26 ม.ค. 2022 เวลา 09:26 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่อง : จะรัก…แล้วไง? 🤫
ตอนที่ 10 อบอุ่นใจ
ตอนที่ 10 อบอุ่นใจ
“ซีนายทอล์ก”
ฉันกลัวมาก ทำอะไรไม่ถูก มันแบล็งไปหมด ตอนที่ออกจากห้องน้ำมา รถตู้คณะค่ายอาสาที่ฉันมาด้วยหายไปหมดเลย!!!
ว่างเปล่า! และ สมองมืด 8 ด้าน
โทรศัพท์ก็อยู่ในรถ แถมไม่มีเงินติดตัวเลย ไม่รู้จะหันไปพึ่งใคร นี่ก็ใกล้จะค่ำแล้ว
คอแห้ง แข้งขาเข่าอ่อนไปหมด จนต้องหาที่นั่ง
“ฉันถูกทิ้ง” ใจของฉันมันสั่นเพราะความกลัว ทำยังไงดี? ใครก็ได้ช่วยฉันที
เคว้งคว้าง!
แถวนี้ก็เป็นปั๊มสีน้ำเงินที่ดูใหม่และสะอาด แต่เป็นปั๊มสุดท้ายก่อนที่จะเดินทางเข้าป่าขึ้นดอยเพื่อไปค่ายอาสา
พี่เมย์!! จริงด้วยสิ รถพี่เมย์ปิดขบวน น่าจะแวะปั๊มนี่ก่อนเพื่อพักครั้งสุดท้าย
ฉันตัดสินใจนั่งรอ ด้วยความหวังที่เต็มเปี่ยม
แต่จนแล้วจนรอด ไม่มีรถพี่เมย์ ฉันจำรถได้ แต่ไม่มีวี่แววจะเลี้ยวมาแวะพักเลย
2 ชั่วโมงเต็มๆ ที่นั่งรอ
“คุณป้าคะ” ฉันเข้าไปหาแม่บ้านที่ดูแลความสะอาดห้องน้ำ
“มีอะไรหรือเปล่า หนู” ป้าแม่บ้านใจดียิ้มให้ฉัน คงจะจำฉันได้เพราะฉันนั่งอยู่ที่เดิมและป้าแกก็เดินไปมา
“โรงพักใกล้ที่สุดไปทางไหนคะ คือหนูหลงกับเพื่อนค่ะ”
“จริงเหรอ ป้าก็ว่าอยู่ เห็นหนูนั่งอยู่ที่เดิมไม่ไปไหนเลย” ดีใจที่ฉันอยู่ในสายตาของป้า
“โห แต่ว่าโรงพักที่ใกล้ที่สุดก็เกือบๆ 2 กิโลเลยนะ เดี๋ยวรอแป๊บได้มั้ย ป้าจะไปส่ง”
ฉันดีใจที่ได้เจอพลเมืองดี ถึงแม้จะเจอแต่เรื่องเลวร้าย ยังไงซะฉันต้องไปให้ถึงสถานีตำรวจให้ได้ก่อน เพื่อขอความช่วยเหลือ
ใจเย็นๆ ตั้งสตินะซีนาย แกเก่ง แกทำได้
รถจักรยานคันเก่าที่ป้าปั่นมาจอดตรงหน้าฉัน แทบท้อใจ จะโพล่งออกไปก็ไม่ได้ เพราะน้ำใจที่ป้ามีให้ทำให้ฉันพูดมันไม่ออก
“ไปกันเถอะนังหนู เดี๋ยวจะมืดกลางทาง”
“ป้าคะ ให้หนูปั่นมั้ยคะ” ฉันคิดว่าเป็นคนปั่นดีกว่า
“เอางั้นเหรอ ได้ๆ”
หญิงสูงวัยใจอารี ยอมให้ฉันปั่นและตัวเองซ้อนท้าย บอกเส้นทางเพื่อไปยังจุดหมายปลายทาง ปั่นไปด้วยคุยกันไปด้วย จนรู้ว่าป้าแก ชื่อ สม บ้านอยู่หลังสถานีตำรวจที่กำลังจะไป ลูกชายแกเป็นตำรวจยศน้อยที่นั่น
ยังไงซะในความโชคร้าย ก็ยังมีเรื่องดีๆ อยู่
ฉันปั่นจนสุดกำลัง ทางลูกรังคืออุปสรรค จึงต้องสลับกันปั่นกับป้าสม แกใจดีจนฉันไม่รู้จะตอบแทนยังไง พยายามปลอบฉัน แถมช่วยแนะนำเรื่องให้ทางตำรวจประสานครูที่โรงเรียนเสร็จสรรพ
พอถึงสถานีตำรวจก็เป็นเวลาทุ่มกว่าๆ ป้าสมลงจากรถวิ่งขึ้นโรงพักทันที
อ้าว แล้วรถจักรยานล่ะคะป้า!!!? ฉันได้แต่มองตามตาปริบๆ เลยไปจอดรถจักรยานไว้หน้าสถานีก่อนจะตามป้าไป
“น้องใช่ไหมครับที่หลงทาง”
คุณป้าพานายตำรวจนายหนึ่งออกมา ดูเค้าโครงหน้าและไฝที่หางคิ้ว เป็นตำแหน่งเดียวกันกับป้า ชัดเลย... เป็นลูกชายแน่ๆ
“สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้ “คือหนูหลงกับเพื่อนค่ะ คิดว่าตอนนี้เพื่อนๆ น่าจะถึงค่ายที่โรงเรียนแล้วค่ะ”
“น่าจะเป็นค่ายอาสาทำห้องสมุดแน่ๆ ที่โรงเรียนวัดคำนา วันก่อนมีครูมาประชุมที่อำเภอ บอกไว้”
“ใช่ค่ะ เกิดเรื่องนิดหน่อยหนูหลงกับเพื่อน เลยอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณตำรวจให้ช่วยติดต่อพี่ๆ ที่ค่ายน่ะค่ะ”
ฉันรู้สึกมีความหวังมากขึ้น
“เข้ามานั่งข้างในก่อนนะน้อง เดี๋ยวผมจะโทรบอกครูแก้วก่อน”
“ครูแก้ว?”
“ใช่ครับ ครูแก้วเป็นครูประสานงานเรื่องค่ายอาสา น้องรอที่นี่เลยนะ”
“ขอบคุณค่ะ”
ตำรวจนายนั้นกลับเข้าไปในห้องทำงาน เพื่อช่วยเหลือประชาชนต่างถิ่นที่หลงทางมา ป้าสมส่งยิ้มให้ฉันดีใจด้วยที่ฉันได้รับการช่วยเหลือแล้ว
“ยังไงหนูก็รอที่นี่แหละนะ ไม่ต้องไปไหนที่นี่สองทุ่มชาวบ้านก็เข้าบ้านกันหมดแล้ว มันมืดมันอันตราย”
“ขอบคุณนะคะป้า ที่ช่วยหนู”
“ไม่เป็นไรหรอก ช่วยๆ กัน ป้าไปก่อนนะ”
ฉันขอบคุณป้าสมอีกครั้งก่อนจะมานั่งรอคนจากค่ายมารับ แม้จะไม่รู้ว่าจะมีคนมารับเมื่อไหร่ แต่อย่างไรเสียฉันก็มีที่อยู่ที่ปลอดภัย
วันที่แสนน่ากลัวของฉัน เมื่อเช้ายังนั่งรถเย็นๆ กับเพื่อนๆ อยู่เลย ตกเย็นฉันก็ต้องมานั่งรอคอยความหวังอยู่ที่สถานีตำรวจ
“น้องครับ ผมโทรบอกครูแก้วให้แล้วนะครับ ครูบอกว่ามีพี่ที่ชื่อเมย์จะมารับ ให้รอที่นี่”
พี่เมย์!!! แค่ได้ยินชื่อนี้ ฉันก็รู้สึกดีใจ และปลอดภัย
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณจริงๆ” แล้วสิ่งที่เรียกว่าน้ำตารื้นก็เกิดขึ้นกับฉัน โล่งอก
“แต่ว่านานหน่อยนะครับ จากบ้านคำนา มาถึงที่นี่ก็ร่วมๆ 3 ชั่วโมงเลย นี่น้องกินอะไรมาหรือยัง มีเงินติดตัวมั้ย เอาเงินพี่ไปซื้อก่อนมั้ย”
พี่ตำรวจใจดี มีน้ำใจช่วยเหลือ
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูทานอะไรไม่ลงค่ะ”
“แต่ว่าหาอะไรกินสักหน่อยนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เกรงใจค่ะ ขอบคุณจริงๆค่ะ” ฉันรู้สึกเกรงใจ
ฉันนั่งรอคนมารับ
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ฉันยังรอคอยอยู่ แต่มีเพิ่มเติมคือ ป้าสมเอาข้าวเหนียวกับหมูทอดชิ้นโตเอามาให้ แกบอกว่าคืนนี้ลูกชายของแกเข้าเวร ทำมาให้ลูกกินตอนดึกๆ เลยทำมาเผื่อ ฉันไม่รู้จะขอบคุณยังไง แต่ดูเหมือนป้าแกไม่ได้ใส่ใจกับความดีครั้งนี้ ราวกับว่าแกทำแบบนี้เป็นปกติ แกเพียงแค่ยิ้มรับคำขอบคุณเท่านั้น
ความเอื้อเฟื้อที่แสดงออกมาโดยเป็นธรรมชาติ ไม่มีอะไรเคลือบแฝงเข้า เหมือนสังคมที่ฉันอยู่ น้อยคนที่จะมอบความจริงใจแบบนี้ให้
“กินซะเถอะหนู อร่อยนะ ป้านี่มือหมักหมูเลย”
ฉันยืนยันได้ค่ะว่าอร่อยมากๆ แกหมักหมูดี๊ดี แม้ภายนอกจะเหมือนจะแข็ง และหนา แต่พอได้กัดและเขี้ยว คือแบบ….มันนุ่มมากๆ ถ้าทำขาย ต้องขายดีแน่ๆ
น้ำดื่มที่มาจากตู้กดใกล้ๆ
เชื่อมั้ยเวลาอิ่มท้อง สติบางอย่างของฉันก็เริ่มทยอยกลับมา
จะว่าไปแล้วตอนที่ฉันลงรถไปเข้าห้องน้ำฉันบอกให้ดิวไว้นี่นา ทำไมถึงลืมกันได้ล่ะ?
ลืมจริงหรือจงใจ?
แต่ก็ช่างเถอะ ตอนนี้ก็รอคนมารับ
สามทุ่มแล้ว ฉันนั่งดูละครหลังข่าวที่พี่ตำรวจเปิดไว้ให้ เพื่อให้เกิดเสียง จะได้ไม่ง่วง มีความเคลื่อนไหว ฉันได้ยินพี่ตำรวจรับโทรศัพท์ไม่นานก็ขับรถออกไป พร้อมเจ้าหน้าที่อีก 3 นาย ที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน สักพักใหญ่ก็จับคนที่ดูท่าจะเมาเข้ามา ฉันหลบไปอยู่ห่างๆ เพื่อไปให้เกะกะ
และแล้วความวุ่นวายเอะอะก็เริ่มต้นขึ้น
ไม่นานนักเสียงก็สงบ กลับมาเป็นเสียงโทรทัศน์เหมือนเดิม แต่จะมีเสียงพิมพ์งานลงคอมพิวเตอร์ของพี่ตำรวจแทน
สี่ทุ่มแล้วล่ะค่ะแต่ก็ยัง….
แสงไฟจากรถคันหนึ่งสาดเข้ามา ฉันตื่นเต้นดีใจมาก
“น่าจะมากันแล้ว”
พี่ตำรวจมาบอกฉัน ไม่ต้องรอให้บอกซ้ำ ฉันถลาลงจากเก้าอี้วิ่งไปหาคนที่รอคอยทันที…
“พี่เมย์!”
ร่างกายมันพาไปเอง
กอด!!!
“พี่มารับแล้วค่ะ”
“พี่เมย์ ฮื้อ!!!!”
แขนของพี่เมย์ที่กอดฉันไว้ มันทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัย และอบอุ่นมากๆ ความกลัวที่มีทั้งหมดหายไปทันที
แทนที่ด้วยน้ำตาของความดีใจ
“คุณหนูครับ ผมเข้าไปขอบคุณตำรวจแล้วบอกว่าเรามารับคุณซีนายแล้วครับ”
“ขอบคุณมาก เราไปกันเถอะ”
“เดี๋ยวก่อนค่ะพี่แม่ ซีอยากไปลาป้าสมน่ะค่ะ”
“ป้าสม?”
“ค่ะ ตอนซีหลงกับคณะ ซีขอความช่วยเหลือจากป้าสมค่ะ แกปั่นจักรยานพาซีมาที่นี่ค่ะ”
ฉันอยากลาป้าสมแกก่อน
“แกเป็นแม่ของคุณตำรวจที่เข้าเวรคืนนี้ค่ะ”
“อ้าว นังหนูเพื่อนมารับแล้วเหรอ” ป้าสมแกนี่เซ้นต์ดีจริงๆ พูดถึงแก แกก็ปรากฏตัว
“ค่ะป้า พี่เมย์คะป้าสมค่ะที่ช่วยซี”
“สวัสดีค่ะ ขอบคุณค่ะป้าที่ช่วยซีนาย”
“ป้าก็เห็นนังหนูเนี่ยนั่งอยู่ไม่ไปไหนเลย หน้าตาตื่นๆ และก็ซีดๆ หลงกับเพื่อนแน่ๆ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นนักศึกษาที่มาค่ายอาสา จะกลับแล้วใช่มั้ย นี่ๆ ป้าเอาหมูทอดมาให้ไปกิน”
“ขอบคุณป้า เนื้อป้าอร่อยมากเลย พี่เมย์ลองกินดูค่ะ” ฉันชมไม่หยุดและชวนพี่เมย์กิน
“อร่อยมากค่ะ” พี่เมย์แบ่งไปให้คนติดตามทั้งสองคน ฉันเห็นป้าสมยิ้มเต็มหน้า มีความสุขที่มีคนชอบรสมือของตัวเอง
“อร่อยมากครับป้า” พี่ทั้งสองคนชม และกินไม่หยุด
“ซีไปก่อนนะคะป้า ขอบคุณจากใจจริงค่ะ บุญคุณของป้าซีจะไม่ลืมเลย”
“เป็นบุญเป็นคุณอะไรกัน คิดเสียว่าติดรถป้ามาโรงพักก็แล้วกันนะ”
“หนูลาก่อนนะคะ” ฉันไหว้ลาป้าสม และเข้าไปกอดขอบคุณอีกครั้ง ก่อนจะขึ้นรถไปกับพี่เมย์
พอขึ้นรถฉันก็มีประเด็นแปลกๆ ขึ้นมาในหัว ซึ่งเป็นเรื่องที่มันอดคิดไม่ได้
“เป็นอะไรคะ?”
“เราไม่ให้ของตอบแทนป้าเค้าเหรอ ข้าวนี่ก็ด้วย ป้าสมให้มาตั้งเยอะ”
“เดี๋ยวก็ถูกตีกระบาลกลับมาหรอก”
“หา?”
“นี่ซีนายอ่านนิยายมากไม่หรือไปคะ ที่เวลาได้รับความช่วยเหลือแล้วจะต้องให้ของตอบแทนน่ะ”
“ก็แบบว่า…”
“นี่ซีนายคะ ซีนายดูคนไม่ออกจริงๆ เหรอว่าใครช่วยเพราะหวังผล หรือใครช่วยไม่หวังผล ดูจากป้าแกแล้วแกช่วยไม่หวังผลตอบแทนแน่ๆ หมูทอดที่ให้มา กินได้ตั้งสามคน”
“แต่ซีไม่สบายใจ”
“งั้นเดี๋ยวก่อนกลับ เราค่อยซื้อของมาตอบแทนแกดีมั้ยคะ พวกของใช้จำเป็นอะไรพวกนี้น่ะ”
คำแนะนำของพี่เมย์ทำให้ฉันสบายใจมากขึ้น แต่….
“ซีไม่มีเงินติดตัวนี่ค่ะ กระเป๋าซีก็อยู่ในรถตู้”
“พี่เอามาให้แล้ว”
เหมือนฉันได้รับของขวัญจากสวรรค์ กระเป๋าของฉัน ซึ่งข้างในนั้นมีกระเป๋าเงิน และโทรศัพท์
“ขอบคุณค่ะพี่เมย์” ฉันกอดกระเป๋าของฉันดีใจที่ได้มันมาอยู่ใกล้ตัว
“บอกพี่ได้มั้ยคะว่าทำไมถึงตกรถได้ ซีได้บอกเพื่อนมั้ยคะว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในรถ”
“บอกค่ะ ซีบอกดิวไว้ค่ะ แฟนดิวก็ได้ยินนะคะ” ฉันมั่นใจมาก
“โอเค เดี๋ยวพี่ส่งคนไปถามความจริงมาให้ เรื่องนี้มันเหมือนจงใจแกล้ง เพราะตอนที่พี่ไปถึงน้องดิวเอาแต่ร้องไห้บอกว่าไม่รู้ว่าซีไปไหน คิดว่าซีไปรถตู้คันอื่น ทั้งที่รถทุกคันเต็มและทุกคนมีที่นั่งประจำของตัวเอง”
เอาล่ะสิ ใจของฉันเบาโหว่งขึ้นมาทันที
พี่เมย์กดโทรศัพท์
“ทีน่า กูมีเรื่องให้ช่วยว่ะ…ก็เรื่องเด็กหลงนั่นแหละ...อื้อ เจอแล้ว... อยู่ด้วยกันนี้แหละ กูว่าน้องดิวน่าจะรู้เรื่องนี้นะ…เพราะทางนี้ก็บอกว่า ก่อนลงรถก็บอกกับน้องมันแล้ว แถมแฟนก็อยู่ด้วย…เออ…คืนนี้น่าจะพักในเมืองนี่แหละ ขับรถในป่าอันตราย ดึกขนาดนี้อันตราย …. อื้อ…ฝากด้วยนะ”
1
“พี่สน พี่เต้ เราจะพักในเมืองนะ วนหาที่พักด้วย ถ้าใกล้ตลาดจะดีมาก”
พี่เมย์สั่งงานคนขับรถ
“เพื่อนผมแนะนำที่นึงครับเป็นรีสอร์ต ติดริมน้ำ ตอนเช้าจะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นด้วยนะครับ”
“ดีเหมือนกัน จะได้พักด้วย เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
“แล้วพรุ่งนี้จะเดินทางกี่โมงครับคุณหนูใหญ่”
“บ่ายสอง”
ฉันได้ยินแล้วตกใจ นี่เรามาค่ายอาสานะ ไม่ได้มาเที่ยว แล้วงานที่ค่ายล่ะใครจะช่วย
“อะไรนะคะ!!! ทำไมถึงเป็นบ่ายสองล่ะคะ เราต้องรีบไปช่วยคนอื่นๆ นะคะ เดี๋ยวถูกว่าเอาว่าเอาเปรียบกินแรงเพื่อน”
“กินรงกินแรงอะไรกัน เราต้องซื้อของตั้งหลายอย่าง” พี่เมย์เปิดไลน์ที่พี่ดาวสั่งงานให้ฉันดู ฉันคิดว่าบ่ายสองมันช้าไป
“มันอะไรคะเนี่ย ให้หาซื้อของทะเลไปเลี้ยงน้องๆ ในค่าย”
“ก็ใช่น่ะสิ พอรู้ว่าเจอซีนายแล้วพี่แกก็เกิดนิมิต นึกอยากจะเลี้ยงเด็กๆ ด้วยซีฟู๊ต”
ฉันมีอภิสิทธิ์มากพอที่ได้เปิดอ่านไลน์ของพี่เมย์ เช็คไปในตัวว่าคุยกับใครบ้าง
“พี่เมย์คะ ไลน์คุณเลย์นี่คะ เรื่องงานด้วย”
ฉันเปิดอ่าน เป็นไลน์ของคุณเลย์ พี่เมย์บอกว่าเป็นเลขาของคุณพ่อและควบมาดูแลพี่เมย์ด้วย
“บอกว่าหลังจากลาพัก ฝึกงานตำแหน่งใหม่ค่ะ เป็นผู้ช่วยคุณจรรยา แผนกทำความสะอาด”
“โห…ลงมาเป็นแม่บ้านเลยเหรอเนี่ย”
“พี่เมย์ต้องฝึกงานทุกตำแหน่งเลยเหรอคะ”
“ตามโปรแกรมน่ะนะ ใช่ค่ะทุกตำแหน่ง วันก่อนเป็นผู้ช่วยฝ่ายบริหาร อาทิตย์หน้าเป็นแม่บ้าน”
“เหนื่อยน่าดูเลยค่ะ เข้าใจเลยว่าทำไมพี่เมย์ถึงต้องย้ายมาอยู่หอของซี เพราะมันใกล้ที่ทำงานมากกว่านี่เอง”
“ใช่ค่ะ แล้วอีกอย่างใกล้ซีด้วย”
ฉ่า!!!! หน้าของฉันก็ร้อนขึ้นมาทันที คำพูดของพี่เมย์มีผลต่อหัวใจของฉันจริงๆ
“ท…ทำไมเหรอคะ?”
“ก็ซีคอยดูแลพี่ไง คอยเตือนเรื่องกินข้าวตลอดเลย พี่ชอบออก นี่พี่ยังไม่รู้เลยว่าจะขอบคุณยังไงเลย”
ยิ้มที่ส่งมาฉันต้องก้มหน้าลง สนใจข้อความในไลน์ราวกับว่ามันเป็นข้อความที่สำคัญเสียเต็มประดา
คำพูดของพี่เมย์แม้ว่ามันจะออกมาโดยธรรมชาติแต่มีพลังทำลายล้างสูง ให้ตายเถอะ!
“คุณหนูครับ ผมว่าเราแวะซื้อของก่อนเข้าพักดีมั้ยครับ” พี่เต้เสนอ หลังจากโทรไปที่รีสอร์ตเพื่อจองห้องและกำลังจะเข้าไปพัก
“ดีสิ ตามนั้น”
ขอบคุณพี่เต้มากๆ ค่ะที่ช่วยเบลกอารมณ์ของฉัน ก่อนที่มันจะคิดไปไกลกว่านี้ การที่ฉันอยู่ใกล้ๆ พี่เมย์มันทั้งดีและไม่ดีในเวลาเดียวกัน
เรื่องดี คือ ฉันได้อยู่ใกล้ๆ คนที่ฉันชอบและคิดว่าเป็นความรัก
เรื่องที่ไม่ดี คือ ทุกๆ การกระทำ และคำพูดของพี่เขา มันมีผลต่อจิตใจของฉันมากๆ ฉันกลัวว่าจะแสดงกิริยาแปลกๆ ออกไปจนพี่เค้าลำคาญได้
รีสอร์ตริมแม่น้ำตอนกลางคืน สวยด้วยการตกแต่ง ประดับไฟ ตั้งแต่ป้ายด้านหน้า จนถึงทางเดินไปยังเคาร์เตอร์ ฉันตามพี่เมย์ไม่ห่าง หรือจะห่างพี่เมย์ก็จับมือฉันให้เดินตาม ฉันเข้าใจถูกมั้ยว่าพี่เขาไม่อยากให้ฉันห่างตัว
“พี่สนกับพี่เต้ นอนด้วยกันหรือแยกคะ”
“ยังไงก็ได้ครับ” พี่สมดูง่วงสุด เพราะต้องขับรถลงดอยบนทางลูกรัง จึงต้องใช้แรงและสมาธิมาก
“งั้นแยกก็แล้วกันนะ จะได้พักกันสบายๆ พรุ่งนี้ต้องขับรถอีก”
“ขอบคุณครับ”
ฉันแปลกใจกับสิ่งที่เจ้านายอย่างพี่เมย์ปฏิบัติกันลูกน้อง เท่าที่ฉันเคยเห็นมา คนติดตามหรือคนขับรถส่วนใหญ่จะนอนในรถ หรือจะได้ห้องพักที่เป็นพัดลมหรือห้องเพียงแค่ใช้อาบน้ำและนอนงีบเท่านั้น แต่พี่เมย์ปฏิบัติต่อทั้งสองคนราวกับเพื่อนร่วมทาง ห้องพักหรูหราสะดวกสบายเช่นเดียวกับตัวเอง
และผู้ติดตามทั้งสองก็รับได้โดยไม่ขัดความต้องการของเจ้านาย
ห้องที่ฉันกับพี่เมย์ได้คือเตียงคู่สามฟุตครึ่ง ห้องปรับอากาศ และมีระเบียงยื่นออกไปในน้ำ
ดีใจที่สุด ที่ได้อยู่กับพี่เมย์ตามลำพังแบบนี้ ทำให้ฉันได้รู้จักพี่เค้ามากขึ้น พี่เมย์มีเรื่องที่ทำให้ฉันแปลกใจอยู่ทุกครั้งที่ได้เจอกัน อย่างเช่นเรื่องเมื่อกี้นี้
“พี่เมย์ดูแลพี่สนกับพี่เต้ดีจังค่ะ” เมื่ออยู่กันเป็นส่วนตัว ฉันชมเชยที่มีคำถามแฝงอยู่
“ก็ปกตินี่ค่ะ”
“ดูแลดี๊ดี”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ ที่ให้พักแยกกันเพราะยังไงพรุ่งนี้ก็ต้องนอนในรถ หรือเต็นท์ที่ลำบากกว่านี้ อีกอย่างห้องมันก็ว่างด้วย”
เอาคำชมของฉันคืนมาเลย
“เหมือนให้นอนที่ดีๆ ก่อนจะไปตกระกำลำบากว่างั้นเถอะ”
“ก็ไม่ผิดนะคะ”
“พี่นะพี่…จะชมว่ารักลูกน้องเสียหน่อย ทำเสียเรื่องหมดเลย พี่ไม่เคยจริงจังอะไรเลยเหรอคะ” ฉันไม่รู้ไม่เข้าใจความคิดของพี่เมย์จริงๆ
“พี่ไม่ได้เป็นคนซับซ้อนอะไรสักหน่อย คิดยังไงก็พูดออกมา ซีเองต่างหากที่ซับซ้อนเอง ไป ไปอาบน้ำได้แล้ว”
“ซีไม่มีเสื้อผ้านี่คะ” ฉันนึกขึ้นได้ว่าฉันมีแต่กระเป๋าสะพายแต่ไม่มีกระเป๋าเสื้อผ้า
“ใส่ของพี่ก่อนก็ได้ ของใหม่อยู่ คุณแม่เค้าจัดให้น่ะ นี่ยังลุ้นอยู่เลยว่าจะไม่ใช่ชุดกระโปรงสีชมพูพีช และมีหูกระต่ายสีแดง”
ฉันเห็นพี่เมย์ทำท่าขนลุก ก็อดขำไม่ได้ ฉันกลับคิดว่าสิ่งที่คุณแม่พี่เมย์เลือกให้ลูกสาวคนเดียวมันน่ารักดีออก
“ค่อยยังชัวร์ เสื้อกับกางเกงขายาว โอ๊ะ...ชุดชั้นในใหม่เอี่ยม ก็หนูทดลองตามเคยล่ะน่า”
“บ่นอะไรเหรอคะ”
ฉันเห็นพี่เมย์บ่นกระปอดกระแปด เซ็งๆ
“ชุดชั้นในที่คุณวีนาเตรียมให้มา เป็นคอลเล็กชั้นใหม่ที่เพิ่งประชุมวางแผนการตลาด และจะวางขายในชอป”
“ก็ดีไม่ใช่เหรอคะ แต่ดูเหมือนพี่เมย์ไม่โอเคเท่าไหร่”
“จะให้โอเคยังไงล่ะคะ ในเมื่อพี่กลับไปก็ต้องไปประเมินการใช้ไง ว่าใส่แล้วเป็นยัง สบายมั้ย”
“ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่ค่ะ” เป็นการประเมินผลจากผู้ใช้จริง
พี่เมย์โชว์ชุดชั้นในสีขาว โล่งๆ ให้ฉันดู
“รู้มั้ยคะว่ามันโล่งๆ นี่คืออะไร”
“ไม่รู้ค่ะ”
“นอกจากประเมินการใช้แล้ว พี่ต้องออกแบบลายด้วยไงคะ ทั้งที่มีงบที่จ้างนักออกแบบอยู่แล้ว”
“คงอยากให้ลูกสาวที่เป็นอาร์ตติสทำให้มากกว่ามั้งคะ”
“งบบานปลายน่ะสิ ถึงไม่เหลือจ้างนักออกแบบ”
“พี่เมย์ล่ะก็ มองโลกในแง่ร้าย”
“โลกแห่งความจริงต่างหาก”
“แล้วพี่เมย์ทำมั้ยคะ?”
“มัดมือชกขนาดนี้ ต้องทำล่ะค่ะ”
“อยากเห็นจังค่ะ แล้วพี่ใช้เวลาวาดนานมั้ย?”
“ถ้าไม่มีคอนเซ็ปต์ก็ไม่นานค่ะ วาดเสร็จก็ส่งได้เลย เอาเป็นว่าซีเอาไปใช้ก่อนนะคะ ไซต์น่าจะไม่ต่างกันมาก”
พี่เมย์ส่งชุดชั้นในใหม่เอี่ยมให้ฉัน พร้อมชุดนอนเป็นเสื้อแขนยาวกับกางเกงขายาวเนื้อผ้าฝ้ายเนื้อนุ่มนิ่ม ว่าไปแล้วคุณแม่วีนาเข้าใจจัดชุดนอนให้ลูกสาวนะคะ ลูกมานอนป่านอนดอยจัดชุดนอนเนื้อผ้านุ่มและอุ่น ไม่พลิ้วเหมือนผ้าซาติน
ประมาณตีสาม ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมา เพราะปวดท้องเข้าห้องน้ำ มันหนักจนฉันไม่ได้สังเกตว่ามีคนหายไป
พอทำธุระหนักเสร็จ ฉันเพิ่งรู้สึกตัว พี่เมย์ไม่ได้อยู่ในห้อง เตียงนอนยังว่างและไม่มีรอยยับหรือผ่านการใช้งานมาเลย
“หายไปไหนของเค้านะ” ฉันจึงตามหา
พี่เมย์นั่งทำงานอยู่ที่ม้านั่งริมน้ำ ที่อยู่ห่างจากที่พักไปไม่ไกลนั้น มีแสงไฟสว่างพอที่จะทำให้แขกที่มาพักนั่งรับลมได้ แม้น้ำค้างลงเม็ดแต่ก็มีร่มใหญ่คอยรับไว้ให้ ห่างออกไปไม่ไกลนักก็มีพี่เต้นั่งดูอยู่ สมแล้วเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัว ไม่เคยให้เจ้านายคาดสายตา
“พี่เมย์”
“อ้าว ตื่นมาทำไมคะ ยังดึกอยู่เลย”
“เข้าห้องน้ำค่ะ ออกมาไม่เห็นพี่เมย์ นี่ทำอะไรอยู่คะ”
“อ๋อ รายงานกลุ่มค่ะ พี่เป็นคนรีไวท์งานก่อนรวมเล่มส่งอาจารย์”
ฉันนั่งข้างๆ พี่เมย์ โห…ตัวเล็กจัง ยังพออ่านออกเพราะเป็นภาษาไทย ประวัติศาสตร์ศิลปะสมัยเรอเนซองส์ ยุคนี้เป็นที่สุดของทุกๆ ศาสตร์จริงๆ ฉันเคยเรียนยุคนี้ ที่ดาวินซีวาดอานาโตมีของมนุษย์
“เรอเนซองส์เหรอคะ?”
“ใช่ค่ะ”
ฉันนี้ก็เผือกใช้ได้เลยนะ ที่ก้มดูจำนวนหน้าของรายงาน โห…ตั้ง 300 หน้า นี่เพิ่งทำไปได้ร้อยกว่าหน้า
“เอ๊ะ พี่คำนี้ใช้ไม่ได้นะคะ” ฉันเห็นจุดผิด เผลอตีขาพี่เมย์ให้ขยับออกไป “นี่ก็ด้วย…ใช้ไม่ได้นะคะ ผิด…” ตำแหน่งที่ฉันเจอคือส่วนที่พี่เมย์รีไวท์ผ่านมาแล้ว
“อ้าวเหรอ?”
“พี่เมย์ดูดีแล้วใช่มั้ยคะ?”
ฉันไม่รู้ว่าพูดอะไรออกไป แต่ได้ยินเสียงหัวเราะ แฮะๆ ของพี่เมย์ตอบกลับมา
ตาสว่างเลยล่ะค่ะทีนี้
"จบซีนายทอล์ก"
"เมย์ทอล์ก"
ฉันอายเหมือนกันนะ ที่ตรวจทานรายงานมาเป็นร้อยหน้า คิดว่ามาถูกต้องแล้ว ยังมีจุดผิดอีก
“พี่เมย์คะ”
“คะ?”
“งานนี้เดตไลน์เมื่อไหร่คะ?”
“ก็วันศุกร์ค่ะ งานส่งวันจันทร์ค่ะ เพื่อนพี่จะเอาไปเข้าเล่ม แล้วก็เตรียมพรีเซ้นต์ ทำไมเหรอคะ?”
“ซีว่าถ้าตรวจในจอแบบนี้มันดูยากน่ะค่ะ เลื่อนๆ ไปลายตากันพอดี จะเป็นไปได้มั้ยถ้าเราปริ้นออกมา แล้วอ่าน ตรวจดูมั้ยคะ”
“ได้ค่ะ ในเมืองนี้น่าจะมีร้านปริ้นนะคะ”
ฉันทำสัญญาณมือเรียกพี่เต้ ที่อยู่ใกล้ๆ มาหา
“ครับคุณหนูใหญ่”
“พรุ่งนี้เช้าปริ้นรายงานชุดนี้ให้ด้วยนะคะ” ฉันส่งเมลเข้าไปให้พี่เต้ทันที
“300 หน้า ทั้งหมดเลยหรือครับ” บอร์ดีการ์ดของฉันทุกคนมีอีเมลเพื่อดูตารางงานของตัวเอง และมีใช้แจ้งเตือนเรื่องเงินเดือน
“ไม่ต้องค่ะ เอาแค่ตั้งแต่หน้า 151 เป็นต้นไปค่ะ เท่าที่ย้อนกลับไปดู ก็ผิดไม่มากค่ะ” ซีนายบอกแบบนั้น
“ได้ครับ เอ่อ…คุณหนูครับ ผมว่านี่ก็ตีสี่แล้วนะครับ นอนสักหน่อยมั้ยครับ ยังไม่ได้นอนเลย”
จริงสิ ฉันก็ลืมไป พอพี่เต้ทัก ฉันก็ง่วงทันที
“เอาเป็นว่า นอกจากเอกสารแล้ว ถ้าพี่เต้หรือพี่สนตื่นก่อน ก็ตระเวรหาอาหารทะเลนะคะ กินข้าวเช้า แล้วก็เตรียมมื้อเที่ยงเลย จะกินเที่ยงบนรถระหว่างเดินทาง”
ฉันคิดแล้วว่าคงตื่นสายแน่ๆ
“ซีช่วยมั้ยคะ”
“เอาสิ…งั้น รอซีนายด้วยนะพี่”
“ครับ"
"ซีนาย…” ฉันจัดแผนของวันพรุ่งนี้เพื่อที่จะได้ไม่ต้องรอให้ฉันตื่น จะได้ไม่เสียเวลา
“คะพี่เมย์?”
“เอาเป็นว่าซีจัดการเรื่องอาหารทะเล กับซื้อของนะ ให้พี่เต้กับพี่สนช่วยถือของ รายการที่ดาวต้องการอยู่ในโทรศัพท์พี่นะคะ”
“ได้ค่ะ”
“พี่สนกับพี่เต้จะนอนที่ด่านกับเพื่อนมั้ยคะ”
“น่าจะฝากรถไว้ครับ ผมว่าจะไปนอนรวมกับคนขับรถของมหาวิทยาลัยแล้วเปลี่ยนเวรกันเอา”
เรื่องหน้าที่ของพี่ทั้งสองคนฉันห้ามไม่ได้ เลยไม่ก้าวก่ายไปมากกว่านี้ แค่ได้รู้ว่าทั้งสองคนอยู่ไม่ไกลจากตัวฉันก็พอ
“โอเคค่ะ แค่นี้นะคะ ถ้ามีอะไรเพิ่มเติม เดี๋ยวเมย์โทรบอกค่ะ”
“ได้ครับ”
ฉันเก็บของก่อนจะส่งกระเป๋าโน้ตบุคให้พี่เต้ เหลือไว้แค่ไอแพดเครื่องเดียวไว้
พอสั่งงานเสร็จ ความง่วงมาพร้อมกับเสียงไก่ขัน
“ฝันดีครับคุณหนูใหญ่”
ฉันยกมือขอบคุณก่อนจะจูงมือซีนายที่กำลังดูโทรศัพท์ของฉันอย่างเอาเป็นเอาตาย ถ้าปล่อยให้เดินคนเดียวน่าจะสะดุดแน่ๆ
“พี่เมย์คะ”
“ว่า…” มาถึงห้องฉันทิ้งดิ่งลงเตียงทันที ได้ยินเสียงของซีนายเหมือนไกลออกไป
“พี่ดาวส่งข้อความมาค่ะว่า มีกิจกรรมเพิ่ม 3 กิจกรรมค่ะ คือแข่งวอเลย์บอล แล้วก่อนจะเพิ่มร้องเพลง และก็บอกว่าเปลี่ยนแผนเรื่องภาพกลาง เปลี่ยนแบบค่ะเป็น….”
เป็นอะไรก็ไม่รู้มันเงียบดับไปหมด
….
ฉันตื่นขึ้นมาอีกทีตอนเก้าโมง ห้องเงียบมา โน้ตเขียวแปะโทรศัพท์ไว้ข้างๆ หัวเตียง
“เผื่อพี่จะใช้”
ฉันยิ้มให้กับความซื่อของซีนาย กลัวว่าฉันจะไม่มีอะไรติดต่อโลกภายนอก ความจริงแล้วแทบไม่อยากจับมันด้วยซ้ำ
ไลน์ในไอแพดทำให้ฉันรู้เรื่องแผนใหม่ที่ดาวส่งมาเมื่อตอนตีสี่ ที่ซีนายบอกกับฉันแต่ฟังไม่หมดก็หลับไปเสียก่อน
...
เมษาน่าร้อน เมยาวีน่า… : เปลี่ยนแบบเหรอวะ ทำไม?
เรียกฉันว่า ดาว : มติที่ประชุมหมู่บ้านว่ะ บอกว่าจะให้วาดเป็นแผนที่หมู่บ้านบอกจุดท่องเที่ยวด้วย มีเด่นๆ 3 ที่ น้ำตก ถ้ำ แล้วก็ฝาย ตอนแรกครูเค้าจะปริ้นเป็นไวนิล แต่งบไม่พอเลยจะขอให้เราวาดรูปให้ ตอนนี้ส่งพวกเราไปถ่ายรูปล่ะ ที่เหลือก็ทำกิจกรรม วันนี้มีแข่งวอเลย์บอล มึงมาทันมั้ย
เมษาน่าร้อน เมยาวีน่า… : กี่โมง
เรียกฉันว่า ดาว : เริ่มบ่าย 2
เมษาน่าร้อน เมยาวีน่า… : โห ร้อนตายชัก เป็นลมแดดตายก่อนพอดี
เรียกฉันว่า ดาว : ทำไงได้ เค้าว่ามาแบบนี้ ครูแก้วบอกว่าช่วงบ่ายอากาศที่นี่ไม่ร้อนเท่าไหร่แข่งได้สบายๆ
เมษาน่าร้อน เมยาวีน่า… : ครูแก้วเหรอ?
เรียกฉันว่า ดาว : ครูแก้วบอกว่าเป็นเพื่อนเก่า สมัย ม.ปลาย
เมษาน่าร้อน เมยาวีน่า… : อ๋อ…นึกออกแล้วเพิ่งรู้เหมือนกันว่ามาเป็นครูที่นี่
เรียกฉันว่า ดาว : ครูธุรการ แล้วอีกเรื่องนะมึงเรื่องที่สั่งให้ทีน่าทำ….
เมษาน่าร้อน เมยาวีน่า… : เดี๋ยวนะ ค่อยคุยทีหลัง กูไปทำธุระก่อน
เรียกฉันว่า ดาว : เอ่อๆ แค่นี้
ฉันรีบจบการสนทนา ฉันไม่อยากให้คนที่ถือโทรศัพท์ของฉันรู้เรื่อง ถ้าฉันยังไม่ได้ข้อสรุป
ภาพน้ำตก ถ้ำ และ ฝายถูกส่งเข้ามาในกลุ่มเฉพาะกิจค่ายอาสา และฉันถูกจับให้เป็นคนวาดภาพที่เป็นน้ำตก ส่วนอื่นๆ ถูกกระจายให้เพื่อนถาปัดจัดการ
กว่าจะได้วาดก็น่าจะวันที่ 3 หรือ 4 ก่อนวันส่งมอบและกลับบ้าน
"จบเมย์ทอล์ก"

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา