Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
A WAY OF LIFE : ทางผ่าน
•
ติดตาม
2 มี.ค. 2022 เวลา 00:21 • ไลฟ์สไตล์
“เข้าใจรูปก็วางรูป
เข้าใจนามก็วางนาม
เข้าใจจิตก็วางจิต”
1
“ … ความปรุงแต่งทั้งหลาย คือ ทุกข์
1
ค่อยภาวนาถึงจุดหนึ่ง
เราจะพบว่าความปรุงแต่งทั้งหลายคือทุกข์
พอรู้แล้ว ปัญญามันแก่รอบ มันก็ไม่เอาแล้ว
ความปรุงแต่ง จะปรุงชั่ว จะปรุงดี
หรือพยายามจะไม่ปรุง มันก็คือปรุง
ก็คือทุกข์ทั้งหมด
พอจิตมันพ้นจากความปรุงแต่ง
มันก็เข้าถึงความสุขที่อยู่เหนือความปรุงแต่ง
ความสุขของความสงบ
ความสุขของการพ้นความเสียดแทงทั้งหลาย
ความสุขของการไม่มีภาระของใจ
ใจมันมีความสุขขึ้นมา
อย่างเวลาเราไปงานศพ เวลาพระชักบังสุกุล
สวด “อนิจจา วตสังขารา อุปปาทวยธัมมิโน อุปปัชชิตวา นิรุชชันติ”
ปัชชิตวา นิรุชชันติ สิ่งที่เกิดล้วนแต่ดับ
นิรุชชันติ มันดับ แล้ววรรคสุดท้าย “เตสังวูปสโม สุโข”
สังขารคือความปรุงแต่งทั้งหลายดับเสียได้เป็นสุข
เราภาวนา เราค่อยรู้ทันสังขารไป
สังขารคือความปรุงของจิต
ถ้าเราไม่รู้ทัน มันจะครอบงำความคิด คำพูด การกระทำ
คนชั่วมันก็มีความคิดชั่ว คำพูดชั่ว การกระทำชั่ว
มันปรุงดีขึ้นมา มันก็วางฟอร์มให้ดูดี
วางฟอร์มให้คนอื่นเขาเห็นว่าเรานี้ดีๆ
แล้วตัวเองก็เชื่อว่าอย่างนี้ก็ดี วางฟอร์ม
ถ้ารู้ว่าทุกอย่างนี้มันความปรุงแต่งทั้งหมด เป็นทุกข์ทั้งหมด
จิตมันก็เลิกปรุงแต่ง ความปรุงแต่งยังมีไหม มี
แต่เข้าไม่ถึงจิตอีกต่อไปแล้ว
จิตไม่ไปหยิบฉวยขึ้นมาอีกแล้ว
เพราะปัญญามันตัดไปแล้ว
มันตัดการเชื่อมต่อระหว่างจิตกับความปรุงแต่ง
มันขาดสะบั้นออกจากกัน
จิตก็เข้าถึงสภาวะที่ไม่ปรุงแต่ง คือ พระนิพพาน
1
ฝึก รู้ทันความปรุงแต่งของจิตไปเรื่อยๆ
มันปรุงสุขก็รู้ ปรุงทุกข์ก็รู้ ปรุงโลภ โกรธ หลงก็รู้
ปรุงวางฟอร์มเป็นคนดีก็รู้ ปรุงเป็นนักปฏิบัติก็รู้
1
อย่างเป็นนักปฏิบัติเห็นไหม
จะเดินต้องเดินไม่เหมือนชาวบ้าน
ต้องค่อยๆ ยกขาย่างเท้าอะไรอย่างนี้
ให้มันไม่เหมือนคน ไม่เหมือนคนธรรมดา
ไม่ใช่ไม่เหมือนคน เดี๋ยวว่าหยาบคาย
ไม่เหมือนคนธรรมดา
คนธรรมดาคือใคร ก็ตัวเองนั่นล่ะ
มีความเป็นธรรมดาอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว
แต่เอาความปรุงแต่งไปครอบเสีย
จนกระทั่งความเป็นธรรมดาของตัวเองหายไป
พอไม่ปรุงแต่ง
ความเป็นธรรมดาของตัวเองก็ปรากฏขึ้นมา
ธรรมดาของกายก็เป็นอย่างนี้ล่ะ มันเป็นอย่างนี้ล่ะ
ธรรมดาของจิตมันก็เป็นอย่างนี้ล่ะ
ยากไปหรือเปล่า เห็นนั่งกันซื่อบื้อไปเลย
อ่านใจตัวเองให้ออก
ทำกรรมฐานสักอย่างหนึ่ง นั่นคือมีวิหารธรรม
ทำกรรมฐานสักอย่างหนึ่ง
แล้วก็คอยรู้ทันเวลามีอะไรเปลี่ยนแปลง
ความเปลี่ยนแปลงในกายก็ได้ ในใจก็ได้
ร่างกายก็เป็นสังขารส่วนรูปธรรม
จิตใจก็มีสังขารส่วนนามธรรม
ถ้าจะดูเข้ามาที่จิตที่ใจ ก็ดูนามธรรมไป
ไม่ใช่เรื่องยากอะไรหรอก
บางคนว่านามธรรมยาก ยากอะไร
ตอนนี้กำลังสุขรู้ไหม ตอนนี้กำลังทุกข์รู้ไหม
ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย
ดูกายก็ไม่เห็นมันจะยากตรงไหนเลย
ตอนนี้หายใจออก ตอนนี้หายใจเข้า
ตอนนี้ยืน เดิน นั่ง นอน มันยากเสียที่ไหน
ฉะนั้นจริงๆ ไม่ได้มีอะไรยากสักอย่าง
มันยากตรงที่ขี้เกียจภาวนา
อันแรกเลยไม่รู้หลัก ยากมาก
รู้หลักเรียนตำรามา ตำราถูก แต่ตีความผิด
ตีความแล้วก็คือไปปรุงแต่งตลอดนั่นล่ะ
เฝ้ารู้ พัฒนา มีเครื่องอยู่
แล้วพอเกิดอะไรเปลี่ยนแปลงในกายในใจ
วันนี้ที่เน้น คือ เน้นที่ “ใจ”
1
มีอะไรเกิดเปลี่ยนแปลงในใจเรา รู้ทันไป
เดี๋ยวมันก็เปลี่ยนไปทางดี เดี๋ยวก็เปลี่ยนไปทางชั่ว
เดี๋ยวก็ปรุงดี เดี๋ยวก็ปรุงชั่ว รู้ไปเรื่อย
สติเป็นตัวรู้ อะไรเกิดขึ้นก็รู้ๆ
จิตตั้งมั่น มีสมาธิ เป็นคนรู้เฉยๆ
ไม่เข้าไปแทรกแซง รู้ซื่อๆ รู้ธรรมดาๆ
ไม่เข้าไปแทรกแซง
1
รู้ซ้ำแล้วซ้ำอีก
สุดท้ายปัญญามันจะเกิดในพริบตาเดียว
เข้าใจ ปัญญาเป็นตัวเข้าใจ
พอเข้าใจปุ๊บตัดปั๊บเลย วางทันทีเลย
ความปรุงแต่งอันนั้นหลอกเราไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
1
ไปทำเอา อยากได้ของดีต้องทำเอา
ไปขอใครก็ไม่ได้หรอก
บางคนจะมาขอหลวงพ่อ เอาผ้าไตรมาถวายแล้วก็อธิษฐาน ธรรมใดที่หลวงพ่อรู้แล้ว ขอให้ผมรู้ด้วย
หลวงพ่อก็เลยให้พร อันไหนที่หลวงพ่อปฏิบัติแล้ว เราก็ปฏิบัติด้วยก็แล้วกัน อยากรู้สิ่งที่หลวงพ่อรู้ ก็ทำเหตุอย่างที่หลวงพ่อทำก็แล้วกัน
ค่อยๆ ทำไป เราก็จะค่อยๆ ทุกข์น้อยลงๆ
ทุกข์สั้นลงๆ เห็นด้วยตัวเองได้
หรืออย่างเวลาจิตมันตื่นขึ้นมาครั้งแรก เราจะรู้เลย
ตลอดชีวิตนี้ไม่เคยตื่นเลย
ตลอดชีวิตหลับฝันตลอดเวลา
ตัวฝันนั่นล่ะ ตัวปรุงแต่ง ตัวสังขารล่ะ
เดี๋ยวก็ฝันเป็นคนดี เดี๋ยวก็ฝันเป็นผู้ร้ายอะไรอย่างนี้
ใจมันปรุงแต่งทั้งนั้น
ค่อยรู้ค่อยดู วันหนึ่งก็จะพ้นจากความปรุงแต่ง
พ้นจากความปรุงแต่งแล้ว ความปรุงแต่งยังมีไหม
ถ้ายังมีขันธ์ก็ยังมีสังขารอยู่
อย่าไปวาดภาพพระอรหันต์ว่าไม่มีสังขาร ประสาทแล้ว
ขันธ์ยังอยู่ สังขารขันธ์ก็ต้องมี
แต่ว่าจิตต่างหากที่มันพ้นจากความปรุงแต่ง
ไม่ใช่ไม่มีความปรุงแต่ง
จนถึงวาระที่ขันธ์แตกดับนั่นล่ะ ถึงหมดความปรุงแต่งจริงๆ
วันนี้เทศน์เท่านี้ แค่นี้ก็ยากแล้ว
ถ้าทำได้ ก็จะได้ของดีล่ะ ใช้เวลาไม่มากหรอก
ค่อยๆ ดู พวกที่ใช้เวลาเรียนนานๆ
เพราะมันมองความปรุงแต่งไม่ออก
ไปตั้งหน้าตั้งตาปรุงแต่ง
ปรุงดีไปเรื่อยๆ มันก็ไม่ได้อะไรหรอก
ก็ได้ความทุกข์ไป ทุกข์ของคนดี
ภาวนาถูกหลักถูกเกณฑ์ จิตตั้งมั่น
สติรู้ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
ต่อไปปัญญาคือความเข้าใจก็เกิด เท่านี้ล่ะ
แล้วจิตมันก็วางเองล่ะ
เข้าใจรูปก็วางรูป
เข้าใจนามก็วางนาม
เข้าใจจิตก็วางจิต. …”
.
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
20 กุมภาพันธ์ 2565
อ่านธรรมบรรยายฉบับเต็มได้ที่ :
เยี่ยมชม
dhamma.com
รู้ทันความปรุงแต่งของจิต
ความมปรุงแต่งทั้งหลาย จะปรุงชั่ว จะปรุงดี หรือพยายามจะไม่ปรุง ก็คือทุกข์ทั้งหมด พอจิตพ้นจากความปรุงแต่ง มันก็เข้าถึงความสุขเหนือความปรุงแต่ง
Photo by : Unsplash
5 บันทึก
13
4
4
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ธรรมะเพื่อความพ้นทุกข์
5
13
4
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย