7 เม.ย. 2022 เวลา 20:35 • ความคิดเห็น
โปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร
ไม่เปิดใจรับฟังผู้อื่น
สวัสดีผู้อ่านที่ติดตามทุกท่านครับ
ผมหายไปนานไม่ได้โพสต์อะไรเลย แต่ผมยังไม่ได้ไปไหนครับ ยังติดตามข่าวสารและพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด และการลงทุนยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงครับ
พอดีมีประเด็นดราม่าที่ผมเสียใจใน Blockdit เมื่อไม่กี่นาทีที่ก่อนที่ผมจะมาเขียนบทความนี้พอดีครับ ตอนแรกว่าจะไม่เขียนเป็นบทความแล้ว แต่สิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญและน่าเป็นห่วงอย่างมากในโลกที่ข่าวสารไปไว ทั้งเรื่องจริง และไม่จริงครับ ซึ่งอาจจะทำให้ส่งผลกับการลงทุนได้ครับ
ก่อนที่ผมจะเล่าเรื่องที่ผมประสบมา ผมอยากเล่า 2 ประสบการณ์ในชีวิตของผมก่อนที่คล้ายๆกันครับ
1. ในช่วงเรียนมหาวิทยาลัย
วันนั้นเป็นวันที่ผมเรียนวิชาสังคม อาจารย์สั่งการบ้านให้นักศึกษาไปหาข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสังคม มา 1 อย่าง และแสดงความคิดเห็นกับสิ่งที่นักเรียนนำมา
ด้วยความที่ผมยังเด็กน้อย ผมจึงนำข่าวของพรรคการเมืองหนึ่ง พรรค ป. และนักการเมืองชื่อ ช. มาพูดหน้าชั้นเรียน
แต่ ! เดี่ยวก่อนครับ ข่าวที่ผมพูดนั้น ไม่ใช่ข่าวร้ายแรงอะไรครับ แค่เป็นประเด็นไม่ใหญ่มาก แต่นักการเมือง ช. ไม่ได้ออกความคิดเห็นแค่นั้นครับ
ผมออกตัวก่อนเลยว่าสมัยนั้นเวลาเลือกตั้ง บ้านผมก็เลือกพรรคนี้ด้วยครับ
ซึ่งผมก็แสดงความคิดเห็นในเชิงแค่ว่า นักการเมือง ช. คนนี้น่าจะแสดงความคิดเห็นแม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี เท่านั้นเองครับ โดยที่ผมไม่โยงไปในเรื่องไม่ดีใดๆเลย
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ อาจารย์ท่านนี้ (ซึ่งชอบพรรคนี้และนักการเมืองคนนี้มาก [ไม่รู้จะพอดีอะไรขนาดนี้ อิอิ]) โมโห และต่อวันกลางห้องเรียนที่นักเรียนนั่งอยู่เต็มห้อง ซึ่งผมก็ไม่เถียงอาจารย์ท่านนั้นเลยเพื่อแสดงออกว่ารับฟังความคิดเห็นและความรู้จากอาจารย์อยู่ครับ และสุดท้ายท่านให้เกรด 1 ผมในท้ายที่สุดทั้งๆที่ผมคิดว่าผมก็ ไม่ขาดเรียน ส่งงานครบ และทำข้อสอบพอได้ด้วยครับ
วันนั้นเป็นประสบการณ์แรกในชีวีตที่ได้เจอกับผู้ใหญ่คนหนึ่ง ที่ผมคิดว่าน่าจะมีความใจกว้าง โอบอ้อมอารี เข้าใจนักเรียนและชี้ทางไปในทางที่ดี แต่ใช้ความรู้สึกส่วนตัวมาทำร้ายเด็กคนหนึ่งได้
2. ทำงานบริษัท
คุณคิดอย่างไร ถ้าวันแรกๆที่คุณเข้าไปทำงาน แล้วพนักงานหลายๆคนรวมถึงหัวหน้าโดยตรงของเรา มาเตือนไว้ก่อนว่า "เวลาผู้จัดการฝ่ายคนนี้ ถ้าเขาสั่งหรือพูดอะไร ห้ามเถียงหรือโต้แย้งใดๆเลย ให้ทำตามที่เขาสั่งไป"
แว็บแรกที่เข้ามาในหัวผมคือ "แล้วถ้าผู้จัดการฝ่ายท่านนี้ที่เป็น 1 ในทีมบริหาร ตัดสินใจผิดพลาดขึ้นมาซึ่งอาจจะส่งผลเสียกับบริษัทขึ้นมาหละ? ผมที่เป็นพนักงานธรรมดาต้องปล่อยผ่านไปเฉยๆเลยจริงๆหรอ?"
แต่สุดท้ายผมก็ ปล่อยวางไป ตั้งใจทำงานปกติ และไม่ค่อยได้ประสานงานกับเขาอยู่แล้ว
แต่ในบริษัทหลายๆแห่งเป็นปกติอยู่แล้วที่จะทีการเมืองกันในบริษัท คือ ฝ่ายนี้ไม่ชอบฝ่ายนั้น นินทากันไปมา ซึ่งผมนี่เป็นผู้ฟังที่ดีเลย อิอิ ฟังหูไว้หู เก็บข้อมูลไว้ในหัวเฉยๆครับ
แต่ก็ไม่ได้รู้สึกไม่ชอบใครหรือผู้จัดการท่านนั้นเป็นพิเศษ
พอมาถึงในวันที่ผมลาออก
ช่วงนั้นโควิดพอดี ผมเห็นบริษัทปกติต้องหมุนเงินโดยกู้ระยะสั้นกับธนาคารอยู่แล้ว และพอโควิดมาลูกค้าหลายเจ้ามีปัญหาทางการเงินเล็กน้อย บริษัทผมก็ผ่อนผันเรื่องกำหนดจ่ายเงินกันไป ผมก็เป็นห่วงบริษัทที่อุส่าห์เมตตารับผมเข้ามาทำงาน
และด้วยที่ผมเป็นจัดซื้อต่างประเทศนำเข้าส่งออกตอนผมทำงานบัญชีเคยพูดกับว่ารายการจ่ายเยอะ แต่รายรับเข้ามาไม่ทัน (ผลประกอบการสิ้นปีปกติกำไร แต่การหมุนเงินอาจไม่ดีเท่าที่ควร) ตอนผมเซ็นต์ใบลาออก ในเอกสารจะมีให้ออกความคิดเห็นแนะนำได้
ผมจึงเขียนลงไปหลายข้อเกือบเต็มหน้ากระดาษด้วยความหวังดีและขอบคุณจากใจจริง
เช่น
1. จำนวนงานของพนักงานระดับล่างที่บางครั้งมากจนเกินไปแต่ที่แย่กว่านั้นคือ แผนกบางแผนกต้องทำ OT เยอะมากเพราะจำนวนงานที่เยอะ แต่กลับไม่ได้รับเงิน OT เต็มจำนวน เพราะผู้ใหญ่เห็นว่าไม่สมควรหรือสมเหตุสมผล (สมควรของท่านคือ อย่างเช่นแผนกบัญชี ต้นเดือนกับปลายเดือนอนุมัติ OT ได้ แต่กลางเดือนไม่เพราะคิดไปเองว่าลักษณะงานนั้นช่วงกลางเดือนไม่น่าจะต้งทำ OT)
(เรื่องนี้ก็ตรงกับ.... แต่ผมไม่เอ่ยชื่อในจดหมายลาออก)
2. เนื่องจากบริษัทผมเป็นองค์กรญี่ปุ่นแต่ช่วงนั้นคนไทยบริหาร (กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน) นั้นหลายๆท่านน่าจะทราบว่าต้องทำ 5ส. และ KAIZEN ซึ่งผมออกความคิดเห็นว่า เนื่องจากพนักงานระดับล่างที่เป็นระดับปฏิบัติการนั้นงานล้นมืออยู่แล้ว จึงรบกวนว่าหัวข้อ KAIZEN ในแต่ละปีช่วงนี้ที่พนักงานต้องไปคิดและทำส่งนั้นค่อยๆเพิ่มจำนวนทีละนิดได้หรือไม่ เพราะพนักงานตาดำๆอย่างพวกระดับล่างแค่งานปกติก็ทำกันไม่ทันอยู่แล้ว การที่องค์กรเดินหน้าด้วยความรวดเร็วนั้นดี แต่อย่างทิ้งพวกเราไว้ข้างหลังเลย
3. เรื่องการรับบุคลากรเข้าทำงาน อย่ากีดกันการรับพนักงานที่อาจจะมีคุณภาพกับองค์กรเราด้วยเรื่อง 3.1 เพศที่ 3 กระเทย ทอม เกย์ (ขออภัยเป็นอย่างสูงนะครับที่ต้องกล่าว) 3.2 คนรูปร่างอ้วน 3.3 คนผิวดำ
เพราะสิ่งนี้ไม่ยุติธรรมกับพวกเขาครับและปิดโอกาสบริษัทที่จะรับคนมีความสามารถด้วยครับ (เรื่องนี้ก็ตรงกับ.... แต่ผมไม่เอ่ยชื่อในจดหมายลาออก)
4. การเงิน เนื่องจากบริษัทเรา ให้ความสำคัญเรื่องลดต้นทุน ผมไม่เห็นด้วยที่ช่วงนี้ที่มีวิกฤติโควิดอยู่ แต่บริษัทกลับใช้จ่ายเรื่องการเงินแบบไม่จำเป็น เช่น รถคันใหม่ของผู้บริหาร (เรื่องนี้ตรงกับ....เลยครับ แต่ผมไม่เอ่ยชื่อในจดหมายลาออก) เพราะการที่บริษัทแจ้งให้พนักงานทั้งบริษัททำ KAIZEN ลดค่าใช้จ่ายหรือต้นทุน 10% กันทุกคนในบริษัท แต่กลับมีการซื้อทรัพย์สินที่อาจจะถึงเลื่อนเวลาการซื้อได้และมีราคาแพงแบบนี้ เท่ากับว่าที่พนักงานช่วยกันลด Cost ก็ไม่เกิดประโยชน์สูงสุดกับบริษัท
สุดท้ายสิ่งที่ผมได้รับคืออะไรท่านทราบไหมครับ?
ในช่องที่ให้หัวหน้าโดยตรงผมใส่เครื่องหมายเรื่อง บริษัทยินดีให้พนักงานที่ลาออก (ผม) สามารถกลับเข้ามาทำงานที่นี้อีกหรือไม่
หัวหน้าติ๊กถูกที่ ยอมรับ แต่หัวหน้าฝ่ายผมใส่เครื่องหมายคำถาม ? ตรงที่หัวหน้าผมทำเครื่องหมาย
ท่านผู้อ่านคิดเห็นอย่างไรครับ ท่านสามารถติเตียนปมได้นะครับว่าผมทำไม่ถูกต้อง ผมน้อมรับทุกความคิดเห็นที่สร้างสรรค์ครับ เพราะแฟนผมก็ต่อว่าผมเหมือนกันว่ารู้ว่ารักบริษัท แต่ไม่ห่วงอนาคตตัวเองหรอว่าถ้ามีโอกาสจะกลับไปทำงานที่เดิมได้อีกหรือไม่
T T แต่ผมพูดจากใจจริงเลยว่าผมหวังดีกับองค์กรจริงๆไม่ได้อคติกับท่านผู้จัดการท่านนั้นครับ
เรามาจบกันที่เรื่องใน Blockdit วันนี้ครับ
มีอยู่ท่านหนึ่งน่าจะใช้ชื่อท่านเองลงบทความเลยไม่ตั้งเพจ ลงบทความเกี่ยวกับข่าวสารต่างๆรวมทั้งการเมืองระหว่างประเทศ โดยเฉพาะช่วงนี้ที่มีสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ท่านนี้นั้นค่อนข้างไม่ชอบสหรัฐอเมริกาอย่างชัดเจน
แต่ด้วยผมอยากอ่านบทความจากหลายแหล่ง หลายความคิดเห็น ผมจึงอ่านของทุกฝ่าย
ซึ่งผมก็กดถูกใจทุกครั้งและติดตามท่านนี้มาตลอด ไม่ได้รู้สึกไม่ชอบใจหรือผิดใจอะไรทั้งสิ้น
แต่วันนี้ ผมเพียงแค่ออกความคิดเห็นประมาณว่า "ประเทศไทยเราที่ไม่เลือกข้างแบบสุดโต่งชัดเจน ผมเข้าใจที่ท่านไม่พอใจสหรัฐ เพราะความเป็นผู้นำที่ต้องตัดสินใจในเรื่องที่มีภาคธุรกิจและประชาชนตาดำๆอยู่ข้างหลังนั้น ต้องคิดให้ดีก่อน (ทั้งๆที่รู้แหละว่าอเมริกาก็แย่เหมือนกัน) ถ้าไทยเราโดนกดดันเพิ่มเรื่องอื่นอีกหลังจากพึ่งโดนลดเครดิตเรตติ้งภาคการเงิน จะลำบากเอาได้ ไม่ว่าประเทศใดก็ทำเพื่อประเทศตัวเองทั้งนั้นครับ"
พอผมคอมเมนต์เสร็จ หลังจากนั้น 5 นาที comment ผมโดนลบ และโดน block ไม่ให้คอมเมนต์อีกเลย
ผมเลยรู้สึกเสียใจนะครับ ที่ผมออกความคิดเห็นแบบสร้างสรรค์ และก็ไม่ได้ใช้คำหยาบคายอะไร แต่กลับถูกปิดกั้นแบบนี้ ท่านนี้เขียนในบทความประมาณว่า สหรัฐบังคับประเทศอื่นเกี่ยวกับระบอบประชาธิปไตย แต่ตัวสหรัฐเองกลับทำไม่ได้เอง
ผมเลยรู้สึกว่าท่านผู้นี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับสหรัฐ ที่ผู้ติดตามออกความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์แต่กลับไป block เขาซะอย่างนั้นครับ
ผมเสียใจยิ่งกว่าที่คนเรา เวลามีตำแหน่งสูงส่ง มีความรู้มากมาย หรือเป็นถึงครูอาจารย์ กับมีจิตใจที่คับแคบ ไม่เปิดใจรับฟังความคิดเห็นของอื่น เห็นว่าตัวเองเป็นศูนย์กลาง ใครไม่เห็นด้วยก็กำจัดทิ้งหรือกีดกัน ซึ่งเป็นเรื่องน่าเป็นห่วงของสังคมทุกวันนี้มากในการถ่ายทอดความคิดข้อมูลข่าวสาร ความเชื่อต่างๆครับ
1
สุดท้ายนี้ ผมอยากให้ทุกท่านที่เสพข่าว อยากให้ เสพข่าวหลากหลายที่มา, คิด วิเคราะห์ แยกแยะ, นำข้อมูลทั้งหมดนั้นมาคิดว่าเราจะแก้ไขหรือปรับใช้ในชีวิตอย่างไร เช่น ข่าวจากแหล่งที่โปรอเมริกาพูดแบบนี้ถ้าเกิดขึ้นจริงเราจะทำอย่างไร หรือ ข่าวจากแหล่งโปรจีน รัสเซียสื่อแบบนี้แล้วเราจะทำอย่างไร อยากให้ทุกท่านเตรียมรับมือทุกสมมุติฐาน, และเป็นไปได้พยายามใช้เหตุผลอย่าใช้อารมณ์ร่วมมากจนทำให้เรามองภาพผิดเพี้ยนไปจนเราสามารถกลายเป็นเครื่องมือของสื่อได้ครับ, รวมถึงพิจารณาด้วยครับว่าผู้ที่ลงข่าวหรือบทความเป็นคนเช่นไรด้วยครับ และสุดท้ายถ้าเราผิดพลาดกับเรื่องนี้ที่เหมือนจะเล็กน้อยแต่อาจจะทำให้ท่านนำมาประกอบการตัดสินใจลงทุนได้อย่างผิดพลาดเช่นกันครับ
บทความในวันนี้ อาจจะมีดราม่าเยอะไปหน่อย และทัศนคติของผมกับเรื่องที่เล่าทั้งหมด ผมอาจจะเป็นฝ่ายที่ผิดเสียเองก็ได้ ผมจึงอยากกราบขออภัยไว้ล่วงหน้าก่อน ณ ที่นี้ครับ
ผมน้อมรับคำติเตียน คำเตือน และคำชมที่ทุกท่านออกความคิดเห็นไว้เป็นกำลังใจและแก้ไขตัวเองครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา