9 ก.พ. 2022 เวลา 01:30 • ธุรกิจ
เตือนตัวเองอยู่เสมอ ว่าจะไม่กลับไปจนอีกแล้วนะ
08/02/2021
วันนี้ช่างเป็นวันที่อากาศสดใสเสียเหลือเกิน เป็นวันที่ทำให้อยากออกไปเรียนในมหาลัย ไปเดินเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์ ไปเที่ยวกับเล่นกับเพื่อนๆ อยากทำอะไรที่ทำให้ตัวเองมีความสุข…
ติดอยู่เพียงแค่ เพื่อนของผมในห้องที่นอนด้วยกันทุกวัน มันดันติดโควิดขึ้นมาก็เท่านั้นเอง ทำให้ผมจึงนับว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงสีแดงเข้มแบบสุดๆไปเลยละ หรืออาจจะเรียกได้ว่า เป็นแล้วแค่ไม่แสดงอาการ หลังจากเพื่อนผมรู้อาการแล้วว่าเป็นแน่ๆ ผมและรูมเมตอีกคนจึงวางแผนจัดเตรียมโรงพยาบาล จัดของไปนอนพักที่อื่นอีก 10 วัน ทำนู้นทำนี่เพื่อจัดการกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กับเพื่อนที่ติดโควิด จนสุดท้ายเพื่อนผมก็ได้โรงพยาบาลและที่พักเฝ้าไข้ เพื่อรอตรวจผล RT-PCR ผมส่งเพื่อนขึ้นรถโรงพยาบาบที่มารับตอนกลางคืนเสร็จเกือบๆตี 1 กว่า ผมถึงจะได้กลับห้อง ฉีดแอลกอฮอล์ ไปอาบน้ำและได้เข้านอนในที่สุด เหมือนกับคนเพิ่งไปออกรบมาเสียอย่างนั้น
ต้องท้าวความมาก่อนนิดนึงว่า เพื่อนของผมมันมีอาการตัวร้อน(ไข้ขึ้น) ปวดหัวมากๆถึงขั้นเรียกว่าหัวหนักกันเลย มักจะไอและเจ็บคออยู่บ่อยๆ รวมถึงมีเสมหะในลำคอ ถ้าให้คิดว่ามันเป็นโรคอะไร คงหนีไม่พ้นโควิดเป็นแน่ มันเลยติดสินใจลองตรวจ ATK แบบคร่าวๆไปก่อน ผลที่ออกมาคือ 2 ขีดแบบจางๆ เลยตรวจใหม่อีก 2-3 ครั้ง และผลที่ออกมาก็ยังคงเป็น 2 ขีดจางๆเช่นเดิม จนสุดท้ายจึงตัดสินใจไปเตรียมตัววางแผนเพื่อไปโรงพยาบาลอย่างที่กล่าวมา
เหตุการณ์สำคัญที่ผมอยากจะสื่อมันคือ ในวันรุ่งขึ้น ผมและรูมเมตอีกคนที่นอนอยู่กับเพื่อนที่ติดโควิด ตอนแรกมันยังไม่มีอาการแสดงใดๆทั้งสิ้น ตรวจ ATK แล้วก็ยังไม่ขึ้น 2 ขีด ทุกอย่างดูจะปกติดี จนเวลาผ่านไปถึงตอนช่วงเย็น เพื่อนผมเริ่มรู้สึกปวดหัวนิดๆ มันเลยตัดสินใจตรวจอีกรอบ ผลลัพธ์ที่ออกมา คือตัววัดขึ้นสีแดง 2 ขีดแบบเข้ม มันทำให้ผมตกใจพอสมควร รวมทั้งแอบกังวลและคิดในใจว่า เพื่อนตัวเองที่นอน อาศัย กินข้าวร่วมกันเป็นทั้ง 2 คน แถมไปไหนมาไหนด้วยกันอีก ตัวเราเองคงเป็นแม่นแล้วๆ ผมจึงตัดสินใจตรวจอีกครั้ง แต่ผลที่ออกมา ผมยังคงปกติดี (หรืออาจจะไม่แสดงอาการ)
เพื่อนผมมันเลือกที่จะไปนอนโรงพยาบาล เพราะแม่มันเป็นห่วง นัดแนะอะไรเรียบร้อย แพลนว่าจะไปพรุ่งนี้ตอนบ่าย มันถามผมว่า “จะไปนอนด้วยป่าว ได้หารค่ารถไปโรงพยาบาลกัน”
ผมเลยโทรไปถามแม่ว่า เกฟ(ตัวผมเอง)มีอาการแบบนี้ๆ ตรวจแล้วได้ผลออกมาเป็นยังไง กำลังคิดอยู่ว่าจะไปนอนโรงพยาบาลกับเพื่อน เพื่อรอตรวจให้แล้วเสร็จกันไป ผมจะได้กลับมาทำพาร์ททาร์มต่อ แม่ผมลองคุยกับป๊าดู ทั้งคู่ก็บอกว่าโอเคที่จะไปตรวจที่โรงพยาบาล ทั้งคู่ถามเพียงแค่ว่า “ค่าใช้จ่ายในการตรวจครั้งนี้เท่าไหร่เหรอลูก?” ผมบอกไปว่า “ประมาณ 3,000 - 5,000 บาทครับ” แม่ผมก็เงียบไปพักนึง แล้วก็ถามผมต่อว่า “อยู่หอแทนได้ไหม ลูกน่าจะไม่มีอาการอะไร เพื่อนแม่ที่เคยไปเที่ยว แล้วติดโควิดมา เขาก็ไม่ได้มีอาการอะไรน่าเป็นห่วงนะ” ผมตอบกลับไปเพียงแค่ว่า “ตอนแรกแม่บอกไปได้ไม่ใช่เหรอครับ ทำไมตอนนี้ถึงไม่โอเคแล้วละ” ทุกอย่างเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง…
ทุกคนเข้าใจถูกต้องแล้ว ครอบครัวผมไม่มีเงินมากพอ ที่จะมาซัพพอร์ตสุขภาพและอาการเจ็บป่วยของคนที่ตัวเองรักหรือคนในครอบครัวเลย (ไม่มี emergency fund แม้แต่บาทเดียว) มันเป็นอีกจุดๆนึงในชีวิตของผม ที่ถ้ามันไม่เกิดขึ้นกับตัวเอง คงไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกของการมีเงินสำรองและการรู้จักให้ความสำคัญกับเงินเก็บไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน
บทความนี้ผมอยากเตือนตัวผมเองและทุกคนได้มาอ่าน มันไม่เกี่ยวหรอกที่พ่อแม่จะจนหรือรวย การโทษผู้มีพระคุณทั้ง 2 ท่าน มันไม่ได้ช่วยให้เรารวยขึ้นเลยแม้แต่บาทเดียว ผมเจ็บใจและเตือนตัวเองอยู่เสมอ ว่าจะไม่กลับไปจนอีกแล้วนะ
ขอบคุณครับ
Grich
โฆษณา