7 ม.ค. 2022 เวลา 09:32 • ไลฟ์สไตล์
หากคุณไม่ใช่พ่อแม่ คุณจะไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่กำลังสูญเสียลูกวัย 8 เดือน เมื่อเจ้าหน้าที่ที่ประตูทางเข้าโรงพยาบาลบอกว่าพวกเขาอยู่ในพื้นที่ปิด และจะไม่ได้รับการรักษา..
1
ไวรัสยังไม่ร้ายเท่าผู้คน.....การปิดเมืองได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว!
3
ในโลกนี้มีอะไรช่วยกันได้ แบ่งปันกันได้ ...ก็ทำเลย... ต้องเข้าใจกันว่า ในความเป็นสังคมโลก ถ้าประเทศอื่นๆ ไม่รอด ถึงประเทศตัวเอง "ประเทศเดียวรอด" มันก็ไม่รอดและอยู่ไม่ได้!
1
ฉะนั้น ช่วยได้ ต้องช่วยกัน เพื่ออยู่ร่วม แบบนั้น "โลกทั้งโลก" จึงจะรอด
1
กลับมาที่หญิงตั้งครรภ์ในซีอานอายุ 8 เดือนที่กำลังมีปัญหาในการตั้งครรภ์
1
มุกนี้เกิดเมื่อ 29 ธันวาคมเป็นวันฝันร้ายสำหรับครอบครัวในเขตเป่ยหลิน นี้ยังเป็นความผิดหวังสำหรับเมืองที่เขารัก
7
หญิงท้องที่ซีอานแท้งลูก กล่าวคือ ลูกในท้องวัยแปดเดือนที่เสียชีวิตก่อนได้เห็นโลก มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าจริงๆ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างออกไปหลายพันไมล์ แต่คำพูดและประโยคที่พรั่งพรูออกมาก็ทำให้ผู้คนโกรธและสิ้นหวัง
1
ในวันที่อากาศหนาวเย็น เมื่อเธอตื่นนอนเวลาประมาณ 10 โมงเช้า มีเลือดออกเป็นสีแดงเล็กน้อย สามีของเธอกดเรียก 120 ทันที
เจ้าหน้าที่ป้องกันการแพร่ระบาดที่ติดต่อประสานงานในชุมชนกล่าวว่าพวกเขาติดต่อรถและติดต่อกับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลให้มารับ...
ขณะนั้นยังมีหญิงตั้งครรภ์ที่น้ำคร่ำแตกในชุมชนอีกรายนึงด้วย
1
ตำรวจเขตเป่ยหลินที่ชุมชนติดต่อมาส่งพวกเขาไปที่โรงพยาบาลใกล้ๆในมณฑลส่านซี โรงพยาบาลบอกว่าเขาอยู่ในพื้นที่ปิด และไม่ได้รับการอนุมัติให้การรักษาพยาบาลด่วน
1
มีป้ายบอกทางเข้า รพ.เหน่งกัง ว่ากันว่ารหัสของพวกเขาเป็นรหัสสีเขียว ทางโรงพยาบาลรับเฉพาะรหัสสีแดงและรหัสสีเหลืองเท่านั้น(โถ่ววววว...)
1
หลังจากนั้นตำรวจได้ประสานงานที่นั่นแล้ว แต่พวกเขาไม่สามารถทำอะไรกับเรื่องนี้ได้....
และ...ตำรวจที่นั่นทำคลอดไม่ได้เหมือนเมืองไทย
1
ตำรวจก็ใช้โทรศัพท์โทรไปที่ 120 แบบเดียวกัน โทรไป-มาเหมือนเล่นเตะบอล เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้ทำตามระเบียบ 12345...ก็ยังผ่านไม่ได้
1
พวกเขาผ่านออกไปยังกองบัญชาการโรคระบาดในเขตเป่ยหลินไม่ได้
และมีหญิงตั้งครรภ์อีกคนหนึ่งที่รอการช่วยเหลือในชุมชน เธอกับสามีรออย่างช่วยไม่ได้ที่ทางเข้าโรงพยาบาลเหน่งกัง
ในช่วงเวลานั้น พวกเขาแค่...รอรับสาย...
1
หลังจากรอเป็นเวลาหลายชั่วโมงตำรวจก็มารับหญิงตั้งครรภ์อีกคนหนึ่งในชุมชนและยังคงโทรหาผู้อำนวยการโรงพยาบาลเพื่อประสานงานต่อไป
บอกได้เพียงว่าพวกเขาควรจะส่งกลับไปที่ชุมชนเพื่อติดต่อโรงพยาบาลก่อนมา...
แต่ตอนนี้เลือดของเธอออกอีกแล้ว เธอลุกเดินขึ้นรถจากประตูโรงพยาบาล คนในรถกลับมาในรถโทรมาหาโรงพยาบาล ประมาณ 3 โมงกว่าๆ
ซึ่งดูท่าตำรวจที่ขับรถมาส่งช่วงนั้นก็เป็นห่วงเป็นใยเช่นกัน
1
โดยบอกว่าไม่รู้ว่ากองบัญชาการโรคระบาดมันอยู่ที่ไหน(วะ) ไม่อย่างนั้นจะพาพวกเขาไปที่นั่น!
เมื่อได้รถโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ขับรถพาพวกเขาไปที่ยังห้องฉุกเฉินทันที และถามเกี่ยวกับเขตควบคุมของพื้นที่ปิด สามีเธอบอกว่าเป็นกรีนโค้ด ซึ่ง..ตอนนั้นเธอพูดไม่ได้ เธอแค่รู้สึกว่า ...เลือดออกและไม่หยุด....
ตัวสั่น และเธอพูดว่าเธอมีเลือดออกไม่หยด, เธอทรุดตัวและดูหมดหนทาง
5
พยาบาลที่ประตูรีบนำขึ้นรถเข็น, ทำ PCR แล้วนำไปห้องฉุกเฉิน หมอถามเธอเมื่อเธอเริ่มมีเลือดออก เธอพูดว่าประมาณตอน 10 โมงเช้า
หมอดุว่าทำไมเธอมาสายจัง แต่(จิตใจของ)เธอไม่สามารถพูดอะไรได้อีกต่อไป!
9
ตอนกลางคืน ในหอผู้ป่วยของโรงพยาบาล เธอรู้สึกนอนไม่หลับทั้งคืน และได้รับการผ่าตัดในวันที่ 30 ธันวาคม เธอไม่ได้นอนหลับอย่างสบายเลยตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลและกลับบ้าน
ต้องขอขอบคุณตำรวจที่ติดต่อโรงพยาบาลแทนพวกเขาเป็นพิเศษ
3
เพราะตอนนี้ผมแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมโทรศัพท์ของกองบัญชาการโรคระบาดในประเทศจีนจึงไม่สามารถติดต่อได้ การโทรทุกรูปแบบเป็นเหมือนการเตะลูกฟุตบอล มันอาจเป็นการเสี่ยงเสียชีวิตของ พลเรือนได้ง่ายๆ
เกี่ยวกับเหตุการณ์หญิงตั้งครรภ์ในซีอาน มีคนพูดว่า "ปล่อยให้หญิงมีครรภ์เข้ามา แล้วถ้าเธอแพร่เชื้อให้คนกลุ่มหนึ่งล่ะ"
1
ผมขอกลับไปกรณีที่ใกล้เคียงกัน...แต่หนักกว่า....
1
สื่อญี่ปุ่น "โยมิอุริ ชิมบุน" รายงานว่าตอนนั้น...หญิงตั้งครรภ์อายุ 30 ปีในจังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อ แม้ว่าเธอจะมีอาการไข้และไอ แต่เธอป่วยเล็กน้อยและสามารถพักฟื้นได้ที่บ้าน ในเช้าวันที่ 17 หญิงตั้งครรภ์มีอาการบวมและมีเลือดออกในช่องท้อง หลังจากยืนยันอาการแล้ว ศูนย์สุขภาพจังหวัดชิบะได้มอบหมายให้สถาบันการแพทย์ในเขตอำนาจศาลรับผู้ป่วย แต่คำตอบคือ "ไม่สามารถรับได้" สตรีดังกล่าวได้คลอดบุตรได้ที่บ้าน เวลา 05:15 น. ของวันนั้น ทารกแรกเกิดเกิด แต่ในไม่ช้าก็เสียชีวิตด้วยภาวะอุณหภูมิต่ำกว่าปกติ
1
นอกจากนี้ ในจังหวัดชิบะ ชายอายุ 20 ปีมีไข้ 40 องศาในช่วงกลางเดือนสิงหาคม หลังจากได้รับการวินิจฉัยเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม แพทย์เชื่อว่าอาการโดยรวมของชายผู้นี้ไม่ได้ทรุดโทรมลงมากนัก จึงกำหนดว่าควรพักรักษาตัวที่บ้าน "ไม่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล" อย่างไรก็ตาม ในวันที่สองของการวินิจฉัย (18 สิงหาคม) ชายคนนั้นเสียชีวิต
1
ถ้าไม่ใช่สำหรับคนธรรมดา มันจะเป็นตอนจบที่ต่างออกไปใช่ไหม?
1
เมื่อไม่กี่วันก่อน มีวิดีโอหนึ่งได้รับความสนใจจากชาวเน็ตชาวญี่ปุ่น ในวิดีโอ ผู้ป่วยชาวญี่ปุ่นที่พักฟื้นที่บ้านมีอาการทรุดลง แต่โรงพยาบาลได้ปฏิเสธคำขอเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลซ้ำแล้วซ้ำเล่า มีภาระแพทย์มากเกินไปและสมาชิกในครอบครัวของผู้ป่วยกล่าวว่า "มีผู้ป่วยมากเกินไปและเป็นความจริงที่พวกเขาไม่สามารถรับรักษาในโรงพยาบาลได้ กลัวว่ายังมีผู้ป่วยจำนวนมากที่ไม่มีที่ไปเช่นนี้ ... "
1
สมาชิกในครอบครัวของผู้ป่วยถามว่า "จะทำอะไรได้อีก" หมอตอบว่า "ไม่มี"
1
สถานีโทรทัศน์ TBS ของญี่ปุ่นรายงานเมื่อวันที่ 2 สิงหาคมว่าชายวัย 50 ปีในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ขอความช่วยเหลือจากสถาบันการแพทย์ในตอนดึก โดยบอกว่าเขามีอาการหายใจลำบาก แล้วหลังจากได้รับรายงาน ทีมฉุกเฉินได้พาผู้ป่วยไปพบโรงพยาบาล แต่ถูกปฏิเสธโดยสถาบันทางการแพทย์ประมาณ 100 แห่ง(overไปไหมนี้) เนื่องจาก "สิ่งอำนวยความสะดวกไม่ครบถ้วน" แปดชั่วโมงต่อมาในช่วงเช้าของวันถัดไป ผู้ป่วยจึงได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลห่างจากบ้านประมาณ 50 กิโลเมตร
3
เป็นการกล่าวขวัญว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่ "พลเมืองชั้นสูง" ของญี่ปุ่นเช่น ฮารุกะ อายาเสะ เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทันทีหลังจากได้รับการวินิจฉัย
 
งั้น...ผมขอยกตัวอย่างเบ้งๆสักตัวล่ะกันนะครับ....เมื่อวันที่ 19 ส.ค. Kazuhiro Sugita รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่นเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอย่างรวดเร็วหลังจากมีไข้ ข่าวนี้ปลุกกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากคนญี่ปุ่น สื่อญี่ปุ่นบางคนอธิบายในรายงานว่าเสียงของชาวเน็ตญี่ปุ่นต่างระดมเป็นเสียงเดียวกันว่า.."ถถถถถถถถถ!"
7
อย่างไรก็ตาม ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศหนึ่งที่กล้าพูดได้ว่า ไม่มีชื่อที่ต้องห้ามในรายงาน ยิ่งในประเทศจีน....ใครจะกล้าตั้งคำถามกับผู้ที่มีอำนาจล่ะครับ?
ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ที่มาโรงพยาบาลและโรงพยาบาลเป็นคนธรรมดาอย่างเรา แม้แต่ในเวลากลางวันแสกๆ ผลสุดท้ายก็คือพวกเขาไม่รอด กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตราบใดที่หญิงมีครรภ์และสามีไม่ล่าช้าและได้รับการปฏิบัติตามปกติ ทายาทพวกเขาก็จะไม่ตาย แต่นี่คือชีวิตมนุษย์ อะไรจะสำคัญไปกว่าชีวิตมนุษย์ล่ะครับ?
1
หลายคนบอกว่าการปฏิบัติตามกฎระเบียบนั้นเป็นกลไกที่เข้มงวดเกินไป และไม่มีความยืดหยุ่น และพวกเขาไม่รู้ว่าจะจัดการกับเรื่องพิเศษนี้อย่างไร แน่นอนว่ากฎระเบียบที่เข้มงวดนั้นดี แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นอุบัติเหตุเสียมากกว่า
ดูเหมือนว่าตราบใดที่มีคนฉลาดหนึ่งหรือสองคน เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้น ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ผมไม่เชื่อว่าคนในโรงพยาบาลที่นั่นเป็นคนเลือดเย็นและโง่เขลามากกว่าคนทั่วไป
5
กล่าวอีกนัยหนึ่ง พวกเขาเป็นคนธรรมดา
1
และถ้าคุณลองแทนที่พวกเขากับคุณและผมในเหตุการณ์ซึ่งไม่ชอบธรรมในขณะนี้ ผมก็เกรงว่าคุณจะไม่สามารถเปลี่ยนโลกใบนี้ได้อยู่ดี...
1
ท้ายที่สุดแล้ว มันก็เป็นการละเลยของชีวิต มีการนำกฎระเบียบไปใช้ในทุกช่องทาง และทุกคนต้องรับผิดชอบต่อผู้บังคับบัญชาของตนเท่านั้น ต่อสถานการณ์โดยรวม ไม่ใช่เฉพาะชีวิตหรือปัญหาที่แท้จริง
1
ในความเห็นส่วนตัวของผม ผู้ติดเชื้อกว่า 1,000 คน จนถึงวันนี้ยังไม่เคยเห็นใครเสียชีวิตจากโควิด-19 แต่บางคนในประเทศจีนเสียชีวิตเพราะสิ่งที่เรียกว่าการควบคุมการแพร่ระบาด หรือโรคประจำตัว เสียมากกว่า...
สิ่งที่น่ากลัวกว่าความตายก็คือ ด้วยเหตุผลที่มนุษย์สร้างขึ้น จนทำให้พวกเขาทำได้แค่รอความตายที่ประตูโรงพยาบาลเท่านั้น
7
โดยปกติแล้วไม่มีเมืองใดในโลกจริงๆ ที่สามารถรองรับผู้คน 10 ล้านคนให้อยู่บ้านได้นานกว่าสองสัปดาห์ และคนจำนวนจำกัดสามารถรับประกันเวชภัณฑ์ประจำวันและบริการทางการแพทย์ที่จำเป็นโดยไม่มีปัญหาที่ตรวจไม่พบ ...
1

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา