3 ธ.ค. 2021 เวลา 01:52 • การศึกษา
เรื่องเล่าชาวมอชอ
นั่งรถไฟไปเชียงใหม่ ภาคสอง
บนรถไฟพอเริ่มดึกรุ่นพี่ทั้งหลายที่วี้ดๆมาตั้งแต่บ่ายเริ่มจะค่อยๆหมดแรงสลบไสลนั่งกันเกะกะตามพื้น ตอนนี้รถไฟคงอยู่ในรอยต่อจังหวัดอุตรดิตถ์และจังหวัดแพร่มองออกไปก็มีแต่ความมืดเพราะเป็นป่าและเขาในตู้โดยสารก็เริ่มเงียบเสียงลง พวกเราจึงเริ่มนั่งหลับเอาแรงบ้าง หลับๆ ตื่นๆไปตลอดทางจนรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว ใครจะมาเที่ยวเชียงใหม่ทางรถไฟแนะนำให้ลองมาตอนฤดูหนาวตั้งแต่เดือน พ.ย. ไปถึง ม.ค. ให้ไปขึ้นรถไฟที่กรุงเทพประมาณสองทุ่มท่านจะมาเช้าแถวจังหวัดลำปางออกจากลำปางท่านจะพบบรรยากาศสุดบรรยายของเทือกเขารอยต่อลำปางลำพูนซึ่งบางจุดเป็นรางรถไฟที่วิ่งบนเหวลึกหวาดเสียวกว่ารถไฟเหาะ
วิวข้างนอกเป็นป่ากว้างใหญ่ พร้อมดอกไม้และกล้วยไม้ป่า ภูเขาสลับซับซ้อนอากาศแสนสดชื่น ไปสั่งกาแฟจากตู้เสบียงนั่งดื่มชมบรรยากาศ ก่อนรถไฟจะเข้าอุโมงค์ขุนตานเมื่อไปถึงสถานีขุนตานจะมีอาหารเช้าใส่กระทงใบตองจากชาวบ้านมาขาย ข้าวกำลังร้อนกินแล้วจะความสุขและท่านจะลืมที่ท่องเที่ยวดังๆหลายที่ที่เคยไป
หลังจากรับน้องรถไฟ พวกผมก็มักจะใช้บริการรถไฟไปกลับกรุงเทพเชียงใหม่เป็นประจำ จำได้ว่าปิดเทอมแรกหลังจากพวกเรามาอยู่หลายเดือนก็คิดถึงบ้าน พวกเราปี1 ก็คงมีวิชาเรียนเหมือนกันสอบวันเดียวกัน ตั้งหน้าตั้งตารอสอบวันสุดท้ายรอสอบเสร็จจะได้กลับบ้าน ปรากฏว่าเหมือนนัดกันวันนั้นพวกปี1 ในหอชายสี่พากันไปขึ้นรถไฟกลับบ้านเกือบหมดใครยังอยู่หอคงเหงาพิลึก เรื่องจองตั๋วจองที่นั่งจะได้หรือไม่ได้พวกเราไม่สนใจด้วยความอยากกลับบ้านขอให้ได้ขึ้นรถก่อน จะตั๋วยืนหรือตั๋วนั่งก็ได้ พอมาเจอกันบนรถเลยสนุกยิ่งกว่ารับน้องรถไฟและตอนนี้เราก็รู้จักมักคุ้นหน้ากันมาเทอมนึงแล้วแต่ละคนเลิกเหนียมอาย
วันนั้นรถไฟขบวนกลางคืนจากเชียงใหม่ไปกรุงเทพโดนพวกเราเหมาตู้โดยสารกันโดยพฤตินัย คือทั้งตู้มีแต่นักศึกษา มช คุยกันเสียงดังลั่นนั่งๆนอนๆกันเต็มทางเดิน หนักเข้าก็เริ่มตั้งวงเมรัยตีกลองร้องเพลงกันครึกครื้น สนุกไปอีกแบบนึง ดูไปก็คล้ายๆรถไฟไปทอดผ้าป่าหรือฉิ่งฉับทัวร์ และคงไม่มีใครอื่นกล้าขึ้นตู้พวกเรา ส่วนเจ้าหน้าที่คงรำคาญไม่อยากมายุ่งเท่าไหร่ ตอนนั้นค่าตั๋วรถไฟกรุงเทพเชียงใหม่ชั้นสามตั๋วยืนหรือตั๋วนั่งเท่ากันประมาณ 130 บาท
การขึ้นรถไฟโดยเฉพาะชั้นสามในรถไฟทางไกลท่านผู้อ่านจะต้องมีเทคนิคแพรวพราวดูว่าวันไหนคนเยอะคนไม่เยอะ คนขึ้นรถไฟประจำจะรู้ว่าไอ้การไปขึ้นรถไฟชั้นสามช่วงเทศกาลนั้นเหมือนตายทั้งเป็นหรือตายท้องกลม วันสงกรานต์ วันพระใหญ่ เข้าพรรษา วิสาขะบูชา วันพวกนี้ถ้าไม่ได้จองตั๋วจะต้องยืนจนถึงป้าย ทีนี้การยืนบนรถไฟก็ต้องยืนเกาะพนักเก้าอี้ตาก็จ้องกับไอ้คนนั่งเมื่อไหร่จะลุกให้นั่งบ้าง ยืนก็ไม่เป็นสุขแม่ค้าขายของเดินเบียดแถมด่าอีกด้วยถ้าไม่หลบและแม่ค้าไม่ได้มีคนเดียวต้องหลบต้องเอี้ยวกันทั้งคืน
เวลาเทศกาลเราจึงต้องจองที่นั่งเพื่อประกันว่าจะได้ไม่ต้องยืนหรืองดเดินทางช่วงนั้น แต่ถ้าเป็นเวลาทั่วไปไม่มีเทศกาลคนที่ขึ้นรถไฟชั้นสามก็จะรู้ว่า จะนั่งจะนอนตรงไหนก็ได้ ที่นั่งมันก็ว่างจริงๆ นอนกันคนละเก้าอี้ได้เลยตู้โดยสารนึงมีผุ้โดยสารไม่กี่คน เวลาทั่วไปก็ไม่เห็นต้องจองตั๋วเพราะมันไม่เต็ม เทคนิคการนั่งรถไฟชั้นสามจึงต้องคนเคยนั่งจริงๆจะเข้าใจ
มีครั้งนึงตอนอยู่ประมาณปีสามผมจะกลับบ้านก็ไปจองตั๋วรถไฟไว้โดยรถออกประมาณทุ่มหรือสองทุ่ม ก็ขอให้หญิงโอ๋กับหญิงอ้อ เพื่อนผู้เมตตาในเมเจอร์ช่วยไปส่งที่สถานี ก็พากันซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์ไปถึงสถานีรถไฟสองสาวผู้มีจิตใจดีก็อุตส่าห์ขึ้นไปส่งถึงที่นั่ง ตอนนั้นมันเป็นช่วงที่ไม่ใช่เทศกาลทั้งตู้ก็มีประมาณสามคนใครอยากนั่งตรงไหนก็นั่งตามสบาย เผอิญมีพี่คนนึงแกดันมานั่งตรงที่ผมจองไว้ ซึ่งพวกที่นั่งชั้นสามกันประจำก็คงไม่แปลกใจอะไรเพราะมันว่างไปหมดจะนั่งตรงไหนก็ได้ แต่หญิงโอ๋กับหญิงอ้อก็ดันรู้ว่าผมจองที่ไว้
สองคนนี้ก็แสดงความเป็นคนเจ้าหลักการเป็นที่ตั้ง บอกว่าผมจะต้องนั่งตรงที่จองไว้และเริ่มไปโวยวายเปิดศึกกับพี่คนนั้นซึ่งแกก็คงงงว่าที่นั่งตั้งเยอะแยะจะมาแย่งที่กูทำไม แกก็ไม่ลุกเพราะคงโมโหตาเริ่มขวาง ผมนึกในใจซวยแล้วไอ้สองตัวนี้มันคงไม่เคยนั่งรถไฟชั้นสามแน่แล้ว พยายามสะกิดบอกว่าเดี๋ยวเราไปนั่งตรงอื่นก็ได้นะ หญิงโอ๋กับหญิงอ้อหันกลับมาเล่นงานผมหาว่าผมจะไปแย่งที่นั่งคนอื่นที่จองไว้ ยังไงผมจะต้องนั่งที่ตรงนี้
ป้าคนที่นั่งเก้าอี้ถัดไปมองพวกเราแบบเวทนาและก็คงนึกว่าพวกมึงบ้ากันรึไง ที่นั่งว่างทั้งตู้จะมาแย่งกันนั่งตรงนี้ แกก็อุตส่าห์กวักมือเรียก ”หนูมานั่งที่นี่ก็ได้ ว่างลูก”แต่การโต้แย้งดำเนินไปอย่างดุดันจนพี่คนนั้นต้องฮึดฮัดลุกไปนั่งที่อื่น เหมือนชัยชนะกลับมาเป็นของหญิงโอ๋กับหญิงอ้อ ทั้งสองคนลงจากรถด้วยความฮึกเหิมในชัยชนะพร้อมโบกมือส่งยิ้มระรื่นให้ผมก่อนจากไป ทิ้งให้ผมนั่งคนเดียวหันไปดูพี่คนนั้นตาขวางมากต้องรีบหันกลับมา นอนเสียวทั้งคืนว่าพี่แกจะเอามีดมาจิ้มพุงตอนไหนนึกในใจตูไม่น่าเอาพวกมันมาส่งเลย
กลับไปตอนผมมาถึงเชียงใหม่ดีกว่า ตีห้ากว่าๆรถไฟเข้าเทียบชานชาลาที่สถานีรถไฟเชียงใหม่ เราก็ทยอยลงจากรถไฟ มีรุ่นพี่มาคอยต้อนรับด้วยมาลัยมะลิ ผมรู้สึกว่าหอมชื่นใจมากๆสำหรับพวงมาลัยมะลิ สังเกตดูรุ่นพี่ส่วนใหญ่จะใส่เสื้อหม้อห่อมซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของคนภาคเหนืออย่างหนึ่งที่เขารณรงค์ให้ใส่กัน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา