13 พ.ค. 2022 เวลา 13:40 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ลงทุนอย่างไรให้ปลอดภัย และลดความสูญเสีย
จากสภาพการณ์ปัจจุบัน ในด้านการลงทุนดูจะไม่ค่อยสดใสเอาเสียเลยนะคะ ครั้นจะเก็บเงินไว้เฉยๆ ค่าเงินก็มีแต่จะลดลงไปเรื่อยๆ อันเนื่องจากเงินเฟ้อนั่นเอง ยิ่งปัจจุบันยิ่งเฟ้อหนักมากขึ้นไปอีก จะใส่ไหฝังดินไว้ ก็เกรงว่าใส้เดือนจะเจาะทะลุไหไปอีก 😅
อย่ากระนั้นเลย เรามาเรียนรู้วิธีการลงทุนที่ดีกว่านั้นกันดีกว่าค่ะ
ได้ชื่อว่าการลงทุนแล้ว อย่างไรก็หนีไม่พ้นความเสี่ยงที่ติดตามมา จากความผันผวนของปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์
ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้นักลงทุนขาดทุนและเจ็บตัวกันถ้วนหน้า แต่จะเจ็บมากหรือเจ็บน้อยขึ้นอยู่กับวิธีการป้องกันความเสี่ยงของตัวเราเองด้วยค่ะ
ซึ่งถ้าอยากลงทุนอย่างปลอดภัย ต้องปิดประตูเจ็บตัวจากการลงทุนให้ได้ ซึ่งมีเรื่องที่ควรทราบ ดังนี้
 
1. ต้อง Cut loss ให้เป็น เพื่อลดการสูญเสียหนัก
การ Cut loss หรือตัดขาดทุนนั้นเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการลงทุน คือการขายสินทรัพย์ออกไปโดยที่ได้รับเป็นผล “ขาดทุน”
แต่จะเป็นการขาดทุนที่น้อยกว่าการไม่ขายสินทรัพย์ออก เพื่อป้องกันไม่ให้ขาดทุนไปมากกว่าที่ควรจะเป็น ทั้งนี้นักลงทุนแต่ละคนจะมีจุด cut loss ที่ยอมรับได้แตกต่างกันไป
โดยวิธีที่นิยมใช้คือ การกำหนดเปอร์เซ็นต์การขาดทุน ตัวอย่างเช่น ซื้อหุ้นในราคา 10 บาท ตั้งเปอร์เซ็นต์การขาดทุนไว้ที่ 5% (0.50 บาท) เมื่อหุ้นราคา 9.50 บาท ต้องตัดสินใจขายในทันที เพื่อป้องกันการสูญเสียมากกว่านี้ในอนาคต
2. การทำ Stop loss
Stop loss หมายถึง การหยุดความเสี่ยงไม่ให้มูลค่าหลักทรัพย์ลดลงไปมากกว่านี้ หรือเพื่อป้องกันไม่ให้กำไรลดลงไปมากกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้
การทำ Stop loss สามารถทำได้ทั้งในภาวะ ขาดทุน และ กำไร เป็นการกำหนด Stop loss จากราคาสูงสุด ช่วยหาจุดขายในการทำกำไรได้ และป้องกันการถือสินทรัพย์จนขาดทุน
ตัวอย่างเช่น ซื้อหุ้นมา 10 บาท จากนั้นราคาขึ้นไปที่ 20 บาท ซึ่งเป็นราคาสูงสุด หากเรากำหนด Stop loss ไว้ที่ 10% จาก 20 บาท คือ 2 บาท
ดังนั้นเมื่อราคาหุ้นลงมาถึง 18 บาท (20-2) ก็ต้องทำการ Stop loss เพื่อป้องกันการถือหุ้นไว้ จนได้กำไรน้อยลงหรืออาจจะกลายเป็นขาดทุนไปเลยก็ได้
3. ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ
อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าการลงทุนนั้นมีความเสี่ยง แต่นักลงทุนสามารถประเมินความเสี่ยงและกำหนดเองได้ว่าจะรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน
ซึ่งการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำนั้น ก็อย่างเช่น กองทุนและตราสารหนี้ แต่สินทรัพย์เหล่านี้อาจจะได้ผลตอบแทนในระดับที่ไม่สูงมาก และผลตอบแทนที่ได้รับขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่ลงทุนไปด้วย
4. ลงทุนแบบ DCA
การลงทุนแบบ DCA (Dollar Cost Average) เป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงในการซื้อสินทรัพย์ที่อาจมีราคาสูงไป ผ่านการแบ่งเงินในจำนวนเท่าๆ กันทุกเดือน แล้วลงทุนในสินทรัพย์ที่ต้องการ เพื่อถัวเฉลี่ยต้นทุน เหมาะสำหรับผู้ที่อยากลงทุนเป็นประจำ และมีวินัยทางการเงิน
แต่การลงทุนแบบ DCA ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย โดยข้อดี คือ เมื่อขาดทุนจะขาดทุนน้อยกว่าการลงทุนแบบก้อนเดียวในราคาเดียว
ส่วนข้อเสีย คือ กำไรที่ได้รับจะน้อยกว่า และในบางครั้งก็อาจได้รับผลขาดทุนได้เหมือนกัน ถ้าหากราคาที่ทยอยซื้อเข้าเป็นราคาที่สูงเป็นส่วนใหญ่
สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ยังไม่ชำชาญ ก็อาจเลือกใช้วิธีการลงทุนแบบ DCA นี้เป็นตัวช่วยลดความเสี่ยงนั้นได้บ้างค่ะ
💦.....อย่างไรก็ตาม การลงทุนทุกอย่างล้วนมีความเสี่ยง แต่มีอยู่อย่างหนึ่ง คือการลงทุนกับความรู้นั้น ไม่มีความเสี่ยงแน่นอนค่ะ มีแต่ได้กับได้
ดังนั้นหากคิดจะลงทุนแล้ว ก็ต้องศึกษาหาความรู้ ค้นหาวิธีการลดความเสี่ยง และลดโอกาสในการขาดทุนให้ได้ก่อน เพื่อป้องกันการเจ็บหนักจากการลงทุนนะคะ
โชคดีในการลงทุนทุกท่านค่ะ
เรียบเรียงโดย : ลงทุนในบัญชีและภาษี
ขอบคุณทุกๆ กำลังใจที่มีให้กันเสมอค่ะ
🌷🌷❤❤🙏🙏🙏🙏❤❤🌷🌷

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา