ซึ่งแต่ละอาณาจักรจะเริ่มต้นด้วยการที่ผู้นำประเทศมีความเข็มแข็งและความสามารถในการสร้างอำนาจและออกแบบระบบภายในประเทศที่เอื้อให้ประเทศมีความมั่งคั่งและอำนาจเพิ่มขึ้นในเวทีโลก (The Rise)
นำไปสู่ความรุ่งเรืองที่ประเทศสามารถได้รับผลประโยชน์อย่างเต็มที่จากการเป็นมหาอำนาจของโลก (The Top) และนำไปสู่การเสื่อมถอยจากการกระจายอำนาจและความมั่งคั่งที่ไม่เท่าเทียมที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง,การปฏิวัติ หรือ สงคราม ไม่ว่าจะทั้งภายในหรือภายนอกประเทศก็ตาม (The Decline)
เช่น ในช่วงเริ่มต้น The Rise สิ่งที่ทำให้เติบโตได้อย่างรวดเร็ว คือ การศึกษา นวัตกรรม และการแข่งขัน ที่ส่งผลให้อาณาจักรสามารถสร้างอำนาจในการสร้างผลผลิตและเป็นศูนย์กลางของการเงินโลกได้
จากการศึกษาปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ของอาณาจักรต่าง ๆ ในอดีตช่วยให้เราสามารถมองเห็นรูปแบบของการก่อตัวของความรุ่งเรืองและจุดเริ่มต้นของการเสื่อมถอยได้แม่นยำมากขึ้น และสามารถสรุปเป็นวงจรของการรุ่งเรืองและเสื่อมถอยของอาณาจักรได้ (The Big Cycle)
จึงก่อให้เกิดระบบ Type 3 : Fiat Money ที่เป็นระบบที่ธนาคารกลางสามารถผลิตธนบัตรได้อย่างไร้ข้อผูกมัด และสามารถอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตามความต้องการ แต่แลกด้วยกันที่ธนบัตรจะไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นโลหะมีค่ากับธนาคารได้อีก
ซึ่งระบบ Type 3 นี้จะทำให้มูลค่าของสกุลเงินนั้นมีมูลค่าลดลงเมื่อเทียบกับโลหะมีค่า ยิ่งผลิตเงินออกไปมากเท่าไรก็จะยิ่งทำให้สกุลเงินนั้นมีมูลค่าลดลงเท่านั้น และนำไปสู่ปัญหาเงินเฟ้อ และไม่สามารถรองรับระบบการเงินแบบนี้ได้อีกต่อไป และกลับไปสู่การใช้ระบบ Type 1 หรือ Type 2 อีกครั้ง
2.The Internal Order and Disorder Cycle (วงจรอำนาจและการเสื่อมถอยภายใน)
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือของ Ray Dalio เล่มที่ 3 ที่ผมได้อ่าน Ray ยังคงสไตล์การเขียนที่มีข้อมูล และเนื้อหาที่ชัดเจน พร้อมทั้งภาพประกอบที่ทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น
ผมนับถือในความพยายามศึกษาของ Ray มาก ๆ เพราะหนังสือเล่มนี้ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมหาศาล ซึ่งข้อมูลทั้งลึกและกว้าง เพื่อสร้างโมเดลของวงจรต่าง ๆ ให้เราได้เรียนรู้