14 ก.พ. 2022 เวลา 05:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
DCA ผลตอบแทนอันยิ่งใหญ่กับการลงทุนอันเล็กน้อย
my order transaction
เชื่อว่าหลายๆคงรูัจักตัวย่อที่มีชื่อว่า "DCA" กันเป็นอย่างดี ผมขออธิบายสั้นๆสำหรับคนที่ยังไม่เคยได้ยินคำๆนี้ DCA ย่อมาจาก Dollar-Cost Averaging หลักการง่ายๆของการทำ DCA คือการทยอยออมสินทรัพย์(ที่เราเข้าใจมัน) ด้วยจำนวนเงินที่เท่าๆกันทุกครั้ง ในระยะเวลาที่แน่นอนอย่างสม่ำเสมอ หลายๆคนมักเข้าใจผิดคิดว่า การลงทุนแบบ DCA ไม่จำเป็นต้องใช้ความรู้อะไรมากมาย แค่เอาเงินที่เก็บออมมาไปซื้อหุ้นสักตัวในจำนวนเท่านี้ๆ ใส่ไปทุกๆเดือนและรอกินผลกำไรทีเดียวในระยะยาว
ถ้าให้ผมพูดตรงๆ การลงทุนแบบ DCA มันไม่ได้จับฉ่ายแบบนั้น อย่างน้อยก็ไม่ใช่แค่ซุ่มๆสินทรัพย์เอาแบบตามความชอบล้วนๆ หรือแม้กระทั่งว่าเลือกแบบที่เพื่อน และเห็นคนส่วนใหญ่เขาซื้อกัน ตัวเราเลยไป DCA ตามเขาหมด ผมอยากให้ทุกคนเข้าใจพื้นฐานของการลงทุนแบบนี้เสียก่อน ก่อนที่คุณจะเสียเงินไปกับความไม่รู้ในสิ่งที่คุณไม่คิดว่าจะต้องรู้
หัวใจสำคัญของการลงทุนแบบนี้คือ การถัวเฉลี่ยกำไรและขาดทุนจากสินทรัพย์ตัวนั้นๆที่เราถือ ถ้าให้แปลไทยเป็นไทย คือ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น กองทุนหรือตลาดประเทภอื่นๆ ยังไงมันต้องมีได้มีเสีย(กำไรกับขาดทุน)เป็นเรื่องธรรมดา ฉะนั้นสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อคือ ในกรณีที่สินทรัพย์ราคาขึ้นเราก็ซื้อได้จำนวนน้อยๆ ในทางกลับกัน ถ้าสินทรัพย์ตกต่ำเราก็โกยซื้อได้จำนวนมากขึ้นนั้นเอง
แล้วทีนี้คุณคงสงสัยว่า กำไรมันจะมาจากไหนและการลงทุนแบบนี้มันดียังไง?
จากที่ผมบอกไปว่า จริงๆแล้วการ DCA คือการออมสินทรัพย์ที่เรามีความรู้ ดังนั้นกำไรที่คุณจะได้เกิดมาจาก ความรู้ในการลงทุนของคุณเอง ซึ่งไอความรู้ที่ว่ามันเป็นได้หลายอย่างมาก เช่น ปัจจัยพื้นฐานของสินทรัพย์ตัวนั้น, สภาพเศรษฐกิจในตอนนี้ หรือแม้กระทั่งความสามารถในการวิเคราะห์กราฟหุ้นต่างๆ เป็นต้น แต่ผมไม่อยากให้คนที่เพิ่งเริ่มต้นท้อ เพราะตอนเริ่มต้น ผมก็เริ่มมาจาก 0 เช่นกัน (แถมมีทุนน้อยอีกต่างห่าง ต้องทำงานพาร์ททาร์มเก็บเงินลงทุน)
สิ่งที่คุณจำเป็นต้องเริ่มในตอนนี้คือ การหาความรู้ด้านการลงทุนในทุกๆรูปแบบ เพื่อนำมาพิจารณาว่า เราควรซื้อหรือลงทุนแบบ DCA ในสินทรัพย์ตัวไหนดี เช่น ถ้าคุณรับความเสี่ยงได้มากหน่อย ลองมองหาหุ้นที่มีพื้นฐานดีดูไหม อาจใช้ website jitta ช่วย หรืออ่านงบการเงินของบริษัทนั้น หรือสำหรับบางท่านที่คิดว่ายากเกินไป อาจจะเลือกเป็นกองทุนดัชนีก็ไม่เสียหายอะไร ได้แก่ SET50, SET100, หุ้น blueshift ต่างๆ จนไปถึงพันธบัตรรัฐบาลหรือหุ้นกู้กันเลยทีเดียว แล้วแต่ความสะดวกและความเหมาะสมของแต่ละบุคคล
3 ข้อดีของการลงทุนแบบ DCA
  • สร้างวินัยให้คุณเอง : การลงทุนไม่ใช่การพนัน คุณต้องมีวินัยในการลงทุนอยู่อย่างสม่ำเสมอ
  • ลดความกังวลในระยะยาว : เมื่อเราศีกษาสินทรัพย์ตัวนั้นมาดีพอสมควรแล้ว มันจะเป็นตัวช่วยในการลดความเสี่ยงและความกังวลของเรา จากการสูญเสียกำไรในระยะยาว
  • มีเวลาใช้ชีวิต : ผมคิดว่านี่เป็นข้อได้เปรียบที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุนแบบนี้ เมื่อเทียบกับการลงทุนแบบสายเทคนิค (ปล.ความเห็นส่วนตัวล้วนๆนะครับ)
สรุปแล้ว ผมแค่อยากเตือนทุกๆคนที่กำลังจะลงทุนแบบ DCA ถามตัวเองก่อนลงทุนอยู่เสมอว่าสินทรัพย์ที่เรากำลังจะซื้อนั้น มันดีจริงๆหรือเปล่า มันมีการเติบโตที่แน่นอนเพียงใดและเรารับความเสี่ยงได้มากแค่ไหนกัน ความรู้ในการลงทุนหาได้ไม่ยากเลย โค้ชหลายท่าาน เช่น โค้ชหนุ่ม(the money coach)เป็นไอดอลคนนึงของผมด้านการเงิน ท่านเริ่มต้นจากติดหนี้หลักล้าน และตอนนี้ปลดหนี้ได้ เพราะความรู้ทางการเงินและวินัยที่แน่วแน่ ผมอยากให้ทุกคนได้เริ่มต้นหาความในการลงทุนมากขึ้น หวังว่าบทความนี้จะสะกิดใจใครสักคนนะครับ
grich

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา