6. ใน รม.7:4 เปาโลนำงานฝังศพมารวมกับงานแต่งงาน; ในด้านหนึ่ง เราถูกฝังแล้ว แต่ในอีกด้านหนึ่ง เราก็ได้แต่งงานแล้วด้วย; เราถูกทำให้ตายตามสถานะเก่าของเรา เพื่อเราจะได้สมรสกับอีกผู้หนึ่งตามสถานะใหม่ของเรา; ตามสถานะใหม่ของเรานั้น เราแต่งงานกับพระองค์ผู้ทรงเป็นขึ้นมาจากท่ามกลางคนตาย เพื่อเราจะได้เกิดผลถวายแด่พระเจ้า.
7. คนเก่าซึ่งก็คือสามีเก่าของเราได้ถูกตรึงไว้กับพระคริสต์แล้ว เพื่อเรา “จะได้เข้าสนิทผูกพันกับผู้อื่น คือพระองค์ที่ได้เป็นขึ้นมาจากท่ามกลางคนตาย เพื่อเราทั้งหลายจะได้เกิดผลถวายแด่พระเจ้า” (ข้อ 4); การเข้าสนิทนี้บ่งชี้ว่า เมื่อเรามีสถานะใหม่ในการเป็นภรรยา เราก็มีการเข้าสนิททางอินทรียภาพในตัวตน, ในนาม, ในชีวิต, และในการดำรงอยู่กับพระคริสต์ในการเป็นขึ้นของพระองค์.
8. ในฐานะที่เราเป็นคนใหม่ที่ได้บังเกิดใหม่และเป็นภรรยาของพระคริสต์ บัดนี้ทุกสิ่งที่เราเป็นและทุกสิ่งที่เรากระทำล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับพระเจ้า และพระเจ้าก็กลายเป็นผลที่เกิดจากเราและเป็นความเปี่ยมล้นแห่งชีวิตของเรา; กรณีนี้ตรงข้ามกับการเกิดผลให้กับความตาย (ข้อ 5) ซึ่งเป็นผลที่ได้เกิดจากเราในอดีต เมื่อเรายังเป็นคนเก่าเป็นสามีเก่าอยู่นั้น.
9. บัดนี้เราเข้าสนิทกับพระคริสต์ผู้เป็นขึ้นในฐานะพระวิญญาณผู้ประทานชีวิตที่อยู่ในวิญญาณของเรา; นี่คือการเข้าสนิทของ “พระวิญญาณนั้น...กับวิญญาณของเรา” (8:16) กลายเป็น “วิญญาณเดียว” (1กธ.6:17):
(1) เราควรให้ทั้งตัวของเราหันไปสู่และตั้งอยู่ในวิญญาณที่เข้าสนิทนี้ — รม.8:6ข.
(2) เราควรมีชีวิตเป็นอยู่และดำเนินชีวิตตามวิญญาณที่เข้าสนิทนี้ด้วย — ข้อ 4.
(3) เมื่อเราดำเนินชีวิตอยู่ในวิญญาณที่เข้าสนิทเช่นนี้ เราก็สามารถดำเนินชีวิตออกซึ่งพระกายของพระคริสต์ กลายเป็นการสำแดงแห่งกลุ่มชนของพระคริสต์ เพื่อให้พระเจ้าตรีเอกภาพได้รับสง่าราศี — อฟ.1:23; 3:21; 1กธ.10:31; 1ปต. 4:11; วว.21:10–11.
วันเสาร์ - การบำรุงเลี้ยงแห่งการฟื้นฟูยามเช้า
รม.7:4 ...เช่นนั้นท่านก็ได้ตายต่อกฎบัญญัติแล้วโดยพระกายของพระคริสต์ เพื่อท่านจะได้เข้าสนิทผูกพันกับผู้อื่น คือพระองค์ที่ได้เป็นขึ้นมาจากท่ามกลางคนตาย เพื่อเราทั้งหลายจะได้เกิดผลถวายแด่พระเจ้า.
รม.7:6 แต่บัดนี้เราได้พ้นจากกฎบัญญัติ คือได้ตายต่อกฎบัญญัติที่เคยผูกมัดเราแล้ว เพื่อเราจะได้ปรนนิบัติในสภาพใหม่แห่งวิญญาณ มิใช่ในสภาพเก่าแห่งตัวอักษร.