14 พ.ค. 2022 เวลา 15:34 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
"Phone Booth" 2002
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อมีสายโทรเข้าปริศนาจากตู้โทรศัพท์
และหากไม่ทำตามที่ปลายสายบอกก็อาจจะต้องแลกด้วยชีวิต
Phone Booth
ภาพยนตร์ระทึกขวัญ-จิตวิทยา ผลงานกำกับจาก Joel Schumacher ที่กลับมาแก้มือได้อย่างผงาดหลังจากผลงานกำกับ Batman & Robin ที่โดนวิจารณ์ยับเยิน ในครั้งนี้เขาดำเนินเรื่องง่ายๆภายในตู้โทรศัพท์ตู้เดียว แต่กลับสร้างความระทึกให้คนดูได้จนจบ ก่อนจะกวาดรายได้ไปถึง 97 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างเพียง 13 ล้านเหรียญ
เรื่องราวของ สตู (Colin Farrell) นายหน้าโฆษณาจอมเห็นแก่ตัว ที่ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์แถมยังแอบคบชู้ จนกระทั่งวันหนึ่ง สตู ก็มาใช้ตู้โทรศัพท์สาธารณะตู้ประจำ แต่ดันมีสายแปลประหลาดโทรเข้ามา และเมื่อดันไปรับเข้าก็ต้องทำตามคำสั่งจากปลายสาย ถ้าหากปฏิเสธก็จะมีกระสุนลอยมาโดยไม่รู้ทิศทาง จนเรื่องราวพัวพันไปถึงตำรวจ นำไปสู่ชีวิตของสตูที่จะเปลี่ยงแปลงไปตลอดกาล..
ด้วยพล๊อตหนังที่เจ๋งมากๆ แม้จะหยิบมาดูกี่ครั้งก็ไม่รู้สึกเก่าเลย หนังเล่าเรื่องแค่ภายในและรอบๆตู้โทรศัพท์เท่านั้น แต่กลับสร้างความลุ้นระทึก ตื่นเต้น บีบคั้นตลอดเวลา การเดินเรื่องที่กระชับเข้มข้น ทำให้รู้สึกน่าติดตามได้ไปจนกระทั่งหนังจบ ไม่มีง่วงหรือเบื่อเลย หนังไต่ระดับความพีคนำไปสู่บทสรุปได้อย่างลงตัว
เสียงปริศนาจากปลายสายที่ค่อยๆเผยความลับของสตูทำให้รู้สึกกดดันไปพร้อมกับตัวละคร แม้จะได้ยินแค่เสียง แต่ต้องบอกเลย Kiefer Sutherland (คนที่โทรมาหาสตู) แสดงได้ยอดมาก เพราะการใช้แค่เสียงที่ไม่อาจสื่ออารมณ์ผ่านท่าทาง แววตาได้ นับว่าเป็นงานที่หินเอาการเลยทีเดียว ด้าน Colin Farrell ก็เล่นได้ดีมากๆ ถือว่าคุมหนังทั้งเรื่องได้อยู่หมัด
ส่วนในด้านบทภาพยนตร์นั้นที่เล่าในสถานที่เดียวแต่คมกริบ Larry Cohen ผู้เขียนบทนั้นได้เขียนไว้ตั้งแต่ช่วงปี 60' ซึ่งกว่าจะเสนอผ่านและได้ Schumacher มากำกับให้ก็กินเวลาร่วมกว่า 3 ทศวรรษ แต่ก็ออกมาเป็นงานมาสเตอร์พีชที่แม้จะผ่านมานานแค่ไหนก็ยังสนุกตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ดู ใครที่ชอบแนวระทึกขวัญ ขอแนะนำว่าไม่ควรพลาดเรื่องนี้อย่างยิ่ง
โฆษณา