30 เม.ย. 2022 เวลา 12:20 • ครอบครัว & เด็ก
ทุกข์มาก ยอมรับความจริงไม่ได้ เชิญฟัง |ธรรมะบรรเทาทุข์ มองโลกตามความเป็นจริง
.
ฟังธรรมะอื่นๆ ได้ที่
"หากไม่ยอมรับความจริง จะไม่มีวันให้อภัยตัวเองและคนอื่นได้ คนเรามักใส่อคติบางอย่างลงไปในมุมมองที่มองโลกกันเป็นเรื่องธรรมชาติ จนทำให้มุมมองนั้นๆ มันหลอกให้เราเชื่อว่ามันคือความจริง เพราะเรามองมันด้วยอคติจนเคยชิน และมันค่อยๆบดบังการมองโลกตามความจริงทีละนิด เราเลยไม่คุ้นชินกับมองอย่างที่มันเป็นอยู่ เพราะเราเชื่อสนิทในมุมที่ใส่ความคิดเห็นส่วนตัวลงไป และบางครั้งเป็นการบิดเบือนให้ห่างจากความจริงที่เป็น
"
"ถ้าคุณมองภาพนี้ ความคิดของคุณเป็นยังไง
เป็นเช่นไร 1) มีน้ำครึ่งแก้ว, 2) เหลือน้ำแค่ครึ่งแก้วเอง, หรือ 3) มีน้ำตั้งครึ่งแก้ว หลายคนที่ชอบคิดบวกน่าจะมองว่า เหลือน้ำตั้งครึ่งแก้ว หลายคนที่ชอบคิดลบจะมองว่าเหลือน้ำครึ่งแก้วเอง แต่หากเรามองภาพนี้ตามความเป็นจริง ภาพนี้บอกเราว่า มีน้ำครึ่งแก้ว ซึ่งเป็นความจริงที่ชัดเจนเพียงคำตอบเดียวเท่านั้น ส่วนอีกสองข้อคือการมองด้วยการใส่ความคิดเห็นหรือมุมมองที่เราเคยชินเจือปนลงไปในความจริงอีกที "
จงอย่ากลัวการตัดสินใจที่ผิดพลาด แต่จงกลัวไม่มีโอกาสได้ตัดสินใจบางคนเคยตัดสินใจพลาดไปหลายเรื่อง แล้วพอผ่านมาวันนี้เพิ่งรู้ว่าตัดสินใจพลาดไป ก็เลยนั่งปวดหัวกับอดีตว่า ทำไมไม่ทำอย่างนี้ ตั้งแต่แรก ไม่งั้นคงดีกว่านี้ และไม่รู้ว่าจะแก้ตัวยังไงดีด้วยข้อจำกัดหลายๆ อย่าง และทุกๆ ครั้งที่ผ่านสถานที่ หรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวในอดีต เรื่องที่พลาดนั้นมันก็ชอบโผล่มาในหัวเพราะมันยังติดอยู่ในใจ จนไม่อาจลืมได้ มากกว่านั้นมันทำให้เราไม่คอยยอมรับความจริงกับสิ่งที่เราผิดพลาดไป ซึ่งเมื่อเรายอมรับไม่ได้ ทุกข์มันก็ไม่บรรเทา เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่มันผ่านสิ่งของ หรือสถานที่มันก็จะผุดขึ้นมาในหัวเป็นระยะๆ วนไปวนมา และกินเวลาเราไปเป็นปี เป็นหลายปี ทั้งที่เรื่องมันก็ผ่านไปนานมากแล้ว
อย่ามัวจดจ่อ ปักใจ อยู่กับสิ่งแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นจนลืมว่าชีวิตนี้ยังมี สิ่งดีๆ อีกมากมาย 一 ที่เป็นทุกข์ เพราะไม่ยอมมองหาความจริงว่า ความทุกข์นั้นมันเกิดจากอะไร แต่กลับไปยึดติดกับความทุกข์อยู่ร่ำไป ถึงแม้มีวันนี้ มีวันพรุ่งนี้อยู่ก็ยังมองไม่เห็นโอกาสที่จะแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาดนั้น จนทำให้ความสุขในชีวิตที่หายากอยู่แล้ว ก็ยิ่งหายากมากขึ้นไปกว่าเดิม บางทีความสุขอันน้อยนิดก็อาจจะหายไป เพราะเรามัวแต่ติดอยู่ในกองทุกข์ แทนที่จะพิจารณาหาเหตุเพื่อแก้ไขให้ทุกข์น้อยเเปรมาเป็นสุขในอนาคต ได้บ้าง แต่ท่านยอมจมกับทุกข์ เพราะท่านยังยึดถือ ยึดติด ในสิ่งที่ท่านควบคุมมันไม่ได้แล้วนั่นเอง
กว่าที่ดอกไม้จะผลิบานมัน ต้องผ่านมรสมมากมาย จงยิ้มสู้ออกมาจากใจ. ใม่ใช่เพื่อยิ้มแค่ปกปิดความอ่อนแอ.ผิดไปแล้ว ก็มองออกว่าผิดแล้ว แต่ที่ยังไม่ผ่าน เพราะไม่ยอมยับว่าผิด เพราะกลัวตัวเองดูแย่ที่ทำผิด ซึ่งเมื่อไม่ยอมให้ตัวเองดูแย่ ก็จะไม่มีโอกาสให้อภัยตัวเอง เพราะคิดว่าตัวเองดี แต่มันพลาาดเอง หากได้ยอมรับว่าตัวเองแย่ที่ทำผิดเพราะไม่ได้ตรองให้ดี ก็แค่บอกตัวเองว่าครั้งต่อๆ ไปจะตรองให้ดีเพื่อให้ตัวเองดีขึ้น ในเมื่อยังมีลมหายใจ ยังไงก็มีโอกาสเสมอ
"อดีต...ก็ทรมาน อนากต...ก็เจ็บปวด อยู่กับความ...ไม่แน่นอน นี้แหละ....ชีวิตคนเรา มันอาจจะเจ็บมากและทรมานมากกับความจริงที่ต้องยอมรับ แต่เชื่อเถอว่าสภาพจิตใจจะฟื้นตัวได้ไวกว่าที่คิด ดังเช่นศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาชาวสหรัฐคนหนึ่งพบว่า การบอกความจริงต่อผู้ป่วย นั้นช่วยให้ผู้ป่วย
รับมือกับอาการป่วยได้ดีกว่าการให้ความหวังว่าอาการจะดีขึ้นในเร็ววัน แม้ว่าช่วงแรกผู้ป่วยจะ รู้สึกทุกข์ทรมานกับความจริงเหล่านั้น แต่เมื่อยอมรับและผ่านไปได้ ก็ทำให้สภาพจิตใจฟื้นตัว
ได้เร็วมากจนน่าเหลือเชื่อ"
การยอมรับความจริง อาจทำให้เรารู้สึกเจ็บปวด แต่ชั่กวันหนึ่งมันก็จะหาย แต่การไม่ยอมรับความจริง "มันจะทำให้เราเจ็บปวด ไม่สิ้นสด" หากกำลังเผชิญหน้ากับความทุกข์ ความไม่สบายใจ หรืออุปสรรคต่าง ๆ ในชีวิต สิ่งที่ควรทำมาก ที่สุดคือการยอมรับความจริง แต่บอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องง่าย หลายคนอาจจะไม่อยากรับรู้ด้วยซ้ำว่า กำลังเกิดอะไรขึ้น แต่เชื่อเถอะว่าหากมองสิ่งที่กำลังเกิดอยู่ตรงหน้า แล้วดีงสติกลับมาโฟกัสอยู่กับสิ่งที่ เกิดขึ้น แล้วถามตัวเองว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ทางออกมีอะไรบ้าง
การได้มองสิ่งต่าง ๆ อย่างที่มันเกิดขึ้น อย่างที่มันเป็น จะช่วยให้เราเข้มแข็งขึ้น ปลง และไม่หลอกตัวเอง เพราะการมัวแต่มองโลกในแง่บวก จริงอยู่ว่ามันทำให้เราสบายใจ แต่มันแค่ชั่วขณะเท่านั้น ปัญหาเหล่านั้นมันยังคงตามหลอกหลอนในหัวซ้ำแล้วซ้ำอีก สู้ยอมรับความจริงไปซะดีกว่า เจ็บแต่ก็จบ! แถมถ้าหากท่านทำจนเป็นนิสัยท่านก็จะเจ็บปวดกับยอมรับความจริงน้อยลงและมันจะทำได้ง่ายขึ้นเรื่อยๆ จนท่านเข้าใจและไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป
"""การหลอกตัวเอง"" อาจใช้กลบเกลื่อน ความผิด แต่ไม่มีสิทธิ์ กลบเกลื่อน ความจริง""ยอมรับความจริงได้เมื่อไหร่ ระยะเวลาเเห่งความทรมานก็จะลดลงทันที ยิ่งยอมรับได้เร็วมากเท่าไหร่ ก็จะช่วยลดระยะเวลาในการเยียวยาตัวเองลงไปได้มากเท่านั้น ยิ่งรู้ตัวเร็ว ก็ยิ่งหายเจ็บเร็วอย่างที่เขาว่ากันนั่นแหละ มันก็หมือนเวลาเราเป็นแผล หากยิ่งรู้ว่าเป็น
ตรงไหน เจ็บตรงไหน เราก็จะหาวิธีรักษาแผลนั้นได้ไวขึ้น แผลก็จะหายไวขึ้นนั่นเอง เพราะการรมองโลกแบบเป็นจริงจะช่วยให้เรายอมรับความจริงได้ง่ายขึ้น แต่ช่วงเวลานั้นมันจะบาดหัวใจเรามากซักหน่อยเท่านั้นเอง"
" รู้เท่าทัน ความทุกข์ จึงมี ความสุข ทีสมบูรณ์การทำความเข้าใจ ทั้งเข้าใจตัวเราเอง เข้าใจธรรมชาติ จะทำให้เรารู้ว่ามีสิ่งที่สามารถควบคุมได้และสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ เข้าใจสัจธรรมของสิ่ง
รอบตัว ความเข้าใจทั้งหมดนี้จะทำให้วิธีมองโลกของเราเป็นไปตามความเป็นจริงมากขึ้น เมื่อเราทำได้เราจะมีแต่ความเข้าใจ เพราะพื้นฐานที่สุดของการมองโลกตามความเป็นไปของมันก็คือ การทำความเข้าใจ"
"ยิ่งยึดติดมาก ยิ่งทุกมาก จงมองตามความจริง ตั้งสติ และปล่อยวาง ทำความเข้าใจได้ ก็มูฟออนต่อได้โดยไม่ต้องรอเวลา เมื่อเราหยุดหลอกตัวเอง และยอมปล่อยวาง เราก็จะไม่จมปลักอยู่กับเรื่องเก่าๆ ไม่ทุกข์เพราะเรื่องที่ผ่านมาแล้ว เราจะสนุกกับการใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ เพราะเรามองโลกตามความเป็นจริง
ไม่ติดอยู่กับอดีต เรื่องไหนดีก็ยอมรับว่าดี เรื่องไหนไม่ดี ก็ยอมรับว่าไม่ดี แล้วแก่ไข นำเรื่องเหล่านั้นมาเป็นบทเรียนเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก จะทำให้ชีวิตเดินหน้าต่อไปได้เร็วขึ้น แถมยังได้ภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้นอีกด้วย"
"เมื่อคุณเลือกที่จะมองแต่ปัญหา คุณก็จะยิ่งเจอแต่ปัญหามากขึ้น
แต่ถ้าคุณเลือกที่จะมองหาการแก้ไข คุณก็จะยิ่งพบโอกาสมากขึ้น พอมองเห็นปัญหา และมองเห็นว่าอะไรเป็นเหูตของปัญหาได้ชัดเจน และเห็นโลกอย่างที่มันเกิดขึ้นจริง ไม่บิดเบือน จะทำให้เรามองเห็นอะไร ๆ ได้ชัดเจนขึ้น เหมือนปรับจุดโฟกัสให้สายตานั่นแหละ พอรู้ชัดแจ้งถึงเรื่องราวที่เกิด ก็จะเกิดสติปัญญาและหา
ทางหนีที่ไล่ได้ดีขึ้น ไม่มัวแต่มองเรื่องดี ๆ แต่รู้จักมองเรื่องร้าย ๆ ที่เกิดขึ้นด้วย เพราะทุกด้านย่อมมีประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตของเราเองทั้งนั้น"
"
""หนัก"" อยู่ที่ถือ ""เบา"" อยู่ที่วาง มือปล่อยไป...แต่ใจยึดติด ชีวิตก็ไม่มี ""ความสุข"" วางให้ลง...ปลงให้เป็น เพียงเท่านี้...ใจก็ ""ไร้ทุกข์"" พอเรามองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างที่มันเป็นได้แล้ว สิ่งดี ๆ ที่จะตามมาก็คือเราจะคิดอะไรเป็นเหตุเป็นผลมากขึ้น ไม่เอนเอียง ปล่อยวางอคติได้ อยู่กับข้อเท็จจริงที่เกิดมากกว่าใช้อารมณ์หลอกตัว
เอง อย่าลืมว่าถึงความรู้สึกจะเปลี่ยนแปลงได้ แต่ความจริงเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องยึดมั่นถือมั่นก็คือความจริงนั่นเอง"
"
เกิดเป็นคนต้องหัดรู้จักผิดหวัง เพราะทุกๆความคาดหวัง มักไม่เป็นดังใจบ่อเกิดของความผิดหวังคือความคาดหวัง แต่หากมองโลกตามความจริงจะทำให้เราไม่แต่งเติม ไม่สร้างภาพ ความคาดหวังจึงไม่มีทางเกิดขึ้น มีเพียงการยอมรับสิ่งที่มันเป็นเท่านั้น และเมื่อเรายืน
มองความเป็นไปของโลกอย่างที่มันหมุนไป เราจะเกิดการยอมรับและเข้าใจ คิดแบบนี้มีแต่ได้กับได้ และไม่มีวันติดลบทางความรู้สึกอย่างแน่นอน"
"""ชีวิต""... สอนให้รู้จักความไม่แน่นอนของชีวิต สอนให้รู้ว่ามีความสุขก็ต้องมีความทุกข์ สอนให้มีสติกับสิ่งที่ทำอยู่กับปัจจุบัน
สอนให้รู้จักรอเพราะไม่มีอะไรได้ดั่งใจทุกอย่าง เพราะหากเรามีสติ และรู้เท่าทันความคิดความอ่านของตนเองได้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีผลต่อการมอง
โลกของเรามากขึ้นเท่านั้น อย่างที่เขาว่า มองโลกในแง่ดีมากไปก็ไม่ได้ มองโลกในแง่ร้าย
มากไปก็ไม่ดี อยู่ตรงกลางน่าจะดีที่สุดแล้ว แม้ว่าการมองโลกทางความเป็นจริงจะไม่ง่ายเลย แต่จะว่าทำไม่ได้เลยก็คงผิด เพราะพระพุทธเจ้า และมนุษย์ทุกคน เกิดมาก็เพื่อหาทางพ้นทุกข์ หากเราเกิดมาพร้อมกับความทุกข์ อยู่กับความทุกข์ แต่ไม่หาทางให้ตัวเองหลุดพ้น มันคงเสียศักดิ์ศรีของการได้เกิดมาเป็นแน่"
โฆษณา