ก่อนฆ่าตัวตาย จักรพรรดิฉงเจินสังหารสมาชิกราชวงศ์ บางคน เพราะเกรงว่าจะประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับราชวงศ์ซ่งใต้หลังมองโกลยึดแผ่นดิน เจ้าชายซ่งทั้งหลายถูกทรมาน เจ้าหญิงซ่งกลายเป็นหญิงงามเมือง
3
เล่ากันว่าจักรพรรดิฉงเจินตรัสกับฉางผิงว่า “ไยเจ้าจึงต้องเกิดในตระกูลนี้?” แล้วฟันกระบี่ใส่นางหมายสังหาร แต่กระบี่เพียงตัดแขนซ้ายของนางขาด องค์หญิงฉางผิงไม่ตาย เพราะขันทีคนหนึ่งช่วยไว้ นางสลบไปห้าวัน เมื่อรู้สึกตัวก็ได้ข่าวว่าบิดานางฆ่าตัวตายโดยแขวนคอบนต้นไม้
3
ชะตากรรมของราชวงศ์ยามอาณาจักรล่มสลาย
ภาพจักรพรรดิฉงเจินจะสังหารราชธิดา จากบันทึก De Bello Tar- tarico Historia ของมิชชันนารี Martino Martini ปี 1655

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา