28 เม.ย. 2022 เวลา 11:00 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
The Rescue (2021) - ท่ามกลางความสิ้นหวัง ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้จากความไม่ยอมแพ้ของมนุษย์
ในความเป็นไปไม่ได้... ทุกสิ่งสำเร็จได้จากการไม่ยอมแพ้
สวัสดีครับทุกท่าน... ล่าสุดผมมีโอกาสได้ชม The Rescue (2021) สารคดีภารกิจกู้ภัยถ้ำหลวงของ National Geographic
หลังจากที่ได้ชม ก็รู้สึกว่า นี่เป็นหนังสารคดีอีกเรื่องที่ถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้สนุก กลมกล่อม น่าสนใจ ผมจึงอยากจะมารีวิวเรื่องนี้สักหน่อย เผื่อว่าท่านใดสนใจนะครับ
[ เรื่องย่อ ]
The Rescue (2021) ได้รับการกำกับโดย Jimmy Chin และ Elizabeth Chai Vasarhelyi สองผู้กำกับสารคดีที่เคยคว้าออสการ์จากเรื่อง Free Solo (2019) ในครั้งนี้ ทั้งสองได้มาถ่ายทอดเรื่องราวภารกิจกู้ภัยทีมหมูป่าที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง จนกลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลกในปี 2018
แม้ท้ายที่สุดภารกิจจะประสบความสำเร็จอย่างที่เรารู้กัน แต่ใครจะรู้บ้างว่า กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ทุกคนต้องสู้กับความสิ้นหวังขนาดไหน...
สารคดีเรื่องนี้ถ่ายทอดให้เห็นถึงกระบวนการทำงาน สภาพจิตใจของนักดำน้ำ สถานการณ์ ความกดดันในภารกิจกู้ภัย และการวางแผนของทีมงานทุกฝ่าย จนนำไปสู่ความสำเร็จในลำเลียงทีมหมูป่าออกมา
[ ความรู้สึกหลังชม ]
หนังเปิดมาด้วยการกล่าวถึงถึงสถานการณ์อันยากลำบากของทีมงานฝั่งไทยที่พบข้อจำกัดในการช่วยเหลือทีมหมูป่า จนกระทั่งทีมงานไทยได้รับคำแนะนำว่า
ไทยต้องเชิญเหล่านักดำน้ำสำรวจถ้ำระดับโลกมาช่วยในภารกิจครั้งนี้ เพราะ ภารกิจครั้งนี้มีความเฉพาะทางมาก ซึ่งฝ่ายไทยมีความเชี่ยวชาญด้านนี้ไม่เพียงพอ (แม้กระทั่งทีมนาวิกโยธินสหรัฐ ฯ ที่เข้ามาร่วมด้วยก็มีประสบการณ์ด้านนี้ไม่เพียงพอ)
หลังจากที่ได้ทีมงานนักดำน้ำมืออาชีพตัวจริงมาช่วยเหลือ ก็ทำให้การดำน้ำสำเร็จมากขึ้น จนพบทีมหมูป่าในที่สุด
นี่เป็นความน่าสนใจแรกที่หนังถ่ายทอด เราจะได้เห็นภาพรวมของภารกิจสุดหินที่เต็มไปด้วยข้อจำกัด ไปจนถึงการทลายข้อจำกัดต่าง ๆ จากทีมงานและบุคคลากรมืออาชีพ
ความน่าสนใจที่สอง คือ "การสู้กับความเสี่ยง"
แม้ว่าจะพบทีมหมูป่า แต่การลำเลียงผู้ประสบภัยออกมายิ่งยากกว่า ความสูญเสียสามารถเกิดขึ้นในทุกส่วนของภารกิจ
นอกจากนี้ ยิ่งเข้าสู่ช่วงท้ายของภารกิจ ความเสี่ยงยิ่งสูงขึ้นชนิดแทบมองไม่เห็นความสำเร็จ ทั้งเกิดการสูญเสียทีมงาน อย่างการสูญเสียจ่าแซม ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ (ชนิดทีมงานปวดขมับ) แต่ทีมดำน้ำก็จำเป็นต้องเลือกที่จะเสี่ยง
เสี่ยงไปแล้ว ยังพอมีโอกาสสำเร็จ (แม้จะริบหรี่) แต่ไม่เสี่ยงเลย โอกาสสำเร็จย่อมเป็นศูนย์
ท้ายที่สุด ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น เพราะทีมดำน้ำสามารถลำเลียงน้อง ๆ ทุกคนออกมาจากถ้ำได้โดยไม่มีใครเสียชีวิต...
นี่จึงเป็นอีกสาสน์ที่หนังอยากสื่อถึงทุกคน หากเราไม่หมดหวังกับสิ่งใด ปาฏิหาริย์ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ
ความน่าสนใจที่สามคือ "การสำรวจจิตใจเหล่านักดำน้ำ"
แน่นอนว่า เหล่าผู้ชมย่อมไม่รู้จักทีมนักดำน้ำสำรวจถ้ำมาก่อน หนังจึงเพิ่มเนื้อหาโดยเล่าถึงภูมิหลังชีวิตของนักดำน้ำแต่ละท่าน หลาย ๆ ท่านมีปมในอดีต (อย่างการเป็น "เนิร์ด / คน Introvert") จนส่งผลถึงความไม่มั่นใจในตัวเอง...
งานอดิเรก เช่น "การดำน้ำสำรวจถ้ำ" เป็นกิจกรรมที่ทำให้พวกเขาได้อยู่กับตัวเอง ได้พบกับความสวยงามของโลกอีกใบ ได้เอาชนะตัวเอง พร้อมกับทำในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ส่งผลให้ภารกิจประสบความสำเร็จ
อีกประเด็นที่นำเสนอได้น่าสนใจคือ "ความขัดแย้งในการทำงาน เพื่อความสำเร็จของภารกิจ"
ในการทำงาน มีหลายครั้งที่ทีมงานฝ่ายไทยมีความเห็นไม่ตรงกับเหล่าทีมนักดำน้ำ เพราะ กลัวความเสี่ยงที่ทำให้ภารกิจล้มเหลว และเกิดความสูญเสีย จนทำให้เกิดสถานการณ์ที่ต่างฝ่ายต่างมีความเห็นไม่ตรงกัน (แต่มีเป้าเดียวกัน คือ ต้องการทำทุกอย่าง เพื่อช่วยเหลือน้อง ๆ ทีมหมูป่าให้ออกมาให้ได้)
ทุกคนล้วนไม่ต้องการความล้มเหลว แต่เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น ทุกฝ่ายจึงต้องไว้ใจซึ่งกันและกัน
ทีมดำน้ำรับผิดชอบในงานที่ยากที่สุด (ที่ไม่มีใครทำได้) อย่างการลำเลียงผู้ประสบภัยใต้น้ำ ส่วนฝ่ายไทยก็รับผิดชอบสนับสนุนทีมดำน้ำ นำไปสู่การลำเลียงน้อง ๆ ทีมหมูป่า และปิดภารกิจในที่สุด
[ ในมุมมองภาพยนตร์ ]
ต้องบอกว่า Jimmy Chin และ Elizabeth Vasarhelyi ยังคงสร้างสารคดีคุณภาพเยี่ยมได้เหมือนกับที่ทำไว้ใน Free Solo (2019)
ที่ผมประทับใจเป็นพิเศษ คือ "พาร์ทการสำรวจจิตใจของเหล่านักดำน้ำ" พาร์ทหนังส่วนนี้ เสริมให้หนังมีโครงสร้างที่แข็งแรง มีความลึก มีความน่าติดตามแถมยังทำให้ทุกคนเข้าใจในความนึกคิดของนักดำน้ำแต่ละท่าน พร้อมลุ้นเอาใจช่วยให้ทุกคนประสบความสำเร็จในภารกิจ
อีกจุดที่น่าประทับใจคือ "การตัดต่อและงานภาพ" หนังตัดต่อได้เยี่ยม เข้าใจง่าย สรุปทุกอย่างได้อย่างชัดเจนใน 2 ชั่วโมง พร้อมด้วยข้อคิดและความอิ่มเอมหลังรับชม ในส่วนของงานภาพก็สวยงามในสเกล National Geographic
ส่วนสุดท้ายที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือ เพลงประกอบภาพยนตร์
เพลง Believe ของ Aloe Blacc ช่วยให้หนังปิดฉากได้อย่างสมบูรณ์ ตัวเพลงกล่าวถึงการกล้าที่จะเชื่อ ไม่ยอมแพ้ และทำทุกสิ่งให้เป็นไปได้... เข้ากับเรื่องราวอย่างกลมกล่อม
[ สรุป ]
The Rescue (2021) เป็นเหมือนบันทึกจดหมายเหตุการกู้ภัยถ้ำหลวง จากมุมมองทีมนักดำน้ำสำรวจที่เข้ามาอาสาช่วยเหลือในภารกิจ
หลาย ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นในเรื่องเหมือนเป็นปาฏิหาริย์ / ความบังเอิญ แต่อีกส่วนที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ "หัวใจที่ไม่ยอมแพ้" หากไม่มีสิ่งนี้ ทุกอย่างคงจบไปตั้งแต่แรก โดยไม่มีความบังเอิญหรือปาฏิหาริย์ใด ๆ เกิดขึ้น...
นี่จึงเป็นหนังสารคดีคุณภาพอีกเรื่อง และทำให้เราได้เห็นมุมมองการทำงานที่หลากหลาย ทั้งในฝั่งทีมงานไทยและทีมนักดำน้ำต่างชาติ แม้ว่าพอดูจบ จะไม่ได้ว้าวเหมือนกับที่ได้ชม Free Solo (เพราะ เรารู้จักเหตุการณ์นี้มาพอสมควรแล้ว) แต่ในแง่คุณภาพภาพยนตร์ ไม่ถือว่าด้อยกว่าเลย ทั้งลุ้น กดดัน อิ่มเอม เปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจ...
ดูทรงแล้ว ก็มีโอกาสได้เข้าชิงออสการ์อีกด้วย !
ป.ล. อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากคุยหรือติดต่อกับผม

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา