14 ธ.ค. 2021 เวลา 07:23 • การตลาด
Body Piercing กับหลากวัฒนธรรม ความเชื่อ และแฟชั่น
การเจาะร่างกายเพื่อสวมใส่เครื่องประดับนั้นมีประวัติมานานหลายพันปี ด้วยเป็นวัฒนธรรมรูปแบบหนึ่งที่อยู่คู่กับอารยธรรม ความเชื่อ และขนบธรรมเนียมของมนุษย์ ซึ่งพบเห็นได้จากทั่วทุกมุมโลก กระทั่งปัจจุบันพัฒนามาเป็นกระแสแฟชั่นที่ใช้สร้างความโดดเด่นเฉพาะตัว จะมีเนื้อหาอย่างไร ตามอ่านได้ในบทความนี้ https://bit.ly/3lZeot1
ภาพของบุคคลที่เจาะรูตามส่วนต่างๆ บนร่างกายเพื่อตกแต่งเครื่องประดับรูปทรงต่างๆ ขนาดเล็กใหญ่ พร้อมกระแทกสายกีตาร์ระเบิดเสียงเพลงด้วยโน้ตดนตรีสูงต่ำท่วงทำนองหนักหน่วงบาดหู เป็นภาพที่คุ้นตาเป็นอย่างดีของเหล่าร็อคสตาร์ทั้งหลาย นำมาซึ่งการสร้างค่านิยมในหมู่สาวกหนุ่มสาววัยรุ่นผู้คลั่งไคล้และต่างยกให้พวกเขาเป็นไอดอล จนเกิดการลอกเลียนแบบการแต่งกาย รวมถึงการเจาะร่างกายจนกลายเป็นการแสดงออกรูปแบบหนึ่งของวัฒนธรรมชาวร็อค
ร็อคสตาร์และการเจาะส่วนต่างๆ บนใบหน้า ภาพจาก: Pinterest
การเจาะร่างกาย (Body Piercing) ไม่ใช่เรื่องใหม่ ความสวยงามที่ต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดนี้มีประวัติมานานหลายพันปี มันเป็นอะไรที่มากกว่าคำว่าแฟชั่น ด้วยเป็นรากเหง้าทางวัฒนธรรมรูปแบบหนึ่งที่อยู่คู่กับอารยธรรม ศาสนา ความเชื่อ และขนบธรรมเนียมของมนุษย์ในทั่วทุกมุมโลก
เริ่มต้นกันที่อียิปต์… ชาวอียิปต์โบราณนิยมเจาะรูที่บริเวณใบหูและใส่วัตถุกลมกลวงขนาดใหญ่เพื่อขยายรูดังกล่าวให้มีขนาดใหญ่ การกระทำเช่นนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงออกซึ่งฐานะ ทั้งยังเป็นตัวชี้วัดความงามของบุคคลผู้นั้นอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีธรรมเนียมการเจาะและประดับเครื่องตกแต่งบริเวณสะดือ ซึ่งถูกจำกัดสิทธิ์สำหรับฟาโรห์เพียงผู้เดียวเท่านั้น ใครก็ตามที่ละเมิดกฎดังกล่าวด้วยการอาจเอื้อมเจาะสะดือจะได้รับโทษหนักถึงชีวิต
นักรบชายชาวโรมันมีธรรมเนียมการเจาะและคล้องห่วงเล็กๆ ที่บริเวณหัวนม การกระทำนี้เป็นสัญลักษณ์ของการแสดงออกถึงความกล้าหาญ ความสามัคคี และการอุทิศชีวิตเพื่อจักรวรรดิโรมัน มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ระบุว่าจูเลียส ซีซาร์ (Julius Caesar) แม่ทัพโรมันขวัญใจพระนางคลีโอพัตรา ยึดถือขนบปฏิบัตินี้อย่างเคร่ดครัดเพื่อแสดงถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของตัวเขาและเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชา
ธรรมเนียมการเจาะร่างกายของชาวแอสเทค (Aztec) แห่งชนเผ่ามายัน นอกจากเพื่อให้ดูดุดันน่าเกรงขามเป็นที่กลัวเกรงของศัตรูแล้ว ยังเป็นส่วนหนึ่งของความเชื่อทางศาสนาอีกด้วย พวกเขาเชื่อว่าโลหิตที่หลั่งออกมาจากการเจาะนั้นเปรียบได้กับการแสดงความเคารพ และเป็นใบเบิกทางอันจะช่วยนำพาพวกเขาให้ได้ใกล้ชิดกับเทพพระเจ้ามากขึ้น
วัฒนธรรมการเจาะร่างกายของชาวมายัน ภาพจาก: Pinterest
หญิงสาวในชนเผ่าบางแห่งของทวีปแอฟริกาต้องเจาะบริเวณริมฝีปากล่าง หรือใบหู และขยายรูให้มีขนาดใหญ่ขึ้นด้วยการบรรจุแผ่นไม้ หรือดินเผาวงกลมลงไป การกระทำอันน่าเจ็บปวดนี้ถูกยกให้เป็นธรรมเนียมและกฎเกณฑ์อันเคร่งครัดของเผ่า เด็กหญิงทุกคนจะต้องผ่านธรรมเนียมนี้เพื่อแสดงถึงการก้าวเข้าสู่วัยสาวและพร้อมสำหรับการแต่งงาน ยิ่งไปกว่านั้น มันยังเป็นเครื่องบ่งชี้ความงามของหญิงสาวซึ่งจะทำให้หล่อนเป็นที่หมายปองของบรรดาชายหนุ่มในเผ่าอีกด้วย
ธรรมเนียมการเจาะร่างกายของหญิงสาวชนเผ่าในทวีปแอฟริกา ภาพจาก: Pinterest
ชาวตะวันตกในยุคกลางเจาะผิวหนังบนร่างกายเพื่อให้สามารถใส่ก้านโลหะให้ติดไว้กับตัวเพื่อเป็นเครื่องป้องกันอันตรายจากเหล่าแม่มด ด้วยมีความเชื่อว่าโลหะสามารถเผาทำลายผิวหนังและร่างของแม่มดได้
ในยุคเรเนสซองซ์ (Renaissance) เหล่าขุนนางหนุ่มทั้งหลายมีค่านิยมการเจาะหูหนึ่งข้างเพื่อสวมใส่ต่างหูที่ทำจากอัญมณีขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเพชร พลอยสี หรือไข่มุก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประกาศศักดาและอวดอ้างฐานะ รวมถึงเพื่อดึงดูดความสนในจากบรรดาหญิงสาวในราชสำนัก
ความนิยมเจาะและสวมต่างหูยังแพร่สะพัดไปยังเหล่าโจรสลัดและนักเดินเรือ หากแต่เหตุผลของเรื่องนี้หาใช่เพื่อความสวยงามหรือการอวดอ้างฐานะ วัตถุประสงค์ของคนกลุ่มนี้คือ เพื่อใช้เป็นเครื่องแสดงออกถึงความเคารพต่อเทพเจ้าแห่งท้องทะเล นอกจากนี้ หากเขามีอันต้องเสียชีวิตลงในระหว่างการเดินทาง ต่างหูจะช่วยการันตีได้ว่าร่างของเขาจะได้รับการนำกลับสู่แผ่นดินใหญ่รวมถึงเป็นค่าใช้จ่ายในการประกอบพิธีศพ
เหล่านี้เป็นเพียงบางส่วนของเรื่องราวที่เกี่ยวกับวัฒนธรรม ธรรมเนียม และความเชื่อของการเจาะร่างกาย ปัจจุบันการเจาะร่างกายได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายเพิ่มมากขึ้น หากแต่กลายเป็นเรื่องของแฟชั่นและการแสดงออกซึ่งความเป็นตัวตนมากกว่าความเชื่อหรือขนบธรรมเนียมประเพณี
แฟชั่นการเจาะหูของ K-Pop ภาพจาก: Pinterest
Rihanna กับแฟชั่นการเจาะจมูก ภาพจาก: Fashion Sizzle
อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเจาะร่างกายควรทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือช่างผู้มีความชำนาญ เนื่องจากบริเวณต่างๆ บนร่างกายนั้นประกอบด้วยเนื้อเยื่อ เส้นประสาท และกล้ามเนื้อ หากเกิดความผิดพลาดผลที่ได้อาจไม่ใช่อย่างที่หวัง และต้องไม่ลืมว่าการเจาะร่างกายคือการทำให้เกิดบาดแผล ดังนั้น ควรใส่ใจและให้ความสำคัญกับความสะอาด และความปลอดภัย เพราะการละเลยหรือมองข้ามเรื่องเล็กๆ นี้ อาจก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพตามมาก็เป็นได้
ข้อมูลอ้างอิง
1. Tribu London. History of Body Piercing. Retrieved on 15 June 2020 from https://tribu.co.uk/pages/history-of-body-piercing
2. ATI. Piercing: A Cultural History of Holes. Retrieved on 15 June 2020 from https://allthatsinteresting.com/history-of-piercing
3. The BMJ. Body Piercing: a hilarious global cultural practice. Retrieved on 15 June 2020 from https://www.bmj.com/rapid-response/2011/10/28/body-piercing-hilarious-global-cultural-practice
โฆษณา