17 พ.ค. 2022 เวลา 08:37 • อาหาร
เคล็ดลับการเลือก “ทุเรียน” และข้อควรระวัง
ทุเรียน เป็นผลไม้ยอดนิยมของใครๆหลายคน ให้สารอาหารหลายแคลลอรี่ ในเมืองไทยมีมากมายหลายสายพันธุ์ เช่น หมอนทอง พวงมณี มีกลิ่นหอม รสชาติ อร่อย แต่การรับประทานทุเรียนมาๆนั้นอาจเกิดโทษได้ รวมถึงห้ามกินกับอะไรบ้างวันนี้ Nanasaranews จะมาเล่าให้ฟังครับ
ทุเรียนในประเทศไทยมีกี่สายพันธุ์
สำหรับในประเทศไทยมีทุเรียนมากกว่า 30 สายพันธุ์ โดยแต่ละสายพันธุ์จะมีรสชาติเฉพาะที่แตกต่างกันออกไป เป็นที่นิยมรับประทานจนได้รับขนานนามว่า เป็นราชาแห่งผลไม้ไทย จะมีสายพันธุ์ไหนบ้างไปดูกันเลย
1.พันธุ์หมอนทอง
1
เป็นพันธุ์ที่มีรสชาติหวานมันกำลังดี กลิ่นไม่แรง และมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระมากกว่าสายพันธุ์อื่น มีสรรพคุณ ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ และโรคมะเร็งได้ ทุเรียนหมอนทองจะมีผลใหญ่ หนามแหลมตรง น้ำหนักประมาณ 3-4 โล เนื้อละเอียดแห้งไม่ติดมือ มีสีเหลืองอ่อน เมล็ดเล็กลีบ ส่วนใหญ่มาจากสวนจังหวัดทางภาคตะวันออกของไทย เช่น ระยอง จันทบุรี ตราด เป็นต้น
2.พันธุ์ก้านยาว
สายพันธุ์นี้มีลักษณะเด่น คือก้านจะใหญ่และยาวกว่าสายพันธุ์อื่น เปลือกหนา ผลไม่ใหญ่มาก เนื้อละเอียด เมล็ดใหญ่ มีรสชาติหวานมันกลมกล่อม ส่วนใหญ่มาจาก จังหวัด นนทบุรี ราคาค่อนข้างแพง
3.พันธุ์พวงมณี
เป็นสายพันธุ์พื้นเมือง ของภาคตะวันออก ลักษณะเด่น คือ มีผลเล็กกว่าสายพันธุ์อื่น เนื้อค่อนข้างน้อยเนื้อละเอียด สีของเนื้อเป็นสีเหลืองเข้ม ไม่มีเส้นใย รสชาติหวานจัด
4.พันธุ์ชะนี
สายพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์ที่มีกลิ่นค่อนข้างแรง จึงนิยมนำมาแปรรูปเป็นขนมหวาน เช่น ทุเรียนทอด ไอศกรีม เป็นต้น ลักษณะผลมีขนาดใหญ่ หนามสั้นใหญ่ หนามจะขึ้นห่างกัน เนื้อสีเหลืองจัด เมล็ดค่อนข้างเล็กและมีจำนวนเมล็ดน้อย
5.พันธุ์กระดุม
เป็นสายพันธุ์ที่หาได้ง่ายตามท้องตลาด ราคาถูกกว่าสายพันธุ์อื่น เพราะปลูกได้ง่าย ผลเล็ก มีเนื้ออ่อนนุ่ม สีเหลืองอ่อน เนื้อค่อนข้างบางมีเมล็ดใหญ่ 1ผล มีน้ำหนักประมาณ 1กิโลกรัม
6.พันธุ์หลงลับแล
เป็นพันธุ์ทุเรียนพื้นเมืองของภาคเหนือตอนล่าง อย่าง จังหวัดอุตรดิตถ์ ผลมีลักษณะเล็ก มีผลกลมเล็ก เนื้อค่อนข้างเหนียว มีเมล็ดที่เล็กและลีบ มีกลิ่นหอมไม่แรงนัก
7. พันธุ์ภูเขาไฟ
พันธุ์นี้ เป็นสายพันทาง ภาคอีสาน เป็นทุเรียนที่มีความโดดเด่นเพราะสามารถเจริญเติบโตในพื้นที่ภูเขาไฟ ที่มีแร่ธาตุสำคัญ อย่างเช่นหินบะซอลต์ ธาตุอาหารสำคัญ ทำให้ทุเรียนมีรสชาติหวานมันมีกลิ่นไม่ฉุนมากนัก
ทุเรียนให้สารอาหารอะไรบ้าง
ทุเรียนให้สารอาหารอะไรบ้าง
การกินทุเรียนควรกินในปริมาณที่เหมาะสม คือควรบริโภคไม่เกินวันละ 2 เม็ด เนื่องจากเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานค่อนข้างสูง ทุเรียนแต่ละพันธุ์ เมื่อเปรียบเทียบต่อปริมาณเนื้อทุเรียนหนัก 100 กรัมหรือ 1 ขีด จะให้พลังงานต่างกัน ทุเรียนก้านยาวให้ พลังงาน 181 กิโลแคลอรี่ ทุเรียนรวงให้พลังงาน 157 กิโลแคลอรี่
ทุเรียนหมอนทองให้พลังงาน 156 กิโลแคลอรี่ ทุเรียนชะนีให้พลังงาน 139 กิโลแคลอรี่ และต่ำสุดคือ ทุเรียนกระดุมให้พลังงาน 129 กิโลแคลอรี่ และหากทุเรียนกวนจะให้พลังงานมากขึ้นไปอีก คือ 340 กิโลแคลอรี่
วิธีการเลือกทุเรียน
1.ผิวของทุเรียนจะต้องไม่มีรอยช้ำ รอยแผล
2. บริเวณปลายหนามทุเรียนจะแห้ง เป็นสีน้ำตาล
3.เปลือกทุเรียนจะเริ่มเป็นสีน้ำตาลและมีความมัน
4. รอยแยกระหว่างร่องพู เห็นได้ชัดเจน
5.จับขั้วก้านแล้วสากมือ เหมือนกระดาษทราย
6. เคาะแล้วมีเสียงโปร่งๆ หลวมๆ ไม่ทึบ
7.มีกลิ่นหอม ไม่มีกลิ่นเหม็นเขียว
8.กดแล้วเนื้อบุ๋มลงไป ไม่แข็งจนกดไม่ลง
ข้อควรระวัง
ทุเรียนถึงแม้ว่าจะเป็นผลไม้ที่มีรสชาติหวานอร่อย แต่ภายในเนื้อทุเรียนนั้นมีน้ำตาลสูง และให้พลังงานค่อนข้างมาก หากรับประทานมากจนเกินไปอาจทำให้เกิดอาการร้อนใน หรือผลข้างเคียงได้ ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม ทุเรียน ไม่ควรบริโภคร่วมกับอาหารดังต่อไปนี้
1.ครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์อย่างเหล้า เบียร์ ไวน์
เนื่องจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และทุเรียนให้พลังงานสูง ส่งผลให้กระบวนการเผาผลาญของร่างกายต้องทำงานหนัก ร่างกายก็จะมีอุณหภูมิสูงขึ้น บวกกับแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ร่างกายจะขาดน้ำซึ่งทำให้ร่างกายร้อนมากขึ้นได้
2. ห้ามรับประทานทุเรียนกับ ผลไม้ที่ให้น้ำตาลสูง
เนื่องจากร่างกายจะได้น้ำตาลในปริมาณสูงมาก ๆ อย่างรวดเร็ว ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งได้ในเวลาอันสั้น ซึ่งหากไม่ได้เผาผลาญก็จะเก็บสะสมและกลายเป็นไขมันในร่างกาย หรือหากป่วยเป็นเบาหวานก็อาจมีอาการวูบ หมดสติได้
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3yHxZp2
โฆษณา