Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
A WAY OF LIFE : ทางผ่าน
•
ติดตาม
24 ก.พ. 2022 เวลา 12:18 • ปรัชญา
"ตัวอย่างพุทธวจนที่ทรงตรัสไม่ให้ปล่อยจิตให้เพลินกับอารมณ์ 3/3"
10. ในอริยมรรคมีองค์
11. ทรงตรัสว่า “เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องเร่งกระทำ”
12. ต้องเพียรละความเพลินในทุกๆ อิริยาบถ
13. ความเพียร ๔ ประเภท (นัยที่ ๑)
14. ความเพียร ๔ ประเภท (นัยที่ ๒)
★
ในอริยมรรคมีองค์ ๘
ภิกษุทั้งหลาย!
สัมมาสังกัปปะ เป็นอย่างไรเล่า ?
(เนกฺขมฺมสงฺกปฺโป)
ความดำริในการออกจากกาม
(อพฺยาปาทสงฺกปฺโป)
ความดำริในการไม่มุ่งร้าย
(อวิหึสาสงฺกปฺโป)
ความดำริในการไม่เบียดเบียน
ภิกษุทั้งหลาย! อันนี้เรากล่าวว่า สัมมาสังกัปปะ
...
ภิกษุทั้งหลาย!
สัมมาวายามะ เป็นอย่างไรเล่า
ภิกษุทั้งหลาย! ภิกษุในกรณีนี้
ย่อมทำความพอใจให้เกิดขึ้น
ย่อมพยายาม ปรารภความเพียร
ประคองจิต ตั้งจิตไว้
เพื่อจะยังอกุศลธรรมอันเป็นบาปที่ยังไม่เกิด
ไม่ให้เกิดขึ้น
ย่อมทำความพอใจให้เกิดขึ้น
ย่อมพยายาม ปรารภความเพียร
ประคองจิต ตั้งจิตไว้
เพื่อละอกุศลอันเป็นบาป ที่เกิดขึ้นแล้ว
ย่อมทำความพอใจให้เกิดขึ้น
ย่อมพยายาม ปรารภความเพียร
ประคองจิต ตั้งจิตไว้
เพื่อจะยังกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ให้เกิดขึ้น
ย่อมทำความพอใจให้เกิดขึ้น
ย่อมพยายาม ปรารภความเพียร
ประคองจิต ตั้งจิตไว้
เพื่อความตั้งอยู่ ความไม่เลอะเลือน
ความงอกงามยิ่งขึ้น ความไพบูลย์ ความเจริญ
ความเต็มรอบ แห่งกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว
ภิกษุทั้งหลาย! อันนี้เรากล่าวว่า สัมมาวายามะ
★
ทรงตรัสว่า “เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องเร่งกระทำ”
ภิกษุทั้งหลาย!
ถ้าภิกษุไม่เป็นผู้ฉลาดในวาระจิตของผู้อื่นไซร้
เมื่อเป็นเช่นนั้น เธอพึงทำความสำเหนียกว่า
“เราจักเป็นผู้ฉลาดในวาระจิตแห่งตน” ดังนี้เถิด
ภิกษุทั้งหลาย!
ภิกษุเป็นผู้ฉลาดในวาระจิตแห่งตน เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุทั้งหลาย!
เปรียบเหมือนชายหนุ่มหญิงสาว ที่ชอบแต่งตัว
ส่องดูเงาหน้าของตนที่แว่นส่องหน้า
หรือที่ภาชนะน้ำอันบริสุทธิ์หมดจดใสสะอาด
ถ้าเห็นธุลีหรือต่อมที่หน้า
ก็พยายามนำธุลีหรือต่อมนั้นออกเสีย
ถ้าไม่เห็นธุลีหรือต่อม
ก็ยินดีพอใจว่าเป็นลาภหนอ บริสุทธิ์ดีแล้วหนอ ข้อนี้ฉันใด
ภิกษุทั้งหลาย!
การพิจารณาของภิกษุ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน คือ
จะมีอุปการะมากในกุศลธรรมทั้งหลายในเมื่อเธอพิจารณาว่า
“เรามีชีวิตอยู่โดยมาก โดยมีอภิชฌา หรือไม่มีอภิชฌา
เรามีชีวิตอยู่โดยมาก โดยมีจิตพยาบาท หรือไม่มีจิตพยาบาท
เรามีชีวิตอยู่โดยมาก โดยมีถีนมิทธะกลุ้มรุมอยู่
หรือปราศจากถีนมิทธะ
เรามีชีวิตอยู่โดยมาก โดยมีความฟุ้งซ่าน หรือไม่ฟุ้งซ่าน
เรามีชีวิตอยู่โดยมาก โดยมีวิจิกิจฉา หรือหมดวิจิกิจฉา
เรามีชีวิตอยู่โดยมาก โดยเป็นผู้มักโกรธ หรือไม่มักโกรธ
เรามีชีวิตอยู่โดยมาก โดยมีจิตเศร้าหมอง หรือไม่มีจิตเศร้าหมอง
เรามีชีวิตอยู่โดยมาก โดยมีกายอันเครียดครัดในการปฏิบัติธรรม
หรือมีกายไม่เครียดครัด
เรามีชีวิตอยู่โดยมาก โดยเป็นผู้เกียจคร้าน
หรือเป็นผู้ปรารภความเพียร
เรามีชีวิตอยู่โดยมาก โดยมีจิตตั้งมั่น หรือไม่มีจิตตั้งมั่น” ดังนี้
ภิกษุทั้งหลาย! ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่ รู้สึกว่า
“เราอยู่โดยมาก โดยความเป็นผู้มากด้วยอภิชฌา มีจิตพยาบาท
ถีนมิทธะกลุ้มรุม ฟุ้งซ่าน มีวิจิกิจฉา มักโกรธ มีจิตเศร้าหมอง
มีกายเครียดครัด เกียจคร้าน มีจิตไม่ตั้งมั่น” ดังนี้แล้ว
ภิกษุนั้น พึงกระทำซึ่งฉันทะ (ความพอใจ)
วายามะ (ความพยายาม)
อุสสาหะ อุสโสฬ๎หี (ความขะมักเขม้น)
อัปปฏิวานี (ความไม่ถอยหลัง)
สติและสัมปชัญญะ อย่างแรงกล้า
เพื่อละเสียซึ่งธรรมอันเป็นบาปอกุศลเหล่านั้น
เช่นเดียวกับ บุคคลผู้มีเสื้อผ้าหรือศีรษะอันไฟลุกโพลงแล้ว
จะพึงกระทำฉันทะ วายามะ อุสสาหะ อุสโสฬ๎หี อัปปฏิวานี
สติและสัมปชัญญะอันแรงกล้า
เพื่อจะดับไฟที่เสื้อผ้าหรือที่ศีรษะนั้นเสีย ฉันใดก็ฉันนั้น.
ภิกษุทั้งหลาย!
ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่ รู้สึกว่า
“เราอยู่โดยมาก โดยความเป็นผู้ไม่มีอภิชฌา ไม่มีจิตพยาบาท
ไม่มีถีนมิทธะกลุ้มรุม ไม่ฟุ้งซ่าน หมดวิจิกิจฉา ไม่มักโกรธ
มีจิตไม่เศร้าหมอง มีกายไม่เครียดครัด
ปรารภความเพียร มีจิตตั้งมั่น” ดังนี้แล้ว
ภิกษุนั้น พึงตั้งอยู่ในกุศลธรรมเหล่านั้นแหละ
แล้วประกอบโยคกรรม
เพื่อความสิ้นอาสวะทั้งหลายให้ยิ่งขึ้นไป.
★
ต้องเพียรละความเพลินในทุกๆ อิริยาบถ
ภิกษุทั้งหลาย!
เมื่อภิกษุกำลังเดินอยู่
ถ้าเกิดครุ่นคิดด้วยความครุ่นคิดในกาม (กามวิตก)
หรือ ครุ่นคิดด้วยความครุ่นคิดในทางเดือดแค้น (พยาบาทวิตก)
หรือ ครุ่นคิดด้วยความครุ่นคิดในทางทำผู้อื่นให้ลำบากเปล่าๆ
(วิหิงสาวิตก) ขึ้นมา
และภิกษุก็ไม่รับเอาความครุ่นคิดนั้นไว้
สละทิ้งไป ถ่ายถอนออก ทำให้สิ้นสุดลงไปจนไม่มีเหลือ
ภิกษุที่เป็นเช่นนี้ แม้กำลังเดินอยู่ ก็เรียกว่า
เป็นผู้ทำ ความเพียรเผากิเลส รู้สึกกลัวต่อสิ่งลามก
เป็นคนปรารภความเพียร
อุทิศตนในการเผากิเลส อยู่เนืองนิจ.
ภิกษุทั้งหลาย! เมื่อภิกษุกำลังยืนอยู่
ถ้าเกิดครุ่นคิดด้วยความครุ่นคิดในกาม
หรือ ครุ่นคิดด้วยความครุ่นคิดในทางเดือดแค้น
หรือ ครุ่นคิดด้วยความครุ่นคิดในทางทำผู้อื่นให้ลำบากเปล่าๆ ขึ้นมา
และภิกษุก็ ไม่รับเอาความครุ่นคิดนั้นไว้
สละทิ้งไป ถ่ายถอนออก ทำให้สิ้นสุดลงไปจนไม่มีเหลือ
ภิกษุที่เป็นเช่นนี้ แม้กำลังยืนอยู่ ก็เรียกว่า
เป็นผู้ทำ ความเพียรเผากิเลส รู้สึกกลัวต่อสิ่งลามก
เป็นคนปรารภความเพียร
อุทิศตนในการเผากิเลสอยู่เนืองนิจ.
ภิกษุทั้งหลาย!
เมื่อภิกษุกำลังนั่งอยู่
ถ้าเกิดครุ่นคิดด้วยความครุ่นคิดในกาม
หรือ ครุ่นคิดด้วยความครุ่นคิดในทางเดือดแค้น
หรือ ครุ่นคิดด้วยความครุ่นคิดในทางทำผู้อื่นให้ลำบากเปล่าๆ ขึ้นมา
และภิกษุก็ไม่รับเอาความครุ่นคิดนั้นไว้
สละทิ้งไป ถ่ายถอนออก ทำให้สิ้นสุดลงไปจนไม่มีเหลือ
ภิกษุที่เป็นเช่นนี้ แม้กำลังนั่งอยู่ ก็เรียกว่า
เป็นผู้ทำ ความเพียรเผากิเลส รู้สึกกลัวต่อสิ่งลามก
เป็นคนปรารภความเพียร
อุทิศตนในการเผากิเลสอยู่เนืองนิจ.
ภิกษุทั้งหลาย! เมื่อภิกษุกำลังนอนอยู่
ถ้าเกิดครุ่นคิดด้วยความครุ่นคิดในกาม
หรือ ครุ่นคิดด้วยความครุ่นคิดในทางเดือดแค้น
หรือ ครุ่นคิดด้วยความครุ่นคิดในทางทำผู้อื่นให้ลำบากเปล่าๆ ขึ้นมา
และภิกษุก็ไม่รับเอาความครุ่นคิดนั้นไว้
สละทิ้งไป ถ่ายถอนออก ทำให้สิ้นสุดลงไปจนไม่มีเหลือ
ภิกษุที่เป็นเช่นนี้ แม้กำลังนอนอยู่ ก็เรียกว่า
เป็นผู้ทำ ความเพียรเผากิเลส รู้สึกกลัวต่อสิ่งลามก
เป็นคนปรารภความเพียร
อุทิศตนในการเผากิเลสอยู่เนืองนิจแล
★
ความเพียร ๔ ประเภท (นัยที่ ๑)
ภิกษุทั้งหลาย!
ปธานสี่อย่างเหล่านี้ มีอยู่.
สี่อย่าง อย่างไรเล่า ? สี่อย่าง คือ
สังวรปธาน (เพียรระวัง)
ปหานปธาน (เพียรละ)
ภาวนาปธาน (เพียรบำ เพ็ญ)
อนุรักขนาปธาน (เพียรตามรักษาไว้)
ภิกษุทั้งหลาย!
สังวรปธาน เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุทั้งหลาย!
ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมทำความพอใจให้เกิดขึ้น
ย่อมพยายาม ปรารภความเพียร
ประคองจิต ตั้งจิตไว้
เพื่อจะยังอกุศลธรรมอันเป็นบาปที่ยังไม่เกิด
ไม่ให้เกิดขึ้น
ภิกษุทั้งหลาย! นี้เรียกว่า สังวรปธาน.
ภิกษุทั้งหลาย!
ปหานปธาน เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุทั้งหลาย!
ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมทำความพอใจให้เกิดขึ้น
ย่อมพยายาม ปรารภความเพียร
ประคองจิต ตั้งจิตไว้
เพื่อจะละอกุศลธรรมอันเป็นบาปที่บังเกิดขึ้นแล้ว
ภิกษุทั้งหลาย! นี้เรียกว่า ปหานปธาน
ภิกษุทั้งหลาย!
ภาวนาปธาน เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุทั้งหลาย!
ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมทำความพอใจให้เกิดขึ้น
ย่อมพยายาม ปรารภความเพียร
ประคองจิต ตั้งจิตไว้
เพื่อยังกุศลธรรมทั้งหลายที่ยังไม่เกิด
ให้เกิดขึ้น
ภิกษุทั้งหลาย! นี้เรียกว่า ภาวนาปธาน.
ภิกษุทั้งหลาย!
อนุรักขนาปธาน เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุทั้งหลาย!
ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมทำความพอใจให้เกิดขึ้น
ย่อมพยายาม ปรารภความเพียร
ประคองจิต ตั้งจิตไว้
เพื่อความตั้งอยู่ ความไม่เลอะเลือน
ความงอกงามยิ่งขึ้น ความไพบูลย์ ความเจริญ
ความเต็มรอบ แห่งกุศลธรรมทั้งหลายที่บังเกิดขึ้นแล้ว
ภิกษุทั้งหลาย! นี้เรียกว่า อนุรักขนาปธาน.
ภิกษุทั้งหลาย! เหล่านี้แล ปธานสี่อย่าง
★
ความเพียร ๔ ประเภท (นัยที่ ๒)
ภิกษุทั้งหลาย!
ปธานสี่อย่างเหล่านี้ มีอยู่.
สี่อย่าง อย่างไรเล่า ? สี่อย่าง คือ
สังวรปธาน ปหานปธาน ภาวนาปธาน อนุรักขนาปธาน.
ภิกษุทั้งหลาย!
สังวรปธาน เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุทั้งหลาย!
ภิกษุในกรณีนี้ เห็นรูปด้วยตาแล้ว
ไม่เป็นผู้ถือเอาในลักษณะที่เป็นการรวบถือเอาทั้งหมด
ไม่เป็นผู้ถือเอาในลักษณะที่เป็นการถือเอาโดยแยกเป็นส่วนๆ
อกุศลธรรมอันเป็นบาป คือ อภิชฌาและโทมนัส
จะพึงไหลไปตามบุคคลผู้ไม่สำรวมอยู่
ซึ่งอินทรีย์อันเป็นต้นเหตุคือตา ใด
เธอย่อมปฏิบัติเพื่อสำรวมซึ่งอินทรีย์นั้น
ย่อมรักษาอินทรีย์คือตา ย่อมถึงการสำรวมในอินทรีย์คือตา
(ในกรณีแห่งอินทรีย์คือหู อินทรีย์คือจมูก อินทรีย์คือลิ้น
อินทรีย์คือกาย อินทรีย์คือใจ ก็มีข้อความที่ได้ตรัสไว้ทำนองเดียวกัน)
ภิกษุทั้งหลาย! นี้เรากล่าวว่า สังวรปธาน.
ภิกษุทั้งหลาย!
ปหานปธาน เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุทั้งหลาย!
ภิกษุในกรณีนี้
ไม่รับเอาไว้ สละทิ้งไปถ่ายถอนออก
ทำให้สิ้นสุดเสีย ทำให้ถึงความไม่มี
ซึ่งกามวิตก ที่เกิดขึ้นแล้ว...
ซึ่งพยาบาทวิตก ที่เกิดขึ้นแล้ว...
ซึ่งวิหิงสาวิตก ที่เกิดขึ้นแล้ว...
ซึ่งอกุศลธรรมอันเป็นบาปทั้งหลาย ที่บังเกิดขึ้นแล้วๆ
ภิกษุทั้งหลาย! นี้เรากล่าวว่า ปหานปธาน.
ภิกษุทั้งหลาย!
ภาวนาปธาน เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุทั้งหลาย!
ภิกษุในกรณีนี้
ย่อมเจริญซึ่ง สติสัมโพชฌงค์ ...
ซึ่งธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ ...
ซึ่งวิริยสัมโพชฌงค์ ...
ซึ่งปีติสัมโพชฌงค์ ...
ซึ่งปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ ...
ซึ่งสมาธิสัมโพชฌงค์ ...
ซึ่งอุเบกขาสัมโพชฌงค์ อัน (แต่ละอย่างๆ)
อาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ
น้อมไปเพื่อโวสสัคคะ
ภิกษุทั้งหลาย! นี้เรากล่าวว่า ภาวนาปธาน.
ภิกษุทั้งหลาย!
อนุรักขนาปธาน เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุทั้งหลาย!
ภิกษุในกรณีนี้
ย่อมตามรักษาซึ่งสมาธินิมิตอันเจริญ ที่เกิดขึ้นแล้ว คือ
อัฏฐิกสัญญา ปุฬวกสัญญา วินีลกสัญญา
วิปุพพกสัญญา วิจฉิทกสัญญา อุทธุมาตกสัญญา
ภิกษุทั้งหลาย! นี้เราเรียกว่า อนุรักขนาปธาน.
ภิกษุทั้งหลาย! ปธานสี่อย่างเหล่านี้ แล
3 บันทึก
10
4
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ตามดู ไม่ตามไป
3
10
4
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย