Blockdit Logo (Mobile)
Think Trade Think DITP
•
1 ม.ค. 2022 เวลา 23:00 • ธุรกิจ
เจาะลึกตลาดผลไม้อินเดียและโอกาสผลไม้ไทย
อินเดียเป็นประเทศที่มีประชากรหนาแน่นเกว่า 1,390 ล้านคน สูงเป็นอันดับ 2 ของโลก มีพื้นที่ขนำด 3,287,263 ตารางกิโลเมตร ซึ่งถือว่าใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลก มีรัฐทั้งหมด 29 รัฐ จากพื้นที่ประเทศที่มีขนาดใหญ่และมีประชากรจำนวนมากนี้ ส่งผลให้อินเดียที่มีความหลากหลายในด้านวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี การดำรงชีวิต อาหารและการเพาะปลูก จากขนาดพื้นที่ขนาดใหญ่ของประเทศนี้ ส่งผลให้อินเดียมีการเพาะปลูกผลไม้หลากหลายและแตกต่างกันในแต่ละรัฐของอินเดีย โดยผลไม้ที่มีความใกล้เคียงกับผลไม้ไทย เช่น มะพร้าว อ้อย ขนุน ละมุด มะม่วง ทับทิม ฝรั่ง มะละกอ และกล้วย
3
ในปัจจุบัน อินเดียได้เริ่มมีการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจอื่นๆ ที่มีราคาสูงในตลาดอินเดีย เช่น มังคุด เงาะ แก้วมังกร และทุเรียน ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการรู้จักผลไม้ท้องถิ่นความสำคัญในอินเดีย เพื่อหาช่องว่างและโอกาสสำหรับการนำผลไม้ไทยมานำเสนอต่อผู้บริโภคอินเดีย
กระบวนการและเอกสารประกอบการนำเข้าสินค้าผลไม้ของอินเดีย
สำหรับการนำเข้าผลไม้มายังประเทศอินเดียนั้น ผู้นำเข้าจะต้องดำเนินการตามข้อกำหนดของหน่วยงาน Food Safety and Standard Authority of India (FSSAI) และหน่วยกักกันพืช ซึ่งกำหนดให้การนำเข้าผลไม้จะต้องแสดงเอกสารด้านสุขอนามัยพืช (Phytosanitary Certificate) จากหน่วยงานในประเทศผู้ส่งออก ประกอบกับหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าโดยข้อกำหนดสำหรับผลไม้แต่ละชนิดมีความแตกต่างกันไป เช่น เงาะจะต้องผ่านการรมควันเพื่อกำจัดแมลง รวมถึงจะต้องผ่านการตรวจสอบสารตกค้างไม่ให้เกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนด (minimum residue level) และ ข้อกำหนดเรื่องการติดฉลากด้วย
ทั้งนี้ ผู้ส่งออกสามารถศึกษาข้อมูลกฎระเบียบของการนำเข้าผลไม้ของอินเดีย รวมถึง อัตราภาษีนำเข้าของผลไม้ แต่ละชนิดได้ที่เวปไซต์ของกรมศุลกากรและสรรพสามิต กระทรวงการคลังของอินเดีย https://icegate.gov.in และจากหน่วยงานด้านความปลอดภัยอาหาร http://www.fssai.gov.in/ สำหรับการนำเข้าผลไม้ประเภทมังคุด มะขามหวาน มะม่วง ทุเรียน เงาะ ลำไย ฝรั่ง จากประเทศไทย จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ศุลกากรในการนำเข้าอินเดียภายใต้ความตกลงการค้าเสรี FTA ซึ่งผู้ส่งออกจะต้องเตรียมแสดงเอกสารใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าเพื่อขอใช้สิทธิการนำเข้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรีดังกล่าว
ทั้งนี้สามารถอ่านรายงานเชิงลึกฉบับเต็มได้ที่
โฆษณา