23 ธ.ค. 2021 เวลา 14:08 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
เป็นเวลากว่า 20 ปีที่นักวิทยาศาสตร์ได้ถามคำถามว่า “ทำไมคยบางคนถึงมีความสุขและพึงพอใจกับชีวิตมากกว่าคนอื่น?” …… สังคมออนไลน์ได้ตอกย้ำให้ทุกคนรู้สึกประสบความสำเร็จไม่มากพอ พยายามไม่มากพอ สิ่งที่คุณฝันสิ่งที่คุณอยากได้นั้นมันไร้ค่าไร้ความหมาย คุณจะต้องมีเงินไม่ใช่แค่ล้านแต่ร้อยล้าน คุณจะต้องมีประสบการณ์ที่น่าทึ่งและตื่นเต้นทุกวัน คุณต้องดูดีตลอดเวลา มีเพื่อนดัง ๆ และมีเนื้อคู่ที่เฟอร์เฟ็ค แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็บอกคุณว่า คุณยังพยายามไม่มากพอต้องพยายามขึ้นไปอีก กลายเป็นหลุมดำที่ไม่มีวันเติมเต็ม
ความรู้สึกเหล่านี้กัดกินหัวใจที่เหนื่อยล้าของเราทุกวินาที แล้วจะมีทางไหนที่จะกลับมาดูแลหัวใจตัวเราเองให้หลุดพ้นกับดักทางสังคมที่มากขึ้น จะมีทางไหนที่จะทำให้เรามีความสุขได้จริง ๆ สักที
.
“การขอบคุณ”(Gratitude) คำหนึ่งคำที่ง่าย ๆ ฟังดูเหมือนการพัฒนาตนเองใน facebook หรือไลฟ์โค้ชที่เห็นได้ทั่วไป แต่สิ่งที่เราจะพูดถึงคือการศึกษาที่เป็นวิทยาศาสตร์
การขอบคุณนั้นอาจมีความหมายแตกต่างกันไปในแต่ละคน แต่ละวัฒนธรรม และแต่ละบุคลิก แต่สิ่งที่วิทยาศาสตร์ยีนยันคือมันทำให้เกิดปฏิกิริยาในสมอง และมันสามารถสร้างความสุขได้ มันพบได้ทั่วไปในหมู่สิ่งมีชีวิตไม่ว่าจะเป็นปลา นก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เป็นพฤติกรรมที่ฝังอยู่ในดีเอ็เอของเรา
.
หากคุณกำลังขนถือของอย่างพะรุงพะรัง แต่ก็มีคนเสนอตัวช่วยถือของให้ สิ่งนี้ทำให้กระตุ้นให้สมองเกิดความรู้สึกขอบคุณและกระตุ้นให้คุณอยากตอบแทน มันอาจจะเป็นรอยยิ่มหรือคำกล่าวว่า “ขอบคุณ” ซึ่งมันก็ไปกระตุ้นให้ผู้ที่ช่วยเหลือคุณเกิดความรู้สึกดี
รูปภาพโดย macrovector จาก Freepik.com
กระบวนการเหล่านี้กลายเป็นสิ่งที่ทำให้บรรพบุรุษของเรามีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมต่อกัน มีความผูกพันธ์และรวมตัวกันอย่างเหนียวแน่น การได้คอยช่วยเหลือกันนี้ทำให้มนุษย์โลดเล่นอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างยาวนาน ดังนั้นการขอบคุณจึงเป็นหนึ่งในวิธีการสร้างความสุข
.
วิธีที่มีงานวิจัยรองรับมากที่สุดคือ “การจดบันทึกความขอบคุณ” เพียงเคยจดถึงสิ่งที่อยากขอบคุณไม่กี่อย่างต่อวัน เช่นกลิ่นอาหารแสนอร่อย ท้องฟ้าที่สดใส เจ้าเหมียวที่คุณเจอ หรือแม้แต่การที่รองเท้าของคุณยังไม่พังในวันนี้ แต่เพราะเราทุกคนแตกต่างกัน ดังนั้นมีเพียงแค่ตัวคุณเองที่บอกได้ว่าการขอบคุณอะไรที่เหมาะกับคุณ
จำไว้ว่าสิ่งนี้ไม่จำเป็นต้องไปซื้อคอร์ส หรือซื้ออะไรจากใครที่ไหนก็ตาม มันต้องการเพียงแค่กระดาษและปากกา หรือจะจดบันทึกในโทรศัพท์ของเราเองก็ได้ แค่นั้นจริง ๆ จนมันอาจฟังดูง่ายเกินไปเหมือนไร้สาระ
.
แต่การศึกษาจำนวนมากระบุว่าผู้เข้าร่วมงานวิจัยเกือบทั้งหมดบอกว่าพวกเขามีความสุขขึ้นและพึงพอใจกับชีวิตโดยรวมมากขึ้นหลังจากจดบันทึกเพียงไม่กี่สัปดาห์ ยิ่งไปกว่านั้นนักวิทยาศาสตร์พบว่าการเปลี่ยนแปลงของสมองยังคงอยู่แม้จะผ่านไปนานหลายเดือนหลังการจดบันทึก
.
”ผลการศึกษาของเราสนับสนุนทฤษฎีว่าที่การขอบคุณช่วยให้สามารถระลึกถึงเหตุการณ์เชิงบวกมากขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมาได้อย่างน่าเชื่อถือมากกว่าผู้ที่ไม่ทำที่อยู่กลุ่มเปรียบเทียบ” จากงานวิจัย Grateful recounting enhances subjective well-being: The importance of grateful processing
รูปภาพโดย pch.vector จาก Freepik.com
คนที่มีความรู้สึกขอบคุณไม่ว่าจะกับอะไรเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม ทำให้เกิดความรู้สึกดี ๆ ต่อตนเองมากยิ่งขึ้น พวกเขาจำเหตุการณ์หรือประสบการณ์ดี ๆ ได้ง่ายขึ้น นิสัยทางลบหรือความรู้สึกทางลบลดลงไม่ว่าจะเป็นความอิจฉา การเปรียบเทียบทางสังคม ความหลงตัวเอง การรู้สึกโดนถากถาง หรือความเป็นวัตถุนิยม
.
คนเหล่านั้นจะมีความรักที่ดีกว่า คบเพื่อนใหม่ได้ง่ายกว่า นอนหลับได้ง่ายกว่า และยังมีแนวโน้มซึมเศร้า เบื่อ หรือเหนื่อยล้าน้อยกว่า อีกทั้งยังจัดการตัวเองกับเรื่องร้าย ๆ ได้ดีกว่า งานวิจัยเหล่านี้บอกเราว่าเราสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งแย่ ๆ ภายในใจได้โดยไม่ต้องใช้อะไรมากมาย
ถ้าคุณทำงานหนักมาอย่างยาวนานเพื่อให้ได้อะไรบางอย่างที่คุณหวังไว้ แต่พอได้สิ่งนั้นจริง ๆ กลับรู้สึกกลวงและไร้ความหมาย คุณก็จะเกิดความรู้สึกไม่เติมเต็มเหมือนตอนแรก และพยายามต่อไปเพื่อคว้าสิ่งที่ใหญ่ขึ้นที่หวังจะตอบสนองความพอใจได้ จนคุณรู้สึกเป็นผู้แพ้และกดดันตนเองตลอดเวลา
.
หากเป็นอย่างนั้นลองขอบคุณ ขอบคุณหนึ่งสิ่งในหนึ่งวันอย่างค่อยเป็นค่อยไป ชีวิตมนุษย์นั้นยากลำบาก แต่ก็ไม่จำเป็นต้องยากลำบากขนาดนั้น หากคุณลองมองหาชีวิตรอบ ๆ ตัว คุณอาจพบว่าชีวิตนั้นดีกว่าที่เคยคิดไว้
รูปภาพโดย pikisuperstar จาก Freepik.com
โฆษณา