13 เม.ย. 2022 เวลา 03:33 • ประวัติศาสตร์
บางครั้งโจรปล้นชาติ ก็มาในคราบของฮ่องเต้
ราชวงศ์สุยมีอายุราชวงศ์สั้นจุ๊ดจู๋ไม่ถึง 4 ทศวรรษ ปฐมฮ่องเต้คือสุยเหวินตี้ เหวินตี้เป็นฮ่องเต้มีความปรีชาสามารถ ประหยัดอดออม กินอยู่เรียบง่าย แต่ชีวิตของปฐมฮ่องเต้ผู้นี้ บั้นปลายกลับต้องตายด้วยน้ำมือของลูกชายสุดที่รัก คนเป็นลูกที่ฆ่าพ่อได้สืบต่อราชบัลลังก์สุย เสวยราชย์เป็นฮ่องเต้สุยหยางตี้ ในตอนต้นรัชกาลยังอยู่ในร่องในรอย จัดว่าเป็นฮ่องเต้ที่มีความสามารถ สืบสานต่อยอดนโยบายของผู้เป็นพ่อและยังปรับปรุงให้ดีขึ้น เลือกใช้คนดีมีความสามารถ
สุยหยางตี้เจ้าพ่อโครงการเมกะโปรเจกต์ เล็กๆไม่ ใหญ่ๆทำ มั่นใจในความยิ่งใหญ่ของตนเอง ค.ศ. 605 สุยหยางตี้ให้สร้างและเนรมิตนครลั่วหยาง เป็นนครหลวงตะวันออก ใช้เวลาร่วมหนึ่งปี ในแต่ละเดือนมีการเกณฑ์แรงงานสองล้านคน แรงงานต้องขนไม้ท่อนขนาดมหึมาจากภาคใต้ขึ้นมาที่ลั่วหยาง ท่อนหนึ่งใช้คน 2,000 คน สมัยโบราณไม่มีเครื่องไม้เครื่องจักรช่วย ต้องใช้แรงงานล้วนๆ แรงงานเหล่านี้ต้องเผชิญกับความยากลำบากของภูมิประเทศ โรคภัยไข้เจ็บ ตายไปกว่าครึ่งหนึ่งของแรงงานทั้งหมด
1
เมืองใหม่มีพระราชวังแต่ตำหนักต่างๆ จำนวนมาก บรรจงสร้างอย่างวิจิตรอลังการ เพื่อโชว์ถึงความรุ่งเรืองเฟื่องฟูหรูหรา สุยหยางตี้ยังให้สร้างตำหนักและอุทยานตะวันตก ภายในให้ขุดทะเลสาบ ในทะเลสาบมีภูเขา ให้สร้างตำหนักศาลา โดยแต่ละแห่งตกแต่งอย่างมีเอกลักษณ์ยิ่งใหญ่อลังการ ให้หาหินประหลาด พืชพรรณสัตว์หายากมาไว้ในอุทยาน เพื่อให้ตนและบรรดาเมียหลวงเมียน้อยนางบำเรอทั้งหลายได้เชยชม ในทะเลสาบน้ำต้องใสเสมอ จึงให้ทำทางน้ำเกล็ดมังกรมีการสร้างเรือนอยู่สองฟากฝั่งรวม 60 หลัง แต่ละเรือนมีหญิงงามคอยดูแลต้อนรับยามสุยหยางตี้เสด็จมา
4
พออุทยานนี้สร้างเสร็จ สุยอย่างตี้ใช้เวลาส่วนใหญ่สิงอยู่ที่นี่กินลมชมวิวเดินชมสวนพร้อมด้วยกองทัพขาอ่อนหลายพันนาง เพลิดเพลินกับดนตรีการแสดงระบำรำฟ้อน เสพสุรารสเลิศเข้าหอล่อกาม วันดีคืนดีก็ให้คนนำหิ่งห้อยจำนวนมหาศาลมาปล่อยให้บินว่อนในอุทยาน
5
สุยหยางตี้ให้ขุดคลองเชื่อมภาคเหนือและใต้ตั้งแต่ปักกิ่งถึงหางโจว ยาว 2,500 กิโลเมตร กว้าง 40 เมตร ใช้เวลายาวนานถึง 6 ปี ใช้แรงงานกว่า 3 ล้าน 5 แสนคน เจ้าหน้าที่ควบคุมงาน 5 หมื่นคน ดำเนินงานอย่างเข้มงวด ถ้าใครหนีมีโทษสถานเดียวคือตาย เครื่องมือที่ใช้ในการขุดคลองมีสองอย่าง แส้และขื่อ
1
เมื่อคลองขุดเสร็จเรียบร้อย สุยหยางตี้ผู้ยิ่งใหญ่ก็ต้องอวดโชว์บารมีความปราดเปรื่อง นำเหล่าขุนนางและหญิงงามนางบำเรอคนโปรดลงเรือเสด็จประพาสใต้ไปจนถึงเจียงตู (หยางโจว) ขบวนเสด็จมีเรือมังกรรำมโหฬาร 4 ชั้น สูง 15 เมตร ยาว 70 เมตร มีเรือบริวารใหญ่น้อยคอยล่องตามอีกกว่า 100 ลำ คนลากเรือทั้งขบวนมากถึง 80,000 คน สองฝากฝั่งมีวังสำหรับพักอิริยาบถและกิจกรรมกามา ถึง 40 วัง ตลอดทางมีการอารักขาอย่างเข้มงวด
ขุนนางท้องถิ่นยี่ห้อแมลงสาบที่ต้องการเอาใจฮ่องเต้ด้วยหวังจะได้เลื่อนยศตำแหน่งให้สูงขึ้น จึงกระทำการกดขี่รีดนาทาเร้นประชาชนไม่สนใจความทุกข์ยากเดือดร้อนเพื่อนำไปเป็นสุราอาหารสิ่งของถวายปรนเปรอฮ่องเต้และเหล่าข้าราชบริพารรวมถึงกองทัพขาอ่อนไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ราษฏรก่นด่าสาปแช่งทั่วแผ่นดิน
สุยหยางตี้เสด็จประพาสแบบนี้ถึง 3 ครั้ง ท้องพระคลังร่อยหรอ ในสมัยสุยเหวินตี้ผู้เป็นพ่อการเก็บภาษีพยายามไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน แต่สุยหยางตี้จอมฟุ้งเฟ้อให้เก็บภาษีล่วงหน้าถึง 10 ปี
ยังไม่หมดโครงการใหญ่ สุยหยางตี้ให้ซ่อมและสร้างกำแพงเมืองจีน โดยใช้แรงงานถึงหนึ่งล้านคน และให้สร้างให้เสร็จภายใน 20 วัน
แค่นี้สุยหยางตี้ยังคงเห็นประชาชนแรงงานทาสทุกข์ยากไม่สมใจ ต้องการแสดงแสนยานุภาพส่งกองทัพบุกเกาหลี ให้มีการเกณฑ์แรงงานเพื่อสร้างเรือรบ แรงงานทาสทำงานทั้งวันทั้งคืนใน 100 คนตายไปถึง 30-40 คน กองทัพบุกเกาหลีใช้ทหารล้านกว่าคน สุดท้ายพ่ายแพ้ยับเยิน ทัพ 3 แสนคนที่บุกเข้าดินแดนเกาหลี เหลือรอดเพียงหลักพัน
1
การกระทำตามอำเภอใจสนองความยิ่งใหญ่ส่วนตน ประชาชนไม่ได้หยุดพักหยุดผ่อน ต้องเป็นแรงงานทาสให้เจ้าเหนือหัว โดนขูดรีดเลือดเนื้อ ครอบครัวพังทลาย พฤติกรรมเหลวไหลเข้าหอล่อกามเสพสุขฟุ่มเฟือย ทำให้ขุนนางที่มีมันสมองเหลืออยู่บ้าง ได้ทูลตักเตือนให้เพลาๆ ลงบ้าง แต่สุยหยางตี้มีนิสัยส่วนตัวคือไม่ชอบให้ใครเสนอหน้ามาตักเตือนอวดรู้ จึงปิดปากขุนนางปากกล้าโดยการส่งไปแดนประหาร เหลือไว้แต่พวกสอพลอเชลียร์ฝ่าเท้า
2
ความทุกข์ยากเดือดร้อนที่ประชาชนได้รับอย่างต่อเนื่องยาวนานจากฮ่องเต้ที่ทำตัวเช่นโจรปล้นชาติ ทำให้ความอดทนของประชาชนขาดสะบั้น เกิดกบฏทั่วแผ่นดิน สุยหยางตี้เริ่มหลอนนอนไม่หลับว่ากันว่าทรราชคนนี้ต้องนอนในเปลและให้นางบำเรอไกวเปลและร้องเพลงกล่อม สุยหยางตี้ย้ายเมืองหลวงหนีกบฎไปที่เจียงตู แต่แทนที่จะสำนึกสำเหนียกกลับยังเสพสุขเข้าหอล่อกามดื่มสุราฟังดนตรีดูการแสดงท่ามกลางความวุ่นวาย ช่างไม่รู้สึกรู้สาจริงๆ
1
มีกลุ่มกบฏเพิ่มเติมขึ้นมาเรื่อยๆ รายชื่อยาวเป็นหางว่าว นับได้ 40 กว่าแก๊ง ราชองค์รักษ์เห็นว่าต่อให้ห้อยสุดยอดหลวงพ่อก็คงไม่รอด จะอยู่เป็นข้าทาสรับใช้นายเหนือหัวจอมเขมือบต่อไปให้ฉิบหายตายตามไปทำไม จึงตัดสินใจก่อกบฏ นำกำลังพลเข้าจับกุมทรราช สุยหยางตี้เห็นกลุมทหารมาถึงตัว ถามเสียงสั่น
"ข้ามีความผิดอะไร"
หัวหน้ากลุ่มทหารนายหนึ่งตะคอกสาธยายความผิดให้จอมทรราชรับฟัง
"ประพาสไม่หยุดหย่อน ทำสงครามโดยง่าย ฟุ่มเฟือยฟุ้งเฟ้อ มักมากในกาม ใช้สอยคนชั่ว ไม่ฟังคำตักเตือน ชายฉกรรจ์ตายด้วยคมหอกคมดาบ คนเฒ่าและคนอ่อนแอตายเพราะขุดคลอง ราษฎรไม่ได้ทำมาหากิน แผ่นดินวุ่ยวาย"
สุยหยางตี้ยังหน้าด้านเถียงกลับว่า
"ข้าผิดต่อราษฎร ไม่ได้ผิดต่อพวกเจ้า พวกเจ้าได้อยู่สุขสบาย ทรยศข้าได้อย่างไร วันนี้มีใครเป็นหัวหน้า"
ทหารคนหนึ่งตอบกลับไปว่า
"คนทั้งแผ่นดินสาปแช่งก่นด่า หาใช่มีเพียงคนเดียว"
สุดท้ายจุดจบของฮ่องเต้ที่ทำตนเป็นโจรปล้นชาติก็คือถูกผ้าแพรรัดคอจนสวรรคต ในวัย 50 ปี
มีบทกวีเขียนโดยหลิวอิ่น สุสานหยางตี้
เรือประพาสเข้าออกเมืองข้ามสะพาน
เสพสำราญในหอแดงตลอดสมัย
คุณูปการตีแคว้นเฉินจนมีชัย (สุยหยางตี้ก่อนเป็นฮ่องเต้นำทัพบุกแคว้นเฉินจนชนะกลายเป็นผลงานชิ้นโบว์แดง ต้นทุนสำคัญที่ขุนนางให้การสนับสนุนเป็นรัชทายาท)
ราชันใช้เพียงแลกที่ฝังกายา
โฆษณา