23 พ.ค. 2022 เวลา 11:48 • ประวัติศาสตร์
“บอลข่าน (Balkans)” ดินแดนผู้จุดชนวนสงครามโลก
ชาติพันธุ์ (Ethnicity) คือ การแบ่งมนุษย์ที่มีวัฒนธรรมเหมือนกัน พูดภาษาแบบเดียวกัน รวมถึงมีสำนึกในบรรพบุรุษกลุ่มเดียวกัน
1
การแบ่งแยกชาติพันธุ์นี้ ก่อให้เกิดความขัดแย้งเพราะความแตกต่างมาโดยตลอด
เมื่อการปฏิวัติอุตสาหกรรมและแนวคิดชาตินิยมได้ถือกำเนิดขึ้น การรวมกลุ่มชาติพันธุ์เดียวกันไว้ในเขตแดนเดียวกันกลายเป็นกระแสที่ไม่อาจหยุดยั้งได้
1
กระแสนั้นได้ก่อให้เกิดการสร้างชาติต่างๆ ที่รวมกลุ่มชาติพันธุ์เดียวกันเอาไว้เป็นชนส่วนใหญ่ของชาตินั้นๆ
หากสร้างชาติได้เป็นระบบ ก็สามารถกลืนชาติพันธุ์ส่วนน้อยให้เป็นส่วนหนึ่งของชาติพันธุ์ส่วนใหญ่ได้ สเกลความขัดแย้งจึงอาจไม่ลุกลามใหญ่โต
1
แต่ทว่า หากการสร้างชาติไม่ได้ถูกกำหนดโดยกลุ่มชาติพันธุ์ที่อยู่ในชาตินั้น แต่กลับถูกกำหนดโดยคนกลุ่มอื่นที่อาจมีอำนาจเหนือพวกเขาเหล่านั้น
ความขัดแย้งหลังการรวมชาติ ก็มักเกิดขึ้นอย่างรุนแรงอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการจราจล การปฏิวัติ สงคราม หรืออาจไปถึงจุดสูงสุดของความขัดแย้งอย่างการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
1
ทุกท่านครับ และนี่คือเรื่องราวของดินแดนที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางชาติพันธุ์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
1
ดินแดนแห่งนี้เป็นเหมือนใจกลางของเหล่ามหาอำนาจในยุโรป...
ดินแดนแห่งนี้มีบทบาทสำคัญในการกำหนดเส้นทางประวัติศาสตร์ของโลกเกือบทุกยุคสมัย...
ไม่ว่าจะเป็นยุคโบราณ ยุคกลาง ยุคใหม่ สงครามโลก สงครามเย็น และโลกาภิวัฒน์...
1
แต่ละยุคสมัยดินแดนแห่งนี้ก็มีขนาดพื้นที่และบทบาทที่แตกต่างกัน...
"บอลข่าน" ในฐานะศูนย์รวมของสลาฟใต้ ที่ชาตินิยมได้ผลักดันให้เข้าสู่กระบวนการสร้างชาติ...
"ยุโรปตะวันออก" ในฐานะม่านเหล็กและกำแพงอันแข็งแกร่งที่แบ่งแยกโลกออกเป็น 2 ขั้ว...
"ยูโกสลาเวีย" ในฐานะจุดสูงสุดของความขัดแย้งทางชาติพันธุ์ ที่อาจเรียกได้ว่าร้ายแรงที่สุดแห่งหนึ่ง...
และนี่ คือเรื่องราวตอนแรกของดินแดนแห่งนี้...
"บอลข่าน (Balkans)" ดินแดนผู้จุดชนวนสงครามโลก
1
โปรดนั่งลงเถิดครับ แล้วผมจะเล่าให้ฟัง...
3
หากเราดูแผนที่โลกในปัจจุบัน เราจะเห็นประเทศต่างๆ ที่มีเส้นเขตแดนชัดเจน บางพื้นที่ก็มีประเทศใหญ่ประเทศเดียวครอบครอง แต่บางพื้นที่ถึงแม้จะมีสเกลเล็ก แต่กลับถูกแบ่งทอนเป็นหลายประเทศ
พื้นที่ที่เรียกว่า "คาบสมุทรบอลข่าน" ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของยุโรปมีขนาดประมาณ 562,614 ตารางกิโลเมตร ใหญ่กว่าประเทศไทยเพียง 49,494 ตารางกิโลเมตร (ประเทศไทยมีขนาด 513,120 ตารางกิโลเมตร)
บอลข่านที่มีขนาดพื้นที่ไม่ต่างจากไทย แต่กลับถูกแบ่งเป็น 12 ประเทศในปัจจุบัน!
นับตั้งแต่ทางด้านเหนือสุดลงมาใต้สุด คือ โรมาเนีย มอลโดวา สโลวิเนีย โครเอเชีย บอสเนีย-เฮอร์เซโกวินา เซอร์เบีย มอนเตเนโกร โคโชโว อัลเบเนีย นอร์ทมาซิโดเนีย บัลเกเรีย และกรีซ (ยังมีอีก 2 ประเทศ คือ อิตาลีและตุรกี มีพื้นที่บางส่วนอยู่ในบอลข่าน)
1
แน่นอนครับว่า เกณฑ์การแบ่งประเทศในแต่ละพื้นที่นั้น ยึดถือเอาชาติพันธุ์ส่วนใหญ่เป็นที่ตั้ง ซึ่งบริเวณบอลข่านก็เป็นพื้นที่ที่มีชาติพันธุ์หลากหลายมาก
1
แต่ก่อนอื่นผมอยากให้ทุกท่านได้รู้จักชนชาติหนึ่งที่เรียกว่า "สลาฟ (Slavs)" กันก่อน
สลาฟ เป็นหนึ่งในกลุ่มชนชาติที่อยู่ในอินโด-ยูโรเปียน ซึ่งมีพื้นเพอยู่แถบเอเชียกลางแล้วอพยพกระจัดกระจายไปทั้งทางอินเดียและยุโรป
2
โดยมีพวกหนึ่งที่อพยพขึ้นเหนือ (ปัจจุบันคือรัสเซีย) สร้างวัฒนธรรมของตัวเอง แล้วแพร่กระจายเข้าสู่ดินแดนข้างเคียงเกิดเป็นวัฒนธรรมแบบสลาฟขึ้นมา
1
แต่สลาฟที่อยู่ในพื้นที่ต่างกัน ก็เกิดทั้งภาษาและวัฒนธรรมยิบย่อยที่แตกต่างกันจนกลายเป็นชาติพันธุ์ต่างๆ ขึ้นมาในที่สุด
1
และเราสามารถแบ่งสลาฟออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้...
1) สลาฟตะวันออก คือ ชาวรัสเซีย เบลารุส ยูเครน
2) สลาฟตะวันตก คือ ชาวสโลวัก เช็ก โปล
3) สลาฟใต้ คือ ชาวเซิร์บ โครแอต สโลวีน บอสเนีย บัลเกเรียน มาซิดอน มอนเตเนกริน
2
ซึ่งบริเวณบอลข่านคือที่อยู่ของสลาฟใต้นั่นเองครับ
สลาฟใต้จะมีความแตกต่างกันค่อนข้างมากเพราะด้วยลักษณะภูมิประเทศของบอลข่านที่เต็มไปด้วยเทือกเขาสลับซับซ้อน ทำให้แต่ละเมืองถูกตัดแยกออกจากกัน วัฒนธรรมและภาษาก็เริ่มถ่างออกเรื่อยๆ ที่ถึงแม้รากของภาษาจะเป็นสลาฟ แต่ถ้าให้มาเจอกันอีกทีก็แทบจะพูดกันไม่รู้เรื่องเลยทีเดียว
2
อีกทั้งบริเวณนี้ยังไม่ได้มีเฉพาะสลาฟ แต่ยังมีชาติพันธุ์ยิบย่อยอย่างเติร์ก แมกยาร์ วลาช โรมาเนียน กรีก ยิว ยิปซี ฯลฯ
ด้วยพื้นที่ขนาดเล็กแต่ชาติพันธุ์กลับหลากหลายแบบสุดๆ ทำให้เมื่อเกิดกระแสชาตินิยม ปัญหาอีรุงตุงนังในการแบ่งชาติของบอลข่านจะกินเวลายาวนานถึง 4 ศตวรรษเลยล่ะครับ...
ภาพจาก ResearchGate (บอลข่าน)
ภาพจาก Wikimedia Commons (ชนชาติสลาฟ)
คราวนี้เราลองมาดูพื้นที่รอบๆ ของบอลข่านกันบ้าง...
รอบๆ บ้านของบอลข่านนั้น เรียกได้ว่า ต่างมีมหาอำนาจผุดขึ้นมาตลอดช่วงเวลาของประวัติศาสตร์
เริ่มตั้งแต่กรีกโบราณ ที่เป็นอารยธรรมพื้นฐานของตะวันตก แต่กรีกเห็นว่าบอลข่านเป็นดินแดนหลังเขา เลยไม่ได้สนใจเท่าไหร่ ซึ่งมีช่วงหนึ่งที่มาซิโดเนียในบอลข่านผงาดขึ้นมาตีทั้งกรีก อียิปต์ ตะวันออกกลาง เปอร์เซีย โดยการนำของอเล็กซานเดอร์ แต่อยู่ได้ไม่กี่ปีก็ล่มสลายลง
1
ต่อมาคือโรมัน ที่ขนาดพื้นที่อำนาจใหญ่โตมากจนต้องแบ่งศูนย์อำนาจออกเป็น 2 ส่วน คือ โรมันตะวันตกมีโรมเป็นศูนย์กลาง และโรมันตะวันออก (ไบแซนไทน์) มีคอนสแตนติโนเปิลเป็นศูนย์กลาง
1
ซึ่งทั้งสองที่ก็ขนาบข้างทั้งซ้ายทั้งขวาของบอลข่าน แต่เมื่อโรมันตะวันตกล่มสลาย ทำให้เหลือแค่ไบแซนไทน์ ซึ่งบอลข่านทั้งหมดก็ตกอยู่ใต้อิทธิพลของไบแซนไทน์ แล้วก็ได้รับอิทธิพลของคริสต์ออทอดอกซ์มาด้วย
2
ในเวลาต่อมาไบแซนไทน์ถูกเซลจุกเติร์กถล่มจนยับ ล่มสลายลงไปในปี 1453 โดยเติร์กก็ใช้คอนสแตนติโนเปิลเป็นศูนย์อำนาจของตัวเอง เกิดมหาอำนาจใหม่คือออตโตมัน ซึ่งบอลข่านก็ถูกเปลี่ยนมือจากไบแซนไทน์ไปที่ออตโตมันอีกที โดยบอลข่านก็ได้รับอิทธิพลของอิสลามมาด้วยเช่นเดียวกัน
และพอกระแสชาตินิยมเริ่มมา ก็เกิดการสร้างชาติในยุโรป มีมหาอำนาจใหม่อย่างออสเตรียขึ้นมา
คราวนี้ก็เหมือนกับว่าบอลข่านถูกขนาบเป็นแซนวิชด์ มีออสเตรียอยู่ด้านบน และออตโตมันอยู่ด้านล่าง และมาเฟียทั้งสองก็แข่งกันขยายอำนาจในบอลข่าน
อีกทั้งเทรนด์การสร้างชาติของยุโรปก็เริ่มระบาดเข้าสู่บอลข่าน พร้อมๆ กับความเบื่อหน่ายการปกครองของออตโตมันที่นับวันยิ่งย่ำแย่ลง ทำให้บอลข่านเริ่มอยากแยกตัวเองออกจากออตโตมัน
1
ซึ่งตัวของออสเตรียก็สนับสนุนเต็มที่ กลายเป็นท่อน้ำเลี้ยงของเหล่ากบฏแบ่งแยกดินแดน หรือแม้กระทั่งบางช่วงก็รบกับออตโตมันโดยตรงเพื่อแย่งดินแดนในบอลข่าน
2
แต่ด้วยความใหญ่ของออตโตมัน ทำให้ออสเตรียค่อนข้างเสียเปรียบ ออตโตมันยังคงคุมเกมในบอลข่านอย่างเหนียวแน่น
จนกระทั่งมีมือที่สามคือมหาอำนาจจากด้านเหนือที่ชื่อว่ารัสเซีย ต้องการมีอิทธิพลในทะเลดำ เลยเปิดสงครามกับออตโตมันในปี 1768
1
ผลคือออตโตมันแพ้อย่างยับเยิน ทำให้รัสเซียยึดไครเมียและคุมทะเลดำทั้งหมด โดยการแพ้ครั้งนี้ทำให้ออตโตมันอ่อนแอลงแบบสุดขีด เป็นการเปิดโอกาสให้เหล่ามหาชนต่างๆ ของบอลข่านลุกขึ้นปฏิวัติในที่สุด...
ภาพจาก World History Encyclopedia (โรมันตะวันตกและโรมันตะวันออก)
ภาพจาก World Atlas (ออตโตมัน)
ภาพจาก Wikipedia (สงครามรัสเซีย ออตโตมันปี 1768-1774)
การชิงอำนาจในทะเลดำ
คนกลุ่มแรกที่ลุกขึ้นต่อต้านออตโตมันแบบจริงจังคือชาวเซิร์บ โดยมีผู้นำคือการาจอร์ช โปโตรวิช ปลุกระดมชาวนาเข้าบวกกับทหารออตโตมัน รัสเซียที่ต้องการให้อำนาจในทะเลดำมั่นคงกว่าเดิมเลยเป็นสปอนเซอร์ให้ชาวเซิร์บ จนยึดเมืองสำคัญๆ อย่างเบลเกรดได้ในปี 1806
แต่แล้วทางด้านตะวันตก ฝรั่งเศสที่นำโดยนโปเลียนมีแววว่าจะเปิดศึกกับรัสเซีย ทำให้ยังไม่ทันได้ช่วยให้ชาวเซิร์บประกาศอิสรภาพเรียบร้อย รัสเซียก็ต้องถอนทหารไปยันฝรั่งเศสไว้ก่อน
คราวนี้ออตโตมันที่เห็นโอกาส ก็ส่งทหารเข้ากระทืบชาวเซิร์บแบบไม่ยั้งในปี 1815 การาจอชต้องหนีตายหัวซุกหัวซุนไปที่ฮังการี...
แต่อีก 2 ปีต่อมา เซิร์บก็มีผู้นำใหม่คือ มิโลช โอเบรโนวิช รวบรวมกองกำลัง ซึ่งตรงกับช่วงที่รัสเซียเคลียร์ปัญหาฝรั่งเศสเสร็จพอดี เลยกลับมาเป็นสปอนเซอร์ให้เซิร์บอีกครั้ง
และก็กลายเป็นหนังม้วนเดิม คือออตโตมันไม่สามารถต้านกองกำลังของกบฏได้ ต้องถอดใจแล้วออกไปจากดินแดนของเซิร์บ ซึ่งในปี 1817 ชาวเซิร์บก็ประกาศอิสรภาพและสร้างชาติของตัวเองขึ้นมาในชื่อ "เซอร์เบีย (Serbia)"
2
การสร้างชาติของเซิร์บ เป็นเหมือนโดมิโนตัวแรกที่เริ่มล้มลง ชาติพันธุ์รอบๆ บอลข่านก็เกิดแรงบันดาลใจในการสร้างชาติเหมือนกัน
โดยคิวที่สองคือชาวกรีก ซึ่งมีการตั้งสมาคมลับต่างๆ เพื่อขยายแนวคิดชาตินิยมให้กับชาวกรีก และในปี 1821 ที่ทุกอย่างสุกงอม ก็มีการรวมกองกำลังประกาศอิสรภาพจากออตโตมัน
ซึ่งชาวกรีกก็คิดไว้แล้วครับว่า "เซอร์เบียกับรัสเซียต้องสนับสนุนแน่นอน" แต่แล้วเหมือนจะคาดเดาผิด เพราะเซอร์เบียที่เริ่มสร้างชาติก็ไม่อยากมีปัญหากับออตโตมัน และรัสเซียก็ไม่เห็นประโยชน์ที่จะสนับสนุนกรีก ทำให้ออตโตมันก็ส่งกองทัพมายำกรีกจนเละเทะอย่างง่ายดาย...
แต่กรีกก็ไม่ได้ยอมแพ้เพียงแค่นั้น มีการหลบตามซอกเขาแล้วทำสงครามแบบกองโจรตอดเล็กตอดน้อยแบบไม่หยุดหย่อน
การปิดเกมกับกรีกแบบเด็ดขาดไม่ได้ทำให้ออตโตมันหัวเสียถึงขีดสุด มีการจับชาวกรีกที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกบฏมาแขวนคอในคอนสแตนติโนเปิล
รวมไปถึงมีการสังหารหมู่ชาวกรีกกว่าหมื่นคนในปี 1822 ความบ้าเลือดของออตโตมันทำให้มหาอำนาจในยุโรปทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส ออสเตรียและรัสเซียก็ต่างคิดว่า "แบบนี้มันมากเกินไปแล้ว!" แลยร่วมกันสนับสนุนกรีกแบบเต็มที่
ว่าแล้วทั้งสี่มหาอำนาจก็ส่งทัพเรือเข้าถล่มทัพออตโตมันในเมดิเตอร์เรเนียน ออตโตมันเลยตัดสินใจปิดช่องแคบบอสฟอรัสและดาร์ดาแนลส์ที่เป็นทางผ่านเข้าคอนสแตนติโนเปิล
รัสเซียเลยเปลี่ยนเส้นทางบุกจากทางเมดิเตอร์เรเนียนและอีเจียน ไปบุกผ่านทะเลดำแทน แล้วเข้าถล่มคอนสแตนติโนเปิล ยึดช่องแคบทั้งสองได้อย่างรวดเร็ว...
1
แต่มหาอำนาจที่เหลือเริ่มกลัวรัสเซียจะคุมทะเลอีเจียนและเมดิเตอร์เรเนียนไปด้วย เลยสกัดขาไว้ก่อน โดยการบังคับให้ทั้งรัสเซียและออตโตมันทำสัญญาที่ลอนดอนในปี 1830
จากสัญญา ทำให้ชาวกรีกสามารถประกาศอิสรภาพจากออตโตมันสร้างชาติของตัวเองในชื่อ "กรีซ (Greece)" ขึ้นมาได้สำเร็จ
แต่ทว่า จากการสร้างชาติของกรีก ทำให้เหล่ามหาอำนาจที่เข้ามาเกี่ยวข้องเริ่มเขม่นใส่กัน...
รัสเซีย เริ่มตั้งใจที่จะแผ่อำนาจในบอลข่านแบบเต็มที่เพื่อผลประโยชน์ในทะเลดำและสร้างอำนาจในทะเลอีเจียนกับเมดิเตอร์เรเนียน...
แต่อังกฤษ ฝรั่งเศส และออสเตรียก็คิดในใจลึกๆ แล้วว่า "จะไม่ยอมให้รัสเซียมีอำนาจในบอลข่านและเมดิเตอร์เรเนียนโดยเด็ดขาด!"
1
ภาพจาก Wikipedia (การปฏิวัติของเซอร์เบีย)
ภาพจาก Grazette Drouot (การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวกรีก)
ภาพจาก Firstpost (ช่องแคบดาร์ดาแนลและบอสฟอรัส)
ความตึงเครียดเริ่มมากขึ้น เมื่ออังกฤษแทรกแซงกรีซ และฝรั่งเศสแทรกแซงอียิปต์เพื่อเป็นสัญญาณให้รัสเซียรับรู้ว่า "ห้ามยุ่งกับออตโตมันหรือแทรกแซงบอลข่าน!"
แต่ออตโตมันนั้นดันหันไปจับมือกับรัสเซียหน้าตาเฉย! เพราะกลัวว่าชาติพันธุ์ต่างๆ ในบอลข่านจะปลดแอกอีก และหลักประกันที่จะคุ้มครองออตโตมันได้คือรัสเซีย โดยแลกกับการปิดช่องแคบดาร์ดาแนลส์ไม่ให้ชาติอื่นเข้ามาได้...
แต่หลังฉากนั้นรัสเซียก็อยากมีอำนาจในบอลข่านเลยเจรจากับอังกฤษและออสเตรียเพื่อแบ่งเค้กออตโตมันออกเป็น 3 ส่วน แต่อังกฤษกับออสเตรียที่ไม่อยากให้รัสเซียเข้ามายุ่มย่ามในบอลข่านเลยไม่สนใจข้อเสนอนี้...
เมื่อสัญญาตลบหลังออตโตมันไม่สำเร็จ รัสเซียที่มั่นใจในกองกำลังของตัวเองเลยใช้ข้ออ้างเรื่องศาสนา ยกทัพบุกออตโตมันในปี 1853!
ฝ่ายอังกฤษและฝรั่งเศสที่ตื่นตัวอยู่แล้วก็บอกออตโตมันว่า "เดี๋ยวพวกเราช่วยเอง" ว่าแล้วก็ส่งเรือรบเข้าทะเลดำพร้อมประกาศสงครามกับรัสเซียกลายเป็นเหตุการณ์ที่เรียกว่า "สงครามไครเมีย" ขึ้น
รัสเซียที่เห็นว่าโดนรุมเลยหันไปเจรจากับออสเตรีย แต่อย่างที่เคยเล่าไปว่าออสเตรียก็มีเป้าหมายเดียวกับอังกฤษและฝรั่งเศส เลยหันหลังให้รัสเซียแบบไม่ใยดี
กองเรือพันธมิตรก็เข้ายึดน่านน้ำในทะเลดำและเข้าถล่มไครเมียจนรัสเซียต้องยอมแพ้ในปี 1856
ความพ่ายแพ้อย่างราบคาบทำให้ทะเลดำถูกกำหนดให้เป็นน่านน้ำเสรี รัสเซียเลยหมดอำนาจในทะเลดำและหมดโอกาสควบคุมบอลข่านแบบสิ้นเชิง
รวมถึงเสียดินแดนตรงบอลข่านคือวาลักเฮียและโมลดาเวีย ซึ่งทั้งสองดินแดนมีชาติพันธุ์ส่วนใหญ่คือชาวโรมาเนียน ทำให้มหาอำนาจก็จัดการรวมดินแดนทั้งสองและสร้างชาติที่ชื่อว่า "โรมาเนีย (Romania)" ขึ้นมานั่นเอง
ภาพจาก Wikipedia (สงครามไครเมีย)
ภาพจาก True Romania Tours (โรมาเนีย)
คราวนี้แหละครับ หลังการเกิดชาติเซอร์เบีย กรีซและโรมาเนีย โดมิโนตัวต่อไปก็ค่อยๆ ล้มลงรวดเร็วยิ่งขึ้น...
เมื่อในดินแดนทางใต้ของโรมาเนียก็มีกลุ่มคนที่เรียกว่าชาวบัลเกเรียนลุกขึ้นต่อต้านออตโตมัน
รวมถึงดินแดนทางตะวันออกของเซอร์เบียก็มีชาวบอสเนียลุกขึ้นต่อต้านออตโตมันในเวลาไล่เลี่ยกัน
ฝ่ายออตโตมันก็คิดว่า "อะไรกันนักกันหนา!" แล้วส่งกองทัพเข้าสั่งสอนกบฏอย่างดุเดือด โดยเน้นสังหารหมู่ทั้งชาวบัลเกเรียนและบอสเนีย...
เซอร์เบียที่เห็นพี่น้องสลาฟถูกกระทำอย่างโหดเหี้ยมเลยฉุนขึ้นมาทันที ประกาศสงครามกับออตโตมัน รวมถึงชาวมอนเตเนกรินที่อยู่ข้างเซอร์เบียก็ร่วมกันต่อต้านออตโตมันขึ้นมาอีก
แต่ทัพออตโตมันกลับเป็นฝ่ายตบสั่งสอนทัพเซอร์เบีย! แล้วเข้าถล่มชาวมอนเตเนกรินอย่างโหดเหี้ยมไม่ต่างจากบัลเกเรียนกับบอสเนีย...
ไฟการปฏิวัติที่โหมกระพืออย่างรุนแรง ทำให้ออตโตมันเสียทั้งเงินและคนไปจำนวนมาก ถึงแม้จะชนะเซอร์เบียแต่บัลเกเรียน บอสเนีย และมอนเตเนกรินก็ยังสู้สุดใจขาดดิ้น
คราวนี้รัสเซียที่เห็นโอกาสเลยเข้ามาผสมโรงด้วยโดยใช้เหตุผล "เพื่อปกป้องชาวสลาฟในบอลข่าน" ซึ่งทัพรัสเซียก็เข้าถล่มออตโตมันแบบยับเยินอีกเช่นเคยในปี 1878 แล้วรับรองอิสรภาพให้ชาวบัลเกเรียนและมอนเตเนกริน รวมถึงรัสเซียได้เข้าไปมีอิทธิพลในดินแดนของชาวบอสเนีย
คราวนี้แหละครับ ความตึงเครียดได้เกิดขึ้นอีกครั้ง!
2
โรมาเนียก็ประท้วงการสร้างชาติของบัลเกเรียน...
ออสเตรีย-ฮังการี ก็ไม่อยากให้รัสเซียเข้ามาแทรกแซงดินแดนของบอสเนียเพราะดันติดกับเขตแดนของตัวเอง...
อังกฤษ ก็ไม่พอใจที่ตัวเองดันไม่มีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วย...
3
เค้าของสงครามเหมือนจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง แต่แล้วมหาอำนาจเกิดใหม่ที่ชื่อว่าเยอรมัน ซึ่งรวมชาติได้หมาดๆ นำโดยออตโต ฟอน บิสมาร์ค ก็เข้ามาเป็นตัวกลางเคลียร์ปัญหานี้โดยจัดประชุมที่เบอร์ลิน
ซึ่งบิสมาร์คต้องการดุลอำนาจไม่ให้ประเทศต่างๆ ตีกัน เลยเจรจากับรัสเซีย (ทั้งเยอรมันกับรัสเซียมีความสัมพันธ์ที่ดีอยู่แล้ว) ทำให้เกิดเป็นสนธิสัญญาเบอร์ลินขึ้นมา...
ผลคือดินแดนของบอสเนียในชื่อ "บอสเนีย-เฮอเซโกวินา" ให้ออสเตรีย-ฮังการีดูแลไป แต่ยังเป็นดินแดนของออตโตมันอยู่...
ดินแดนของชาวมอนเตเนกริน ก็สร้างชาติขึ้นมาในชื่อ "มอนเตเนโกร (Montenegro)"
ดินแดนของชาวบัลเกเรียนที่ใหญ่กว่าเพื่อนก็ให้ปกครองตัวเองแต่ยังอยู่ใต้ออตโตมันในชื่อ "บัลเกเรีย (Bulgaria)"
ชาติต่างๆ ในบอลข่านเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น แต่ความต้องการของชาติพันธุ์ในบอลข่านนั้นกลับทะเยอทะยานมากกว่าที่คิด ทำให้เป้าหมายต่อไปหลังจากสร้างชาติ ก็คือการขยายดินแดนของตัวเองออกไป...
ภาพจาก Quote Master (ชาติในบอลข่านจากสนธิสัญญาเบอร์ลิน)
เซอร์เบีย เป็นชาติที่มีอุดมการณ์ชัดเจนในการรวมบอลข่านทั้งหมดให้เป็นดินแดนของชาวสลาฟใต้หรือที่เรียกว่า "ยูโกสลาฟ (Yugoslavs)" ซึ่งที่แรกที่เซอร์เบียเล็งเอาไว้คือดินแดนทางตะวันออกอย่างบอสเนีย-เฮอเซโกวินา และดินแดนทางใต้อย่างมาซิโดเนีย
ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน เพราะบอสเนีย-เฮอเซโกวินาเป็นของออตโตมันก็จริง แต่มีออสเตรีย-ฮังการีคุ้มครองอยู่ทำให้เซอร์เบียทำอะไรไม่ได้มาก
1
อีกทั้งมาซิโดเนียนั้นไม่ได้มีแค่เซอร์เบียที่เล็งเอาไว้ แต่มีทั้งบัลเกเรีย กรีซ และโรมาเนีย ที่ต่างจ้องตาเป็นมันเช่นเดียวกัน
ในเวลาไม่นาน ภายในมาซิโดเนียก็มีกระแสการสร้างชาติต่อต้านออตโตมันขึ้นมา รวมถึงดินแดนข้างเคียงก็มีชาวอัลเบเนียนลุกขึ้นปฏิวัติออตโตมันอีกพวกหนึ่ง
เรื่องราววุ่นวายไม่หยุดหย่อนของออตโตมันทั้งแพ้สงคราม เสียดินแดน และเกิดกบฏ ทำให้อำนาจของสุลต่านลดลงถึงขีดสุด กระแสชาตินิยมทำให้เกิดกลุ่มที่เรียกว่า "ยังเติร์ก (Young Turks)" ลุกขึ้นปฏิวัติโค่นล้มสุลต่านในปี 1908
จากการปฏิวัติของยังเติร์ก ทำให้บัลเกเรียใช้โอกาสนี้ประกาศอิสรภาพแบบเต็มตัว...
รวมถึงออสเตรีย-ฮังการีก็ใช้โอกาสนี้จัดการผนวกบอสเนีย-เฮอเซโกวินาเป็นของตัวเอง ตัดหน้าเซอร์เบียแบบดื้อๆ!
1
เซอร์เบียเลยประท้วงว่า "ชาติพันธุ์ในออสเตรีย-ฮังการีเป็นเยอรมันและแมกยาร์ แต่ในบอสเนียส่วนใหญ่เป็นชาวบอสเนีย เซิร์บและโครแอตซึ่งเป็นสลาฟ ดังนั้น บอสเนียควรรวมกับเซอร์เบียมากกว่า!"
แต่อังกฤษและฝรั่งเศสก็กระโดดเข้ามาสนับสนุนให้บอสเนียรวมกับออสเตรีย-ฮังการี ออตโตมันเลยยอมยกบอสเนียให้ออสเตรีย-ฮังการีในปี 1909 แลกกับเงินชดเชยจำนวนหนึ่ง...
1
คำตัดสินของมหาอำนาจทำให้เซอร์เบียต้องจำใจยอมรับ แต่ในฉากหลังก็มีชาวเซิร์บอยู่ไม่น้อยที่ต้องการรวมบอสเนีย เลยมีการตั้งสมาคมลับที่ชื่อว่า "หัตถ์ทมิฬ (Black Hand)" เพื่อแทรกแซงบอสเนียให้ปฏิวัติออสเตรีย-ฮังการี
สมาคมที่ว่านี้ค่อนข้างหัวรุนแรง มีการก่อวินาศกรรมในบอสเนียเพื่อต่อต้านออสเตรีย-ฮังการีอยู่หลายครั้ง ซึ่งยิ่งทำให้การเมืองของออสเตรียและเซอร์เบียตึงเครียดยิ่งกว่าเดิม...
ภาพจาก Wikipedia (สัญลักษณ์ของหัตถ์ทมิฬ)
การสร้างชาติแทบทุกครั้งของบอลข่าน ล้วนมีมหาอำนาจเข้ามาเกี่ยวข้องและส่วนใหญ่ก็แบ่งแยกดินแดนตามใจชอบโดยไม่มีการถามคนที่อยู่ในบอลข่านเลยซักครั้งเดียว
ทำให้บอลข่านเริ่มไม่ไว้ใจมหาอำนาจทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน และออสเตรีย-ฮังการี (ยกเว้นรัสเซียเพราะอย่างน้อยก็เป็นสลาฟเหมือนกัน)
ชาติบอลข่านอย่างเซอร์เบีย บัลเกเรีย มอนเตเนโกรเลยตัดสินใจรวมกลุ่มกันในชื่อ "สันนิบาตบอลข่าน (Balkans League)" และประกาศสงครามกับออตโตมันเพื่อจัดการอิทธิพลของออตโตมันให้หมดไปจากบอลข่าน
ออตโตมันที่เพิ่งปฏิวัติไปหมาดๆ และกำลังอ่อนแอ ก็แพ้สันนิบาตบอลข่านอย่างง่ายดาย และหมดอำนาจในบอลข่านไปโดยสิ้นเชิง
เหล่ามหาอำนาจทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน และออสเตรียที่เห็นว่าออตโตมันกำลังแย่ และบอลข่านเริ่มทำเลยเถิดเกินไปหน่อย จึงเข้ามาบังคับให้ยุติสงครามพร้อมเจรจากันที่ลอนดอน
โดยทั้งเซอร์เบีย บัลเกเรีย และกรีซก็ได้ดินแดนรอบๆ เพิ่มแบบไม่มีปัญหาอะไร...
แต่ปัญหาอยู่ที่ดินแดนของอัลเบเนียนและมาซิโดเนียที่ชาติบอลข่านต่างจับจ้องเอาไว้ ซึ่งทั้งเซอร์เบีย กรีซ และมอนเตเนโกรก็ตกลงกันว่าจะแบ่งเค้กเท่าๆ กัน
แต่มหาอำนาจโดยเฉพาะออสเตรีย-ฮังการี กลับให้ชาวอัลเบเนียนประกาศอิสรภาพและสร้างชาติของตัวเองในชื่อ "อัลเบเนีย (Albania)" ทำให้ทั้งสามชาติแห้วไปตามๆ กัน (โดยเฉพาะเซอร์เบียที่เหมือนถูกตัดทางออกทะเลของตัวเอง)
เหลือมาซิโดเนียที่บัลเกเรียจองเอาไว้แล้ว แต่เซอร์เบียกับกรีซตัดสินใจตลบหลังตั้งใจแบ่งมาซิโดเนียเป็นสองส่วน...
บัลเกเรียที่บังเอิญรู้เข้าเลยยกทัพโจมตีเซอร์เบียและกรีซแบบฉับพลัน!
แต่ความเปรี้ยวเกินขนาดของบัลเกเรียทำให้ประเมินเซอร์เบียและกรีซต่ำเกินไป ไม่ได้มองหาพันธมิตรมาช่วย เลยถูกโต้กลับอย่างรวดเร็ว...
2
รวมถึงมอนเตเนโกรก็ร่วมมือกับฝ่ายเซอร์เบียและกรีซรุมตบบัลเกเรียอย่างดุเดือด...
ไม่เพียงแค่นั้น โรมาเนียก็อยากมีส่วนร่วมยกทัพจากด้านเหนือเข้ามาถล่มบัลเกเรียอีกทางหนึ่ง...
อีกทั้งออตโตมันก็ฉวยโอกาสเข้ามายึดเมืองที่ชื่อว่าอะเดรียโนเปิลคืนจากบัลเกเรีย...
การโดนรุมยำจาก 5 ชาติ ทำให้บัลเกเรียไม่มีโอกาสได้ลืมตาอ้าปากตลอดสงครามและยอมแพ้ในที่สุด
มาซิโดเนียจึงถูกแบ่งเป็นของกรีซและเซอร์เบีย...
1
โรมาเนียก็ได้ดินแดนบางส่วนของบัลเกเรีย...
และออตโตมันก็ได้เมืองอะเดรียโนเปิล...
3
ความขัดแย้งทั้งหมดนี้คือ "สงครามบอลข่าน" ซึ่งทำให้ชาติบอลข่านเริ่มไม่ไว้ใจกันและกันมากขึ้น จนเริ่มหันหน้าเข้าหามหาอำนาจในยุโรปเพื่อมาซัพพอร์ตตัวเอง
บัลเกเรียที่ถูกโดดเดี่ยวก็หันไปจับมือกับออสเตรีย-ฮังการี ซึ่งมีเยอรมันหนุนหลังอีกที...
ส่วนเซอร์เบียและโรมาเนียก็หันหน้าไปจับมือกับรัสเซีย ซึ่งมีฝรั่งเศสและอังกฤษหนุนอีกทีหนึ่ง...
โดยมหาอำนาจที่หนุนหลังอยู่ทั้งสองฝ่าย ต่างก็มีสัญญาลับว่า "หากชาติใดชาติหนึ่งในมหาอำนาจประกาศสงครามกัน ชาติที่เหลือก็ต้องประกาศสงครามด้วย" (สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ใน "บิสมาร์ค (Bismarck)" มหาศึกการทูตแห่งยุโรป)
คราวนี้แหละครับ ระบบพันธมิตรที่ผูกโยงกับมหาอำนาจ ทำให้ชาติบอลข่านในตอนนี้เหมือนถือสลักระเบิดอยู่ในมือเลยทีเดียว
ภาพจาก Wikipedia (สงครามบอลข่าน)
บอลข่านในปี 1912
สงครามในบอลข่าน ทำให้มหาอำนาจยุโรปต่างก็เฝ้าระวังความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในบอลข่านอย่างใกล้ชิด เพราะต่างเริ่มรับรู้ว่าหากเกิดความผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว อาจทำให้ยุโรปทั้งทวีปเข้าสู่สงครามเลยก็ได้...
1
โดยช่วงเวลาที่มหาอำนาจกลัวนั้นมาเร็วกว่าที่คิด เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 1914 อาร์คดยุคฟรานซ์ เฟอร์ดินาน ทายาทบัลลังก์ออสเตรีย - ฮังการี พร้อมชายา ได้เดินทางไปเมืองซาราเจโวที่อยู่ในบอสเนีย
แล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อชายคนหนึ่งที่รู้ภายหลังว่าชื่อ "กัฟริโล ปรินซิป" แหวกฝูงชนเข้ามาแล้วอัดกระสุนเข้าใส่ฟรานซ์เฟอร์ดินานและชายาจนสิ้นพระชนม์คู่
ตัวของกัฟริโล ถูกจับและสอบสวนภายหลังว่ามีส่วนโยงใยกับหัตถ์ทมิฬ ทำให้ออสเตรีย-ฮังการีเพ่งเล็งว่า "งานนี้เซอร์เบียต้องมีส่วนเอี่ยวด้วยแน่นอน!"
รัสเซียที่เห็นท่าไม่ดีเลยออกมาเตือนออสเตรีย-ฮังการีว่า "อย่าใจร้อนทำอะไรบุ่มบ่าม ถ้าออสเตรียบุกเซอร์เบีย รัสเซียจะไม่ยอมอยู่เฉยๆ แน่นอน!"
แต่ออสเตรีย-ฮังการีที่เลือดขึ้นหน้าสุดขีดก็ไม่สนใจฟังรัสเซีย ประกาศสงครามแล้วยกทัพเข้าถล่มเซอร์เบียอย่างรวดเร็ว
ฝ่ายรัสเซียที่มีสัญญาพันธมิตรกับเซอร์เบียเลยตัดสินใจประกาศสงครามกับออสเตรีย-ฮังการีแล้วเข้ามาช่วยเซอร์เบีย
คราวนี้เลยทำให้ระบบพันธมิตรลงล็อกโดยอัตโนมัติ เพราะเกิดคู่สงครามของมหาอำนาจอย่างรัสเซียและออสเตรีย-ฮังการีขึ้นมา
ทำให้ฝรั่งเศสก็กระโดดเข้ามาช่วยรัสเซีย ซึ่งทำให้เยอรมันก็กระโดดเข้ามาช่วยออสเตรีย-ฮังการีด้วยเช่นเดียวกัน
1
สุดท้าย อังกฤษก็เข้าไปตะลุมบอนช่วยรัสเซียและฝรั่งเศส ทำให้เหล่าประเทศต่างๆ ทั่วโลกทั้งที่เป็นอาณานิคมและไม่เป็นอาณานิคมก็ต่างต้องเลือกข้างใดข้างหนึ่ง...
สเกลสงครามจากความขัดแย้งของบอลข่านได้ขยายกลายเป็นมหาสงครามในยุโรป และยืดยาวกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 1 ขึ้นมาในที่สุด...
สลักระเบิดที่เหล่ามหาอำนาจได้ให้บอลข่านถือก็ถูกดึงออกโดยบอลข่านเอง...
สุดท้ายดินแดนเล็กๆ ที่เป็นใจกลางของมหาอำนาจก็ได้สร้างแรงสะเทือนไปทั่วทั้งโลก พร้อมเปลี่ยนโฉมหน้าประวัติศาสตร์ไปตลอดกาล ในฐานะผู้จุดชนวนสงครามที่ร้ายแรงที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยรับรู้
และนี่ คือเรื่องราว "บอลข่าน (Balkans)" ดินแดนผู้จุดชนวนสงครามโลก
2
ภาพจาก Wallpaper Flare
ทุกท่านครับ เรื่องราวในดินแดนนี้ยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น...
สงครามโลกได้ทำให้อำนาจและชาติในบอลข่านมีความเปลี่ยนแปลงไป...
เรื่องราวของบอลข่านในฐานะสลาฟใต้จะถูกผนวกรวมกับยุโรปกลางบางส่วนในฐานะสลาฟตะวันตก...
ความเป็นชาติก็จะยังคงถูกกำหนดโดยเหล่ามหาอำนาจ...
ทำให้ความขัดแย้งทางชาติพันธุ์จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น....
อีกทั้ง ดินแดนนี้จะกลายเป็นผู้จุดชนวนสงครามครั้งที่ใหญ่กว่าเดิม...
และกลายเป็นกำแพงอันแข็งแกร่งที่แบ่งแยกโลกออกเป็น 2 ขั้ว...
ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวในตอนต่อไป...
"ยุโรปตะวันออก (Eastern Europe)" ดินแดนม่านเหล็กในสงครามเย็น
1
References
Albrecht-Carrie, Rene. A Diplomatic History of Europe Since the Congress of Vienna. New York : Harpercollins College Div, 1973.
Craig, Gordon. Europe 1815 - 1914. Illinois : The Dryden Press, 1972.
Captivating History. History of Eastern Europe: A Captivating Guide to a Shortened History of Russia, Ukraine, Hungary, Poland, the Czech Republic, Bulgaria, Slovakia, Moldova, Belarus, and Romania. Captivating History, 2021.
Dvornik, Francis. The Slavs in European History and Civilization. New Jersy : Rutgers University Press. 1962.
Glenny, Misha. The Balkans: Nationalism, War & the Great Powers, 1804-1999. London : Penguin Books, 2001.

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา