15 ธ.ค. 2021 เวลา 12:14 • นิยาย เรื่องสั้น
ในคืนวันเสาร์
ถอดแมสเถอะนะ
ก็เป็นอีกหนึ่งค่ำคืน หลังเลิกงาน
คนเรามันจะมีอะไรที่ต้องการ มากไปกว่า
การพักผ่อนหย่อนใจภายในพื้นที่ ที่สบายใจ
ฉันเองก็เช่นกัน
ที่ก็ไม่ได้ต้องการอะไร มากมายไปกว่า การปลีกตัวจากบรรดาคนคุ้นเคย แล้วนั่งร้านประจำ พร้อมกับเครื่องดื่มเย็นๆ เพื่อแก้กระหาย
ภายใต้บรรยากาศอันเป็นที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี
แม้หลายสิ่งจะเปลี่ยนไป กับสถานการณ์โรคภัยที่ถาโถมเข้ามา
แสง สี เสียง นั้นสาดส่องไปทั่วบาร์อันคุ้นชิน
ควบคู่ไปกับผู้คนภายใน ที่คึกคักกันจนเกือบลืมหายใจ
“สงสัยคนเชียงใหม่จะคิดถึงบรรยากาศเหล่านี้มานานแสนนาน”
การได้นั่งมองผู้คนแปลกหน้าสนุกสนาน เคล้าเสียงเพลง
มันช่างเป็นความสุข อย่างง่าย ที่ผมเฝ้ารอคอย อยู่ทุกวี่วัน เมื่อยามตะวันตกดิน
แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
เมื่อผมเพิ่งสังเกตได้ ว่าสุภาพสตรีผู้เงียบขรึม ซึ่งนั่งอยู่ข้างกัน กลับใส่แมสอย่างเป็นจังหวะสลับกับการยกน้ำข้าวหมัก ด้วยความกล้ำกลืน มากกว่ากระหาย
สายตาอันบอบช้ำ กับร่องรอยคราบน้ำตา ครั้งก่อนยังไม่ทันแห้งหาย
ก็เปียกปอนไปด้วยสายน้ำครั้งใหม่ ที่หลั่งไหลออกมา อย่างไม่ขาดสาย
ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเอาเสียเลย ที่จะสามารถทำตัวปกติได้ แม้เราต่างจะเป็นเพียงแค่ “คนแปลกหน้า” ของกันและกันก็ตาม
 
มันยากมากเลยนะ
ในการจะแยกโสดประสาท เพื่อนั่งเขียนบทความ พร้อมไปกับสังเกตอาการ ใครบางคนที่กำลังทุกข์ระทมอยู่กับความเสียใจ
“ขอโทษนะครับผมขอกระดาษทิชชูเพิ่มได้ไหม?”
ผมที่ได้เอ่ยคำขอออกไป กับน้องพนักงานที่คุ้นเคย
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
กับความพยายามในการผลักซองทิชชูให้เข้าไปใกล้ตัวเธอคนนั้นให้ได้มากที่สุด โดยที่ไม่ผิดสังเกตจนเกินไป เพราะรู้ดีว่ายังไง กระดาษสองแผ่นสุดท้ายที่เหลืออยู่ตรงนั้น คงไม่เพียงพอต่อน้ำตา และความต้องการของเธอเป็นอย่างแน่นอน
จากนั้นไม่นาน เธอกลับเริ่มใส่แมสเป็นเวลานานขึ้น เหลือเพียงแต่บรรยากาศอันเรียบเฉย เหมือนน้ำในแก้วของเธอ กับรสชาติเริ่มจืดจางเพราะน้ำแข็งได้ละลายจนหมดแล้ว
สวนทางกับความอัดอั้นที่พร้อมปะทุออกมา ก่อตัวอยู่ภายใต้หน้ากาก N95 ที่ไม่มีท่าทีว่า จะสงบลงได้เลย เหลือเพียงเวลาปะทุมันออกมา เพียงเท่านั้น
แต่อย่างน้อยตอนนี้ ผมก็สบายใจ ที่ทิชชูซองใหม่ได้ส่งถึงข้างกายเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แล้วภายใต้หน้ากากนั่นล่ะ ผมควรทำยังไงดี
เพราะผมเองก็รู้ดี ว่ามันไม่สามารถช่วยให้เธอปกปิดความรู้สึกนี้เอาไว้ได้หมดหรอก
“ขอโทษนะครับ ไม่ได้ตั้งใจจะวุ่นวายนะ แต่แมสนั้นมันช่วยอะไรคุณไม่ได้หรอกนะ ผมพูดจริงๆ”
ผมจะไม่ถามหรอกนะว่าคุณเป็นอะไร แต่สิ่งเดียวที่สามารถช่วยคุณได้ในตอนนี้ คงมีเพียงแต่เครื่องดื่มตรงหน้าคุณเพียงเท่านั้น
มันได้ผล เธอยอมรับฟัง
ท่าทางการถอดแมสอย่างจริงจัง แล้วยกแก้วแบบไม่บันยะบันยัง ราวกับว่าเธอได้รับการปลดเปลื้องทางอารมณ์ ออกมาได้สำเร็จแล้วไปอีกขั้น
และแล้วเวลาก็ไล่วงเลยไป กับบทสนทนา ที่ว่าด้วยเรื่องของความในใจ
ดูเหมือนว่าการที่คุณได้ระบายมันก็ช่วยให้คุณได้สบายใจมากขึ้นแล้ว
แต่นั่นคงยังไม่พอหรอกสำหรับการปลดเปลื้องอารมณ์ แม้ลมปากจะถูกปลดปล่อยแล้ว
แต่ๆต่อมน้ำตา กลับเริ่มกลับมาเอ่อล้นอีกครา
เธอเอาอีกแล้ว เธอหยิบแมสออกมาอีกแล้ว พร้อมกับกำมันอย่างแน่น
ผมนั้นรู้ดีว่า เธอไม่ได้กลัวติดโรคระบาดจากผมหรอก แต่เธอเพียงแค่อดทน และอดกลั้น ที่จะได้ทำตามคำแนะนำของชายแปลกหน้าผู้นั่งข้างเธอคนนี้ ก็เท่านั้น
ไม่นะ
ไม่ทันการ เธอใส่มันกลับเข้าไปอีกแล้ว นี่มันอะไรกัน ผมแค่ออกไปสูบบุหรี่ไม่ถึงห้านาทีเท่านั้น เธอก็กลับมาทำสิ่งนั้นอีกครั้งแล้ว
“เชื่อผมเถอะนะ ถอดมันออกเถอะ”
อย่ากลับไปใส่มันอีกเลย
เพราะถึงแม้ว่ามันจะสามารถทำให้คุณร้องไห้มันออกมาอย่างอย่างคนเก็บทรงก็ตาม
แต่นั่นมันไม่อาจทำให้ความรู้สึกของคุณได้รับการปลดปล่อยแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย
เพราะการร้องไห้ ไม่เคยเป็นเรื่องที่ผิด แปลกสำหรับ โลกใบนี้ ผู้คนในสังคม ไม่มีสิทธิเป็นเจ้าเข้าเจ้าของน้ำตาของใคร
แล้วนั่นแหละคุณไม่จำเป็นต้องปกปิด
เพราะทุกคนนั้นมีสิทธิ์ในอารมณ์ของตัวเอง แล้วผมก็ทำมันได้อีกครั้ง เธอยอมรับฟัง
“ขอบคุณนะที่ยอมรับคำแนะนำจากคนแปลกหน้า”
แล้วไม่ทันไร
น้ำที่ยังไหลก็กลายก็ได้ทะลักออกมามากกว่า แต่น้ำตาที่ไหลกลับเปล่ยนเป็นความปิติ และเข้าใจ ว่าทำไม คนเราต้องพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้ด้วย
ถึงแม้ความรู้สึกจะไม่สามารถจางหายได้ภายในคืนเดียวก็ตาม
แต่นั่นไม่เป็นไร ผมสบายใจที่ปลดเปลื้องอารมณ์คุณได้ก็เท่านั้น
ว่าแต่ว่าตอนนี้ร้านปิดแล้วนะคุณ
“ให้ผมไปส่งไหม?”
𝙼𝚒𝚍𝚗𝚒𝚐𝚑𝚝𝙼𝚎𝚜𝚜𝚊𝚐𝚎𝙱𝚘𝚡

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา