Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
linxikun
•
ติดตาม
12 พ.ย. 2021 เวลา 12:11 • ประวัติศาสตร์
ความใฝ่ฝันและวีรกรรมในวัยเด็ก ที่ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง
ภาพจากปก : 林錫坤 Línxīkūn หลิ่ม เซียะ คุง หรือ อาลั้น ลูกชายร้านเสริมสวย (เตี่ยงหม่อโผ่วตาโปวเกี้ย) วัยในวันนั้น 14-15 ขวบ ผู้สร้างวีรกรรมขี่จักรยานคนเดียว กรุงเทพ-สระบุรี
สมัยวัยเด็ก บ้านผู้เขียนเป็นร้านเสริมสวย (เตี่ยง หม่อ โผ่ว) ชื่อ เสียงโสภา ที่เป็นตำนานแห่ง
ซวง ล้วง ตัก หลัก เอ๋า
萱銮噠叻后 Xuān luán dā lè hòu
หรือหลังตลาดสวนหลวง ชุมชนคนแต้จิ๋ว 潮州人 Cháozhōu rén เตี่ย จิว นั้ง ย่านปทุมวัน เรียนประถมปลายที่ ส.พ.ช. สามัญวัดพลับพลาชัย ช่วงระหว่างปี 2516-2519 อายุ 12-15 ขวบ ผู้เขียนบ้าจักรยานมาก(ปัจจุบันก็ยังเป็น)ชอบนั่งรถเมล์โกโก้(บ.ศิริมิตร) สาย 55 ไปแถววรจักร แหล่งรวมและศูนย์กลางจำหน่ายจักรยานและอะไหล่จักรยาน
เคยไปเช่าจักรยานปั่นกับเพื่อนรักชื่อคก(มงคล) เพื่อนร่วมห้อง ป.7/14 แถวซอยวงเวียน 22 หลัง หั่ว เคี้ยว ป่อ เต็ก เซียง ตึ๊ง 華僑報德善堂 Huáqiáo bào dé shàn táng และที่สนามหลวง
อ่วง แก ชั้ง
皇家田 Huángjiā tián
และเคยมีจักรยานมาแล้ว 2 คัน
คันแรก จำได้คร่าวๆว่าสีน้ำตาล แต่ลืมว่ามีที่มาอย่างไร ที่ผู้เขียนไปวรจักรบ่อยๆเพราะไปซื้ออะไหล่มาเปลี่ยนเองบ้าง จ้างร้านแถวบ้านเปลี่ยนให้บ้าง เช่น แฮนด์จากเดิมก็เปลี่ยนเป็นแฮนด์ตะเกียบ เบรคก้ามปูก็เปลี่ยนเป็นเบรคจาน ต้องโรยทรายใส่จานเบรค เพื่อให้มีเสียง เอี๊ยดดดด เวลาเบรค ดูเท่ในแก๊งจักรยานแถวบ้าน แต่แล้ว...วันหนึ่ง!!
ลั้น..นั่นเพื่อนหรือเปล่าที่ขี่จักรยานไป
เสียงช่างทำผมคนนึงที่กำลังทำผมให้ลูกค้า หันมาถาม ตอนนั้นผู้เขียนนั่งเล่นอยู่ที่โต๊ะทำผมตัวหนึ่ง ถึงกับกระโดดตัวลอย ตรงซอกข้างประตูเหล็กที่เสียบจักรยานคันเก่งไว้ อันตรธานไป ออกมายืนกลางซอยหันซ้ายหันขวาหน้าซีดเผือด เห็นหัวขโมยกำลังปั่นจักรยานของผู้เขียนไปทางท้ายซอยทางไปสนามศุภฯ วิ่งตามก็ไม่ทันซะแล้ว แทบทรุดตัวร้องไห้เลยทีเดียว แหมยัยช่างนั่นก็กระไร แทนที่จะรีบบอกแต่แรก
คันที่ 2 จำที่มาไม่ได้อีกเหมือนกัน แต่ทรงคล้ายๆคันแรก รู้สึกว่าจะเปลี่ยนแฮนด์เป็นแฮนด์ตะเกียบยกสูง เพื่อนชื่อเทียน 天 Tiān เด็กแถวบ้าน(ที่มีน้องสาวสวยชื่อ เตียง) ยืมไป คือเพื่อนโดนหลอกจากผู้ใหญ่ให้เอารถไปให้ยืมอีกที เรื่องราวซับซ้อนซ่อนเงื่อน ถึงขั้นขึ้นโรงพัก แต่พ่อเพื่อนก็ชดใช้ให้อาแหมะ(แม่)ผู้เขียน จบลงด้วยดี
หลังจากนั้นก็ไม่มีจักรยานคู่ใจอยู่พักใหญ่ จนเพื่อนแถวบ้าน เส็ง 盛 Shèng เพื่อนหุ่น สัง โป้ว หรือผอมแห้ง บ้านเป็นโรงพิมพ์ใหญ่โต เยื้องบ้านผู้เขียน เอา
จักรยานเสือหมอบ single speed
ตัวถังอลูมิเนียมสีเงินเงาวับจับตา
มาบอกขายในราคา 400 บาท นี่จะเป็นการอัพเกรด up grade จากจักรยานธรรมดา มาเป็นจักรยานเสือหมอบแบบผู้ใหญ่เลยนะนั่น ผู้เขียนหยุดคิดนิดนึง จึงตอบตกลงทันที เพราะมีเงินเก็บจากจักรยานคันเก่าที่เพื่อนชดใช้มาเป็นเงินสด กับเงินส่วนตัวอีกจำนวนหนึ่ง แต่พอขี่กลับมาบ้าน อาแหมะเห็นเข้าเท่านั้นแหละ บ้านแทบแตก อาแหมะสั่งให้เอารถไปคืนเพื่อนในบัดนั้นทันที
จักรยานเสือหมอบ single speed ตัวถังอลูมิเนียมสีเงินเงาวับจับตา ทรงคล้ายๆในภาพแต่ต่างสี ขอบคุณภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
หัวใจของเด็กน้อยคนหนึ่งแทบแตกแหลกสลาย ที่อาแหมะไม่ยอมอนุญาต เพราะเวลามีเด็กขี่จักรยานโดนรถชนหน้าตลาด(สวนหลวง) ข่าวจะมาถึงหูอาแหมะไวมากอาแหมะก็จะตกใจทิ้งลูกค้าที่กำลังทำผม รีบเดินจ้ำไปหน้าตลาดทันที พอไม่ใช่เราก็โล่งอกกลับมา และด้วยความห่วง อาแหมะก็จะพูดถึงสาเหตุนี้ในการไม่ยอมให้ซื้อจักรยาน
แต่ผู้เขียนก็ลั้น
(สมชื่อ)
ได้แต่ก้มหน้างุดๆบ่นพึมพำในเชิงปฎิเสธอยู่ในลำคอ น้ำตาไหลพราก พลันก็เกิดความมุ่งมั่นบางอย่างแว่บเข้ามาในห้วงความคิด จึงรีบตอบรับกับอาแหมะว่าพรุ่งนี้จะเอาไปคืนเพื่อน แต่..ปฏิบัติการ ทัวร์ เดอ สระบุรี กำลังจะเริ่มขึ้น
Day 1 แผนการณ์ใหญ่มากๆ ที่เด็กผู้ชายตัวน้อยๆคนนึงพึงกระทำได้ ก็คือแผนฝากจักรยานสะท้าน 2 ปฐพี คือ ปฐพีที่ 1 ปั่นไปฝากที่บ้าน
โซ้ย กู๋ 细舅 Xì jiù (น้องชายแม่)
ที่สะพานควาย
หรือ 牛橋 Niú qiáo หงู่กี๊-ออ
ในภาษาแต้จิ๋ว แล้วกลับไปบอกอาแหมะว่าขายไปแล้ว คืนนั้นนอนแทบไม่หลับ เพราะแผนฝากจักรยานสะท้าน 2 ปฐพี มาถึง ปฐพีที่ 2 ซึ่งเป็นบ้านของ
ตั่ว กู๋ 大舅 Dà jiù (พี่ชายแม่)
ซึ่งอยู่ไกลถึง ปั๊ก เพียว 北标 Běi biāo
จ.สระบุรี
ราว 100 กิโลนิดๆ
Day 2 ตื่นแต่ไก่โห่ ราวหกโมง ใส่ชุดเก่งเสื้อยืดกางเกงบอลเขียวทั้งชุด นั่งรถเมล์สีเขียวอ่อนสาย 67 (บ.ศรีนคร)ไปถึงบ้านโซ้ย กู๋( ปฐพีที่ 1) แต่เช้า ประมาณ 7.00 น.ตั้งใจปั่นไปบ้าน ตั่ว กู๋ ที่สระบุรี ( ปฐพีที่ 2)ไม่รู้ทำไมถึงกล้าหาญขนาดนี้กับเด็กประถมปลายสมัยนั้น อายุประมาณ 14-15 ขวบ เดี๋ยวนี้แค่ปั่นไปสะพานควายก็อันตรายแล้ว ผู้เขียนปั่นไปตาม
ถนนวิภาวดี
ซึ่งสมัยนั้นเรียก
ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์
ถึงแค่ดอนเมืองยังรู้สึกเหนื่อยและเหมือนไกลมาก แต่ด้วยความมุ่งมั่นและรักจักรยานคันนี้มาก เลยฮึดขี่ต่อไปเรื่อยๆ สมัยนั้นถนนพหลโยธิน ยังมีแค่ 4 เลน ฝั่งละ 2 เลนไป-กลับ มีไหล่ถนนขรุขระเล็กน้อยเพราะราดด้วยยางมะตอยหยาบ เราก็จะปั่นอยู่ไหล่ถนนนี้
แต่พอรถโล่งก็จะซ่าออกมาขี่ฉวัดเฉวียนไปมากลางถนนซักทีนึงให้สะใจโก๋ แบบปลดปล่อย ตลอดทางจะแวะตามปั๊มน้ำมันซื้อน้ำแข็งใส่น้ำชาถุงใหญ่ ดูด 2-3 จ๊วบ แล้วก็เอามาราดหัวจนเปียกเพราะร้อนมาก แล้วขี่ต่อไป
รู้สึกร้อนแดดเผาจนไหม้เกรียม
แต่
ใจกลับมีความสุขและอิสระอย่างประหลาด
ผู้เขียนแวะกินก๋วยเตี๋ยวที่วังน้อย สมัยนั้น..วังน้อยเป็นชุมชนที่ใหญ่มากและคึกคักด้วยร้านค้ามากมาย รถบรรทุก รถโดยสาร บขส จอดให้ผู้โดยสารลงกินข้าวกินน้ำซื้อของจุกจิกกัน ไม่เหมือนสมัยนี้ที่ถนนมีถึง 10 เลน มีเลนในเลนนอกทำให้ระบบการค้าตามข้างทางซบเซา เงียบเหงา
ร้านที่แวะกินก๋วยเตี๋ยวอาแจ้ 阿姐 Ā jiě เจ้าของร้านสังเกตเห็นผู้เขียนเป็นเด็กน้อยแปลกหน้า
ขี่จักรยานมาคนเดียว
ตัวดำคล้ำแดด และชุ่มไปด้วยเหงื่อ
จึงถามว่า หนูมาจากไหนและจะไปไหน ผู้เขียนเล่าให้ฟังอาแจ้แกถึงกับเอามือทาบอก ร้องออกมาอย่างตกใจ ไอ๊หยา ม่อนา ไม่ได้นะอันตรายมาก รีบบอกให้ผู้เขียนเอาจักรยานขึ้นหลังคารถ บขส แกบอกทำได้นะ กระเป๋าเขาจะยกขึ้นให้ ตอนนั้นก็เริ่มไม่ไหว เลยคล้อยตามคำแนะนำด้วยความหวังดีของแก
แต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะกระเป๋าบอกตรงข้ามเลย คือปฏิเสธ แล้วบอกเป็นเชิงเย้ยนิดๆว่า
สระบุรีแค่นี้เอง
เดี๋ยวก็ถึงแล้ว
คำนี้ก้องในหู พอผู้เขียนได้สติจึงรวบรวมพลังในร่างกายก๊อกสอง เหลือระยะทางอีกกว่า 40 กม. เกินครึ่งทางมานิดนึง และแล้วความพยายามก็ประสบความสำเร็จ ปั่นมาถึงบ้านอาตั่วกู๋ซึ่งอยู่ริมทางรถไฟกลางเมืองสระบุรี เป็นร้านตัดผมชาย ชื่อ คิงส์
ผู้เขียนจอดจักรยานหน้าร้าน แล้วเดินดุ่มๆเข้าไปเปิดตู้เย็นแบบคุ้นเคย เปิดช่องฟรีซ ที่มีกระบอกน้ำและขันใส่น้ำเย็นเจี๊ยบแช่อยู่ ยกดื่มอย่างกระหายเหมือนมาจากทะเลทราย ตัวดำไหม้เกรียม หนังลอกเป็นแผ่นๆ
ป้ายร้าน คิงส์ ตำนานร้านบาร์เบอร์ แห่งเมืองปากเพรียว สระบุรี ถอดแขวนเก็บไว้ที่บ้านใหม่ของอาตั่วกู๋หลังย้ายจากตัวเมืองสระบุรี ออกมานอกตัวเมือง
ที่ตั้งเดิมของบ้าน ตั่ว กู๋ และร้านคิงส์ ปัจจุบันกลายเป็นดงกะหรี่ปั๊บ ของฝากขึ้นชื่อประจำจังหวัด ขอบคุณภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
ตั่ว กู๋ 大舅 Dà jiù กับ ตั่ว กิ๋ม 大妗 Dà jìn ถึงกับจำไม่ได้ ช่างและคนที่มารอตัดผมก็งงๆ ตั่ว กู๋ ตกใจมากพอทราบว่าหลานรักของท่านขี่จักรยานมาจากกรุงเทพ ผู้เขียนรีบบอก ตั่ว กู๋ ว่าอย่าโทรบอกอาแหมะนะ น้ำเสียงอ้อนวอนด้วยเริ่มรู้สึกกลัวความผิด แต่อาแหมะยังไม่เท่าไร อาป๊า(พ่อ)นี่สิ โดนฟาดด้วยเข็มขัดเนื้อแตกแน่ ตั่ว กู๋ ยิ้มและมองมาด้วยสายตาอบอุ่น
ไม่บอกหรอก
การเดินทางไกลวันนี้ ออกจากสะพานควาย 07.00 น. ถึงสระบุรีบ่าย 2 ใช้เวลาปั่นจักรยานแบบชมนกชมไม้ไปถึง 7 ชั่วโมง กับระยะทางตีไปตัวเลขกลมๆ 100 กม. คืนนั้นเลยนอนบ้าน ตั่ว กู๋ ที่ผู้เขียนคุ้นเคย เพราะมาอยู่ทุกปิดเทอมใหญ่ แต่พอรุ่งเช้าเท่านั้นแหละ
ผู้เขียนตื่นนอนลงมาข้างล่าง ก็เจออาแหมะกำลังนั่งสนทนา ต้า อ่วย 呾话 Dá huà อย่างยิ้มแย้มกับพี่ชายคือ ตั่ว กู๋ และ
แปลกอาแหมะไม่ว่าอะไรผู้เขียนเลยสักคำ
มีแต่ไถ่ถามเรื่องราวด้วยความห่วงใย วันนั้นเลยฝากรถคันโปรดไว้ที่บ้าน ตั่ว กู๋ และกลับกรุงเทพกับอาแหมะ มาเรียนหนังสือตามปกติ และนั่งนับนิ้วนับวันรอเวลาปิดเทอมใหญ่ จะได้มาอยู่บ้านอาตั่วกู๋เหมือนทุกปี ได้มาขี่จักรยานเสือหมอบสีเงินวาววับ กับแก๊งเพื่อนๆที่นั่นอย่างสนุกสนาน อวดสาวๆสระบุรี
จนถึงวันอำลาอาลัย เพราะใกล้เปิดเทอม จึงตัดสินใจขายไปเนื่องจากอาแหมะขอไว้ให้ขี่ที่สระบุรีแล้วพอเปิดเทอมกลับบ้านให้ขายเสียที่นั่นเลย
ผู้เขียนตัดใจขายไป 410 บาท
ได้กำไรมาตั้ง 10 บาท
กับกำไรขี่ถึง 2 เดือน
และแผนฝากจักรยานสะท้าน 2 ปฐพี อันสะเทือนเลือนลั่นอยู่ในความทรงจำมาถึง ณ บัดนี้ก็ได้จบลงแบบรอยยิ้มเปื้อนน้ำตา ในวันลาจากที่จะไม่มีวันลืมเจ้า จักรยานเสือหมอบ ตัวถังอลูมิเนียมสีเงินเงาวับจับตา อันเป็นที่รักคันนั้น
มีความสุขทุกครั้งที่นึกถึงเหตุการณ์ และวีรกรรมนี้ เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน แต่ลูกๆหลานๆอย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง จะทำให้พ่อแม่เป็นห่วง ปัจจุบัน อาป๊า อาแหมะ และ ตั่ว กู๋ โซ้ย กู๋
ต่อ ที เต้ง
在天堂 Zài tiāntáng
อยู่บนสวรรค์ กันหมดแล้ว
ยามใดที่คิดถึงพวกท่าน ได้แต่แหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า จะแลเห็นแววตาและรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นของพวกท่านเสมอ
หมายเหตุ : มี ภาษาจีน ตัวสะกด พินอิน 拼音 Pīnyīn และคำอ่านแต้จิ๋ว ประกอบเนื้อเรื่อง
พลับพลาชัย : ชื่อวัด โรงเรียน
พลับพลาไชย : ชื่อสถานีตำรวจ ถนน แยก
เรื่องราวต่างๆมาจากเหตุการณ์จริง หากพาดพิงถึงใคร หรือข้อมูลผิดพลาดคลาดเคลื่อน ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ ผู้เขียนมิได้มีเจตนาอื่นใด นอกจากเล่าย้อนอดีตความทรงจำในวัยเด็กอันสดใสและมีความสุข
🙏🏻สนับสนุนผู้เขียน/Sponsor🙏🏻 กดติดตาม>>
blockdit.com/linxikun
เรากลับไปแก้ไขอดีต..ไม่ได้
แต่
เราทำวันนี้ให้ดีที่สุด..ได้
Linxikun
#อาลั้นเด็กหลังตลาด
#เตี่ยงหม่อโผ่วเกี้ย
เรื่องเล่า
พัฒนาตัวเอง
ไลฟ์สไตล์
บันทึก
2
22
2
22
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย