Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ฅน บางกอก
•
ติดตาม
3 ก.พ. 2022 เวลา 08:52 • ท่องเที่ยว
เดินไป วาดไป ณ “ป้อมเพชร”กรุงเก่า
ใครที่ไปอยุธยากรุงเก่า คงมีหลายคนเคยเดินทางสัญจรเลียบถนนรอบเกาะเมือง แล้วก็ผ่าน “ป้อมเพชร” ไปแบบเห็นป้าย “ป้อมเพชร” แล้วก็ “อือ!! เลยไปอีกนิด เดี๋ยวก็เจอดงโรตีสายไหมแระ” 😁😆 “ป้อมเพชร” ก็เลยยังเป็น ป้อมเพชร ที่ผู้คนส่วนใหญ่นิยมสัญจร “ผ่านไป”–“ผ่านมา” เหมือนเดิม 😂
หลายครั้งที่ข้ามเข้ามาที่เกาะเมือง และหากพอมีเวลาจะชอบแวะเข้ามาเดินเล่นในพื้นที่ของป้อมเพชร เพราะความน่าสนใจของ “เค้าโครง” จากองค์ประกอบและ “ชิ้นส่วน” ของป้อมที่กลายเป็นส่วนสำคัญของโบราณสถาน ทำให้สนุกกับการได้คิด วิเคราะห์และจินตนาการภายใต้ข้อมูลบางส่วนที่หลงเหลือจาก “บันทึก” และ”หลักฐานที่ปรากฏในพื้นที่” ทำให้เรามาคิดต่อได้ว่า “ป้อมเพชร” น่าจะมีหน้าตาและมีความ“อลังฯ” ยังไงบ้าง
ทุกวันนี้ หากใครได้ลองมาแวะพื้นที่ในบริเวณป้อมเพชร ก็ยังคงเห็นถึงเค้าโครงของความเป็นป้อมขนาดใหญ่ หากแต่มีความร่มรื่นเพราะกลายสภาพเป็นสวนสาธารณะด้วย ทำให้ป้อมเพชรมีการใช้พื้นที่สอดคล้องกับวิถีของเมืองประวัติศาสตร์ที่มีผู้คนปัจจุบันเข้าไปใช้ประโยชน์ เพื่อพักผ่อนและเรียนรู้เรื่องราวในอดีตได้ด้วย
ที่สำคัญคือ ป้อมเพชร มีที่มาและเรื่องราวที่น่าสนใจใคร่รู้มากมาย ทำให้พื้นที่บริเวณนี้ น่าเดิน น่าค้นหา(ไม่ได้เชียรให้เข้ามาเล่นซ่อนหานะ 😆😁) แบบว่ามีความสำคัญต่อราชานีอยุธยาไม่ได้น้อยไปกว่าวัดสำคัญที่ตั้งอยู่ในเมือง ยิ่งหากมองในด้านบทบาทของความมั่นคงของราชธานี ด้านการป้องกันเมือง ที่เกี่ยวกับความปลอดภัย หรือความอยู่รอดของกรุงศรีฯด้วยแล้ว ยิ่งจะมานับนิ้วหรือกดเครื่องคิดเลขคำนวณเป็นปริมาณตัวเลขเพื่อแสดงค่าความสำคัญไม่ได้เลย
บริเวณหน้าป้อมเพชรเป็นจุดที่สบกันของแม่น้ำทั้ง ๓ สายคือ แม่น้ำเจ้าพระยาไหลลงมาทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ โดยมีแม่น้ำลพบุรีกับแม่น้ำป่าสักไหลมาบรรจบกันทางทิศตะวันออกฉียงเหนือ และไหลลงมารวมกับแม่น้ำเจ้าพระยาหน้าป้อมเพชร ณ จุดที่เป็นทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะเมือง
ลักษณะเช่นนี้จึงทำให้บริเวณด้านหน้าของป้อมเพชรมีสภาพเป็นน้ำวนตามธรรมชาติทางภูมิศาสตร์ คือน้ำมาคนละที่ ความกว้าง ความลึกของแม่น้ำที่ไม่เท่ากันย่อมทำให้เกิดการปรับตัวทางภูมิศาสตร์ให้สมดุล จึงเป็นผลให้กระแสน้ำเกิดการเคลื่อนหมุน กระเพื่อมแรง ทำให้ยากต่อการเดินทางสัญจรทางน้ำในบริเวณนี้ ในทางกลับกัน
ถ้ามองในด้านการป้องกันเมืองในอดีต ก็จะเห็นถึงประโยชน์ที่มีต่อกรุงศรีฯด้วยเช่นกัน เพราะข้าศึกก็จะรุกเข้ามาทางนี้ได้ยุ่งยากมากขึ้น นี่คือของดีที่ธรรมชาติมอบให้กรุงศรีฯในด้านป้องกันเมืองในยามทำศึกสงคราม ยังไม่รวมของแถมที่พลปืนใหญ่ประจำป้อมจะส่งมอบโปรโมชั่นให้กับข้าศึกอีกนะ😂😆🤣
ตามบันทึกและหลักฐานที่ปรากฏเป็นสภาพโบราณสถานตอนนี้ ทำให้รู้ว่า บริเวณนี้คงจะเริ่มสร้างเป็นป้อมขนาดใหญ่ครั้งแรกในช่วงที่กรุงศรีฯมีความสัมพันธ์กับชาวตะวันตกครั้งแรกคือ ชาวโปรตุเกสในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ ช่วงราวกลางพุทธศตวรรษที่ ๒๑ (พระองค์ทรงสร้างพระศรีสรรเพชญดาญาณ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปยืนองค์ที่มีดราม่ามาหลายปีจนถึงตอนนี้น่ะแระ 😂) รูปแบบของป้อมสามารถสังเกตได้ที่ส่วนฐานของป้อมจะเป็นแนวโค้งตามรูปแบบป้อมปราการที่มีความนิยมในสมัยนั้น
สอดคล้องกับความสำคัญของกรุงศรีฯในฐานะที่เป็นราชธานี มีการค้ากับชาติตะวันตก เริ่มรับวิทยาการใหม่ๆเข้ามาพร้อมกับความร่ำรวยมากขึ้น มีหมอสอนศาสนา ทหารรับจ้าง และนายช่างชาวโปรตุเกส ฯลฯ เข้ามามากมาย ปืนไฟซึ่งเป็นอาวุธทรงอานุภาพเริ่มถูกใช้แพร่หลาย
การสร้างป้อมปราการย่อมจำเป็นต้องมีความมั่นคง แข็งแรงมากขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะพื้นที่ทางน้ำฝั่งใต้ของเกาะเมืองบริเวณนี้ เริ่มเต็มไปด้วยกองเรือจากนานาชาติมากขึ้น การค้า(ผลประโยชน์) กับ ความมั่นคงปลอดภัย(ผลจากผู้คนที่หลากหลายมากขึ้น) จึงเป็นของคู่กันและต้องมีความสมดุล
ต่อมา ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯ ราวช่วงต้นถึงกลางพุทธศตวรรษที่ ๒๓ ราชสำนักมีความสนิทสนมกับฝรั่งเศสผ่าน“ฟอลคอน” หรือ “เจ้าพระยาวิชเยนทร์” (ในหนังบุพเพฯก็เป็นตัวเด่นยุ 😁😁) ทำให้ช่วงนั้นนักบวช รวมถึงนายช่างจากฝรั่งเศสหลั่งไหลเข้ามาในกรุงศรีฯ (เหตุผลนึงเพื่อสกัดอำนาจจากฮอลลันดาที่ชอบมาข่มเหงราชสำนักกรุงศรีฯก่อนหน้านี้ด้วย)
สิ่งนึงที่ได้รับวิทยาการจากฝรั่งเศสคือ การสร้างและปรับปรุงป้อมปราการเดิมมากมาย รวมถึงป้อมเพชรแห่งนี้ด้วย สังเกตได้จากลักษณะของป้อมส่วนใหญ่ที่คงให้เห็นอยู่บนดิน ยังคงรูปแบบปรากฏให้เห็นในปัจจุบันที่มีความเป็นเหลี่ยม เป็นมุม และได้รับการออกแบบกำแพงให้หนามากขึ้น มีขนาดใหญ่มากขึ้นเพื่อประจันกับการใช้อาวุธจู่โจมสมัยใหม่จากข้าศึก
อีกหนึ่งในข้อสังเกตที่ทำให้เห็นอานุภาพและความสำคัญของป้อมเพชรคือ ป้อมนี้แทบไม่ได้ใช้ในการศึกตลอดระยะเวลาหลังการสร้างจนถึงเสียกรุงศรีฯเลย เพราะข้าศึกหรือฝ่ายที่อยู่ด้านนอกเกาะเมืองฉลาดพอที่จะไม่เอารี้พลมาเททิ้งในจุดที่มีป้อมปราการมั่นคงแข็งแรงเยี่ยงนี้ 😆😂🤣 ข้าศึกจึงเลือกโจมตีจุดอื่นที่มีความเปราะบางที่สุดก่อน ช่วงเวลาของการเป็นราชธานีของกรุงศรีอยุธยา จึงแทบไม่พบบันทึกที่ระบุถึงการทำสงครามชิงเมือง(ทั้งศึกภายในและศึกภายนอก)ที่มีการรบกันที่บริเวณป้อมเพชร
และหากลองจินตนาการ มองภาพย้อนไปในช่วงเสียกรุงศรีฯครั้งสุดท้าย ทำให้ถึงบางอ้อว่า ข้าศึกทำการบ้านแก้เกมส์มาอย่างดีจริง เพียงแค่ “ปิดประตูเตรียมตีแมว” โดยตั้งค่ายอยู่อีกฝั่งน้ำแต่ไม่รุกข้ามไปหาวิถีอาวุธปืนน้อยใหญ่ของป้อมเพชร แต่ก็คุมไม่ให้ใครหนีออกมาจากเกาะเมือง ปล่อยให้เวลาค่อยๆหลอมกองทัพกรุงศรีฯที่อยู่ภายในเกาะเมืองอ่อนแรงแล้วค่อยรุก ตรงตามยุทธวิธีการสงครามเลยนะ 😢🤔
มีเวลา อยากชวนมิตรสหายมาเยี่ยมเยือน ปลอบขวัญป้อมเพชร (แล้วค่อยไปไหว้พระ ๙ วัดต่อก็ได้ ม้าง😂😆🤣 ) เชิญมารับพะลัง ความชุ่มชื่นกับบรรยากาศโปร่งๆ สวยๆ ขลังๆ หน้าป้อมริมน้ำที่มีแม่น้ำ ๓ สายมาสบกัน มาช่วยกันปลอบ มาทักทาย และเสพความงามตกค้างผ่านวัน-เวลาของป้อมเพชรที่พร้อมจะเล่าเรื่องราวความน่าสนใจด้วยเสียงกระซิบของสายลมและคลื่นน้ำ พร้อมกับหม่ำโรตี แฟดำ ฯลฯ ให้ฉ่ำใจ ✌😁🤞
รุงี้ คราวหลังไปละลายทรัพย์เตรียมของกินฝีมือชาวกรุงเก่าเพลานี้ แล้วแวะมาเยือน “ป้อมเพชร” มานั่งกิน เดินกินไปพร้อมกับพินิศหน้าตาป้อมเพชรริมน้ำแบบชิลๆ (แล้วอย่าลืมทิ้งของที่เหลือลงถังด้วยล่ะ 😂😂) หรือจะมา"วาด"บันทึกความทรงจำแบบ “สดจากไร่” อย่างที่เอามาแบ่งปันกันเป็นภาพลายเส้น ก็ทำให้อินนกับความขลังพร้อมความฟินนของรสชาติโรตี + แฟสด 😂😎) ได้มากขึ้นเชียวนะ
"ป้อมเพชร" กรุงเก่า
ขนาดภาพ A4
ปากกา เมจิกดำ
ระยะเวลาวาด ๘ นาที
ไลฟ์สไตล์
ประวัติศาสตร์
เรื่องเล่า
บันทึก
2
4
2
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย