Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
A WAY OF LIFE : ทางผ่าน
•
ติดตาม
22 ก.พ. 2022 เวลา 12:21 • ปรัชญา
"ตัวอย่างพุทธวจนที่ทรงตรัสไม่ให้ปล่อยจิตให้เพลินกับอารมณ์ 2/3"
1
5. ตัณหา คือ “เชื้อแห่งการเกิด”
6. เมื่อมีความพอใจ ย่อมมีตัณหา
7. ตัณหา คือ เครื่องนำ ไปสู่ภพใหม่อันเป็นเหตุเกิดทุกข์
8. สิ้นความอยาก ก็สิ้นทุกข์
9. มีความเพลิน คือมีอุปาทาน ผู้มีอุปาทานย่อมไม่ปรินิพพาน
★
ตัณหา คือ “เชื้อแห่งการเกิด”
วัจฉะ!
เราย่อมบัญญัติความบังเกิดขึ้น
สำหรับสัตว์ผู้ที่ยังมีอุปาทานอยู่ (สอุปาทานสฺส)
ไม่ใช่สำหรับสัตว์ผู้ที่ไม่มีอุปาทาน
วัจฉะ!
เปรียบเหมือน ไฟที่มีเชื้อ
ย่อมโพลงขึ้นได้ (อคฺคิ สอุปาทาโน ชลติ)
ที่ไม่มีเชื้อ ก็โพลงขึ้นไม่ได้
อุปมานี้ฉันใด อุปไมยก็ฉันนั้น
วัจฉะ!
เราย่อมบัญญัติความบังเกิดขึ้น
สำหรับสัตว์ผู้ที่ยังมีอุปาทานอยู่
ไม่ใช่สำหรับสัตว์ผู้ที่ไม่มีอุปาทาน
“พระโคดมผู้เจริญ !
ถ้าสมัยใด เปลวไฟ ถูกลมพัดหลุดปลิวไปไกล
สมัยนั้น พระโคดมย่อมบัญญัติ
ซึ่งอะไรว่าเป็นเชื้อแก่เปลวไฟนั้น
ถ้าถือว่ามันยังมีเชื้ออยู่?”
วัจฉะ!
สมัยใด เปลวไฟ ถูกลมพัดหลุดปลิวไปไกล
เราย่อมบัญญัติเปลวไฟนั้น
ว่า มีลมนั่นแหละเป็นเชื้อ
วัจฉะ!
เพราะว่า สมัยนั้น ลมย่อมเป็นเชื้อของเปลวไฟนั้น
“พระโคดมผู้เจริญ!
ถ้าสมัยใด สัตว์ทอดทิ้งกายนี้
และยังไม่บังเกิดขึ้นด้วยกายอื่น
สมัยนั้น พระโคดมย่อมบัญญัติซึ่งอะไร
ว่าเป็นเชื้อแก่สัตว์นั้น
ถ้าถือว่ามันยังมีเชื้ออยู่?”
วัจฉะ!
สมัยใด สัตว์ทอดทิ้งกายนี้
และยังไม่บังเกิดขึ้นด้วยกายอื่น
เรากล่าว สัตว์นี้ ว่า
มีตัณหานั่นแหละเป็นเชื้อ
เพราะว่า สมัยนั้น
ตัณหาย่อมเป็นเชื้อของสัตว์นั้น แล
★
เมื่อมีความพอใจ ย่อมมีตัณหา
ภิกษุทั้งหลาย!
เปรียบเหมือนไฟกองใหญ่
พึงลุกโพลงด้วยไม้สิบเล่มเกวียนบ้าง
ยี่สิบเล่มเกวียนบ้าง สามสิบเล่มเกวียนบ้าง
สี่สิบเล่มเกวียนบ้าง
บุรุษพึงเติมหญ้าแห้งบ้าง มูลโคแห้งบ้าง ไม้แห้งบ้าง
ลงไปในกองไฟนั้น ตลอดเวลาที่ควรเติม อยู่เป็นระยะๆ
ภิกษุทั้งหลาย!
ด้วยอาการ อย่างนี้แล ไฟกองใหญ่
ซึ่งมี เครื่องหล่อเลี้ยง อย่างนั้น
มี เชื้อเพลิง อย่างนั้น
ก็จะพึงลุกโพลง ตลอดกาลยาวนาน
ข้อนี้ฉันใด ภิกษุทั้งหลาย!
เมื่อภิกษุเป็นผู้มีปกติ
เห็นโดยความเป็นอัสสาทะ (น่ารักน่ายินดี)
ใน อุปาทานิยธรรม (ธรรมทั้งหลายอันเป็นที่ตั้งแห่งอุปาทาน) อยู่
ตัณหาย่อมเจริญ อย่างทั่วถึง
เพราะมีตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน
เพราะมีอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ
เพราะมีภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ
เพราะมีชาติเป็นปัจจัย
ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย
จึงเกิดขึ้นครบถ้วน
ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้
ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้
★
ตัณหา คือ เครื่องนำไปสู่ภพใหม่อันเป็นเหตุเกิดทุกข์
ภิกษุทั้งหลาย!
ถ้าบุคคลย่อมคิด ถึงสิ่งใดอยู่ (เจเตติ)
ย่อมดำริ ถึงสิ่งใดอยู่ (ปกปฺเปติ)
และย่อมมีใจฝังลงไป ในสิ่งใดอยู่ (อนุเสติ)
(อารมฺมณเมตํ โหติ วิญฺญาณสฺส ฐิติยา)
สิ่งนั้นย่อมเป็นอารมณ์เพื่อการตั้งอยู่แห่งวิญญาณ
(อารมฺมเณ สติ ปติฏฺฐา วิญฺญาณสฺส โหติ)
เมื่ออารมณ์ มีอยู่
ความตั้งขึ้นเฉพาะแห่งวิญญาณ ย่อมมี
(ตสฺมึ ปติฏฺฐิเต วิญฺญาเณ วิรูเฬฺห นติ โหติ)
เมื่อวิญญาณนั้น ตั้งขึ้นเฉพาะ เจริญงอกงามแล้ว
ย่อมมีการน้อมไป
(นติยา สติ อาคติคติ โหติ)
เมื่อมีการน้อมไป ย่อมมีการไปการมา
(อาคติคติยา สติ จุตูปปาโต โหติ)
เมื่อมีการไปการมา ย่อมมีการเคลื่อนการบังเกิด
เมื่อมีการเคลื่อนการบังเกิด
ชาติชรามรณะ โสกะปริเทวะ ฯ
จึงเกิดขึ้นครบถ้วน
ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้
ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้
ภิกษุทั้งหลาย!
ถ้าบุคคลย่อมไม่คิดถึงสิ่งใด
ย่อมไม่ดำริถึงสิ่งใด
แต่เขายังมีใจปักลงไปในสิ่งใดอยู่
สิ่งนั้นย่อมเป็นอารมณ์เพื่อการตั้งอยู่แห่งวิญญาณ
เมื่ออารมณ์ มีอยู่
ความตั้งขึ้นเฉพาะแห่งวิญญาณย่อมมี
เมื่อวิญญาณนั้น ตั้งขึ้นเฉพาะ เจริญงอกงามแล้ว
ย่อมมีการน้อมไป
เมื่อมีการน้อมไป ย่อมมีการไปการมา
เมื่อมีการไปการมา ย่อมมีการเคลื่อนการบังเกิด
เมื่อมีการเคลื่อนการบังเกิด
ชาติชรามรณะ โสกะปริเทวะ ฯ
จึงเกิดขึ้นครบถ้วน
ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้
ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้.
★
สิ้นความอยาก ก็สิ้นทุกข์
นิสฺสิตสฺส จลิตํ
ความหวั่นไหว ย่อมมี
แก่บุคคลผู้อันตัณหาและทิฏฐิอาศัยแล้ว
อนิสฺสิตสฺส จลิตํ นตฺถิ
ความหวั่นไหว ย่อมไม่มี
แก่บุคคลผู้อันตัณหาและทิฏฐิไม่อาศัยแล้ว
จลิเต อสติ ปสฺสทฺธิ
เมื่อความหวั่นไหว ไม่มี
ปัสสัทธิ ย่อมมี
ปสฺสทฺธิยา สติ นติ น โหติ
เมื่อปัสสัทธิ มี
ความน้อมไป ย่อมไม่มี
นติยา อสติ อาคติคติ น โหติ
เมื่อความน้อมไป ไม่มี
การไปและการมา ย่อมไม่มี
อาคติคติยา อสติ จุตูปปาโต น โหติ
เมื่อการไปการมา ไม่มี
การเคลื่อนและการบังเกิด ย่อมไม่มี
จุตูปปาเต อสติ เนวิธ น หุรํ น อุภยมนฺตเร
เมื่อการเคลื่อนและการบังเกิดไม่มี
อะไรๆ ก็ไม่มีในโลกนี้ ไม่มีในโลกอื่น
ไม่มีในระหว่างแห่งโลกทั้งสอง
เอเสวนฺโต ทุกฺขสฺส
นั่นแหละ คือที่สุดแห่งทุกข์ละ.
★
มีความเพลิน คือมีอุปาทาน ผู้มีอุปาทานย่อมไม่ปรินิพพาน
ภิกษุทั้งหลาย!
ภิกษุนั้นย่อมเพลิดเพลิน ย่อมพร่ำสรรเสริญ
ย่อมเมาหมกอยู่ ซึ่งรูป
เมื่อภิกษุนั้นเพลิดเพลิน พร่ำสรรเสริญ
เมาหมกอยู่ ซึ่งรูป
ความเพลิน (นันทิ) ย่อมเกิดขึ้น
ความเพลินใด ในรูป ความเพลินนั้นคืออุปาทาน ...
ภิกษุทั้งหลาย!
ภิกษุนั้นย่อมเพลิดเพลิน ย่อมพร่ำสรรเสริญ
ย่อมเมาหมกอยู่ ซึ่งเวทนา
เมื่อภิกษุนั้นเพลิดเพลิน พร่ำสรรเสริญ
เมาหมกอยู่ ซึ่งเวทนา
ความเพลิน (นันทิ) ย่อมเกิดขึ้น
ความเพลินใด ในเวทนา ความเพลินนั้นคืออุปาทาน ...
ภิกษุทั้งหลาย!
ภิกษุนั้นย่อมเพลิดเพลิน ย่อมพร่ำสรรเสริญ
ย่อมเมาหมกอยู่ ซึ่งสัญญา
เมื่อภิกษุนั้นเพลิดเพลิน พร่ำสรรเสริญ
เมาหมกอยู่ ซึ่งสัญญา
ความเพลิน (นันทิ) ย่อมเกิดขึ้น
ความเพลินใด ในสัญญา ความเพลินนั้นคืออุปาทาน...
ภิกษุทั้งหลาย!
ภิกษุนั้นย่อมเพลิดเพลิน ย่อมพร่ำสรรเสริญ
ย่อมเมาหมกอยู่ ซึ่งสังขาร
เมื่อภิกษุนั้นเพลิดเพลิน พร่ำสรรเสริญ
เมาหมกอยู่ ซึ่งสังขาร
ความเพลิน (นันทิ) ย่อมเกิดขึ้น
ความเพลินใด ในสังขาร ความเพลินนั้นคืออุปาทาน...
ภิกษุทั้งหลาย!
ภิกษุนั้นย่อมเพลิดเพลิน ย่อมพร่ำสรรเสริญ
ย่อมเมาหมกอยู่ ซึ่งวิญญาณ
เมื่อภิกษุนั้นเพลิดเพลิน พร่ำสรรเสริญ
เมาหมกอยู่ ซึ่งวิญญาณ
ความเพลิน (นันทิ) ย่อมเกิดขึ้น
ความเพลินใด ในวิญญาณ ความเพลินนั้นคืออุปาทาน
เพราะอุปาทานของภิกษุนั้นเป็นปัจจัย จึงมีภพ
เพราะมีภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ
เพราะมีชาติเป็นปัจจัย ชรามรณะ โสกะปริเทวะอุปายาสทั้งหลาย
จึงเกิดขึ้นครบถ้วน
ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้
ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้
2 บันทึก
13
6
4
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ตามดู ไม่ตามไป
2
13
6
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย