"ข้าวเหนียวหน้าปลาแห้ง: ปลาช่อนป่นผัดคลุกน้ำตาล 'เครื่องเคียงข้าวแช่' เมื่อวันสงกรานต์กลายเป็น 'ปลาแห้งแตงโม' และ 'ข้าวเหนียวหน้าปลาแห้ง' ในวันนี้"
ปลาช่อนแห้งตัวหนึ่งทำปลาแห้งป่นคลุกน้ำตาลทรายได้ครึ่งกะละมัง หนึ่งในเครื่องเคียงข้าวแช่ 3-7 อย่าง หลายบ้านกินข้าวแช่ต่อกันหลายวันยังไม่หมด คนเฒ่าคนแก่ชอบเอามากินกับแตงไทยแตงโมไปพลาง วัยรุ่นหนุ่มสาวไม่ถนัด เหลือแรหลายวันเข้าก็มูนข้าวเหนียวได้เมนูใหม่ "ข้าวเหนียวหน้าปลา"
ข้าวเหนียวมูนกะทิสดหอม ๆ นุ่ม ๆ อุ่นๆ กินกับปลาแห้งป่นผัดคลุกน้ำตาลทรายพร้อมโรยหอมทอด รสออกเค็ม ๆ หวาน ๆ กับกลิ่นหอมของปลาช่อนย่าง เข้ากันได้ดีอย่างแน่นอน
เมนูนี้หากินยากเพราะไม่ค่อยมีใครทำขาย หากจะทำก็มีขั้นตอนยุ่งยากซับซ้อน ใช้เครื่องปรุงราคาก็ล้วนแล้วแต่แพง ใช้เวลานาน และทำให้ต้นทุนสูง พอจะขายแพงก็ขายยาก ที่มีขายบ้างก็หนักไปทางน้ำตาลทราย กับปลาจาง ๆ ซึ่งแทบจะไม่ได้กลิ่น
ข้าวเหนียวมูนในสำรับอาหารหวานของไทยเป็นตัวยืนที่เข้ากันได้กับเครื่องเคียงหลายอย่าง ผลไม้อย่างมะม่วง ทุเรียน ขนุน กลอย และกล้วยไข่ เมนูหวานอื่น ๆ เช่นสังขยา เผือกกวน ถั่วแดงกวน ขนมหม้อแกง ไอศกรีม ทองหยอด และลอดช่องน้ำกะทิ รวมทั้งข้าวเหนียวหน้าต่าง ๆ พวกกุ้ง ปลาแห้ง และหน้ากระฉีก
ว่าด้วยประวัติความเป็นมาก็ค้นไม่พบเช่นเคยว่า ข้าวเหนียวหน้าปลาแห้งมีความเป็นมาอย่างไร เกิดมีมาตั้งแต่สมัยไหน ก็คงได้แต่ข้อสรุปเบื้องต้นไปก่อน "มีมาแต่สมัยโบราณ" และไม่พ้นต้องอ้างอิงกับ "กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน” พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2
"ข้าวเหนียวมูน คือ ขนมที่คนสมัยอยุธยาตอนปลายรับประทานกันอย่างกว้างขวาง แต่หลักฐานที่ชัดเจนกว่าคือ กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน บทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ประโยคว่า ‘ข้าวเหนียวใส่สีโศก’ สันนิษฐานว่ากล่าวถึงสีเขียวเข้มจากใบเตยคั้น เอาไว้กินกับไข่ตั้งสังขยา..." (kantapetch, 2563)
ว่าด้วยไอเดียข้าวเหนียวหน้าต่าง ๆ ของไทย ผมชอบแบบที่เขาทำขายเป็นชุด ในกระทงใบเตยจิ๋ว ๆ ใส่ข้าวเหนียวลงไปและ Toping ด้วยหน้าต่าง ๆ ให้สีสันหลากหลาย เพราะเมนูนี้ถ้าลงทุนทำเองก็ทุนสูง ทำแค่ละครั้งก็ใช้เวลา และปริมาณมากเกิน อย่างมากก็ได้แค่หน้าสองหน้า ซื้อกินเหมาะกว่าทั้งคุมทุนและคุมน้ำหนักคนกินได้ เอาแค่อิ่มพอดี
- 3
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
